ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 824
ตอนที่ 824 จะต่อกรกับใครก็ใช้วิธีนั้น
ตู้หลิงเซวียนเพิ่งจะมองแผนการของเกาจิ่งอานออก เขาจะอัดวิดีโอไว้ และสร้างเรื่องว่าชีวิตส่วนตัวของเขาสำส่อน
เกาจิ่งอานถือกล้องอัดวิดีโออยู่ และมองออกถึงสายตาที่โกรธแค้นของตู้หลิงเซวียนออก ก่อนจะหัวเราะอย่างอ่อนโยน “ประธานตู้ พวกเราล้วนเป็นคนฉลาด คุณคงไม่อยากให้คนทั้งโลกรับรู้เรื่องสำส่อนพวกนี้ของคุณใช่ไหม?”
กัดฟันแน่นกรอด ตู้หลิงเซวียนเปล่งเสียงออกมาผ่านฟันที่กำลังขบไว้แน่น “ไสหัวไป!”
“ฮ่าๆ ๆ ๆ ๆ!”
เขาก่นด่าไปหนึ่งคำ กลับได้รับคำพูดประชดกลับมาจากเกาจิ่งอาน “จุ๊ๆ ๆ ๆ นอนอยู่ที่นี่ ก็คงไม่อยากให้ผมไสหัวไปหรอกนะ? รอจนคุณได้ปลดปล่อยอารมณ์จนหมด ผู้หญิงสวยๆ ล้อมรอบขนาดนี้ คุณมีโชคเต็มเปี่ยมไปเลย พอใจซะเถอะ!”
“เกาจิ่งอาน คุณใช้วิธีต่ำต้อยแบบนี้มาบังคับผม ไม่กลัวว่าผมจ้ะเอาคืนทีหลัง?”ผู้หญิงคนหนึ่งเริ่มคลานขึ้นไปบนตัวของ ตู้หลิงเซวียน
ตู้หลิงเซวียนหลบหนีจากตัวผู้หญิงอย่างรังเกียจ แต่แขนและขาของเขาถูกล่ามไว้ ทำได้เพียงตะโกนว่า GET OUT!
ด้วยความโกรธ
เกาจิ่งอานดื่มด่ำกับภาพตรงหน้าก่อนจะตอบอย่างไม่รีบร้อน “วิธีต่ำต้อยเหรอ? ผมรู้สึกมาตลอดว่า แผนการส่งผู้หญิงมาเป็นอะไรที่ดีที่สุดในบรรดาสามสิบหกแผนการแล้ว เต็มไปด้วยโบนัสทั้งนั้น”
เมื่อนึกถึงแผนส่งผู้หญิงที่ผ่านมาของตนแล้ว เกาจิ่งอานถึงกับอยากอาเจียนออกมา
แม่ง……
ตู้หลิงเซวียนใช้แรงแขนในการดิ้นรนสุดขีด ล่ามโซ่สีชมพูส่งเสียงกระทบออกมา “เกาจิ่งอาน! ปล่อยผมไป ผมไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องของแอนน่า! ต่อให้คุณอัดวิดีโอและปล่อยออกไปแล้ว เรื่องนี้ก็ไม่เกี่ยวกับผมอยู่ดี”
เกาจิ่งอานยืดคอสูงขึ้น ทำเหมือนพยักหน้าลงอย่างตั้งใจ “ไม่เกี่ยวเหรอ? ตั้งแต่แรกยันตอนนี้ผมยังไม่พูดอะไรสักคำ คุณกลับเน้นเรื่องพี่สะใภ้ผมสองรอบแล้ว คุณพูดออกมาตรงๆ สิ เรื่องของพี่สะใภ้ผม?”
ตู้หลิงเซวียนหนักหน่วงใจขึ้น ให้ตายเถอะ เขาไม่ยอมรับออกมา เหมือนว่าเกาจิ่งอานจะไม่เคยเอ่ยถึงแอนน่าออกมาตรงๆ สัญชาตญาณเขารู้สึกว่าเป็นเพราะเรื่องแอนน่าเกาจิ่งอานถึงมาลักพาตัวเขา
เปลี่ยนความคิด ตู้หลิงเซวียนประชดเสียงเย็นออกมา “เรื่องที่ทำให้คุณเกาต้องเป็นเดือนเป็นร้อนขนาดนี้ คงจะมีแต่เรื่องของพี่สะใภ้คุณเท่านั้น?”
เขาเน้นเสียงลงไปที่คำว่าพี่สะใภ้ บ่งบอกถึงความประชดประชัน
“คุณรู้ว่าเธอเป็นพี่สะใภ้ผมเหรอ! คุณมันเป็นตัวแมลงวันคอยรังควานพี่สะใภ้ผมทุกวัน กวนดีจริงๆ!”
เกาจิ่งอานรู้สึกยังไม่สะใจพอ ก่อนจะใช้เท้ากระทืบลงไปอีกหนึ่งที!
ตู้หลิงเซวียนเจ็บมาก แต่ตนกลับออกแรงไม่ได้ ทำได้เป็นแค่เหยื่อของผู้อื่น
“เกาจิ่งอาน คุณไม่กลัวผมจะแก้แค้นเอาคืน?” ตู้หลิงเซวียนใบหน้าแข็งทื่อขึ้น เห็นได้ถึงสัดส่วนกระดูกของใบหน้าอย่างชัดเจน
“ผมกลัวว่าคุณจะไม่มาเอาคืนมากกว่า ทำไม? จะลักพาตัวผมคืน? และใช้วิธีนี้เหมือนกัน? อย่าเลย คุณชายน้อยสไตล์ของผมเป็นแบบนี้ทั้งโลกก็รับรู้” เกาจิ่งอานเปิดกล้องบันทึกวิดีโอขึ้น ก่อนจะปิดโหมดเสียงลง และเริ่มอัดวิดีโอขึ้น
สภาพของตู้หลิงเซวียนตอนนี้ย่ำแย่มาก “เรื่องของแอนน่าไม่เกี่ยวข้องกับผม!”
“อย่างนั้นเหรอ? พวกเราคอยดูแล้วกัน!”
ณ โรงพยาบาลที่นิวยอร์ก
หลังจากที่ถังจิ้นเหยียนตื่นขึ้นมา ก่อนจะเห็นว่าห้องผู้ป่วยไร้ซึ่งเงาของเจิ้งซิ่วหยา ภายใต้แก้วน้ำอุ่นมีกระดาษโน้ตแผ่นหนึ่งสอดไว้อยู่
“คุณปู่ถัง ฉันมีเรื่องที่ต้องไปทำน่ะ ของคุณสำหรับนิทานที่คุณเล่าให้ฉันฟังเมื่อคืนนะ จุ๊บๆ——จากโลลิตัวน้อยที่น่ารัก
ตัวน้อย?
เพื่อที่จะสะดวกในการเขียนชื่อตัวเองเลยใช้การเขียนแบบนี้แทนที่งั้นเหรอ?
แต่เมื่อนึกถึงนิสัยที่แปลกประหลาดของเจิ้งซิ่วหยาแล้ว ถังจิ้นเหยียนอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา ก็เป็นเด็กน้อยจริงๆ นี่นา?
ในเวลาเดียวกัน เจิ้งซิ่วหยาถือแซนด์วิชอยู่มือหนึ่ง อีกมือถือแก้วที่บรรจุนมสดอยู่ ก่อนจะพิงอยู่ที่หัวรถตำรวจอย่างไม่สนภาพลักษณ์ อ้าปากกว้างกัดแซนด์วิชในมือและกลืนลงไป
จวงหยู่ที่ยืนอยู่ตรงข้ามเธอนั้นมองมาด้วยความเห็นใจ “เพื่อนร่วมทีมเจิ้งซิ่วหยา อย่างน้อยคุณควรจะรักษาภาพพจน์ของตนเองบ้าง? คุณเป็นตำรวจของจีนนะ แล้วดูทรงผมนี้อีก ดูการกินนี้ ผมอดคิดไม่ได้ว่าคุณเป็นผีน้อยที่แอบลักลอบเข้าเมืองมาอย่างผิดกฎหมาย”
เจิ้งซิ่วหยาเตะเข้าไปที่ขาอ่อนของเขา “นายจะไปเข้าใจอะไร! แม่จะทำการใหญ่ไม่มาคอยสนใจเรื่องกะจุ๊กกะจิ๊กแบบนี้หรอก! การกินของฉันมันทำไม? ไม่เคยเห็นซูเปอร์ฮีโร่หญิงเหรอ?”
จวงหยู่โดนด่าจนหมดคำพูด ก่อนจะพนมมือขึ้น “พอแล้วๆ ๆ เหตุผลของคุณถูกต้องทั้งหมด ผมผิดเอง ผมผิดเอง!”
เจิ้งซิ่วหยากินแซนด์วิชจนหมด ดื่มนมตามจนหมด ก่อนจะยัดถุงขยะเข้าไปในมือของจวงหยู่ “ไป เข้าไป”
จวงหยู่งงค้างไป “ปัดโถ่ คุณให้ผมทิ้งขยะให้! ผมช่วยคุณทำคดี ช่วยคุณหาตัวคนร้าย ผมยังซื้ออาหารเช้าให้คุณ เป็นคนขับรถให้คุณ และยังต้องทิ้งขยะให้คุณอีก?”
เจิ้งซิ่วหยาปัดมือทำความสะอาดไปมา อยากจะเช็ดมือที่มันของเธอลงบนเสื้อเขาจริงๆ ก่อนจะล้มเลิกความคิดไป “ทำไม? ไม่ยินดี? ฉันบินมาที่อเมริกาตั้งไกลเพื่อมาช่วยกลุ่มคนอ่อนหัดอย่างพวกนายในการจับคนร้าย พวกนายไม่ขอบคุณฉันแล้ว แม้แต่การแสดงความต้อนรับแบบพื้นฐานก็ยังไม่มี?”
จวงหยู่ถูกโจมตีกลับมา ตนเองโต้ตอบกลับไม่ได้ “คุณชนะแล้ว คุณชนะแล้ว ผมขออวยพรให้คุณแข็งแกร่งดุจชายแท้!”
พูดจบก็แอบพูดเสียงต่ำ “ไม่รู้ว่าผู้ชายอ่อนปวกเปียกแบบถังจิ้นเหยียนเอาเธออยู่ได้อย่างไร?”
เจิ้งซิ่วหยาฟังคำกระซิบของเขาทัน ก่อนจะหันไปหัวเราะ “นายไม่เคยได้ยินเหรอ? ผู้หญิงทุกคนล้วนอ่อนโยน เพียงแต่ต้องดูว่าจะปฏิบัติกับใคร!”
จวงหยู่กัดฟันกรอด “อยากจะถีบคุณออกไปจริงๆ และเอาคุณไปแขวนไว้บนคบเพลิงของเทพีหญิงเสรีภาพ!”
ระหว่างที่ตบตีกันไป ทั้งสองก็จับตาสังเกตบริเวณหลักอยู่เสมอ
จวงหยู่เงยคางขึ้นมาอย่างได้ใจ “ทำไมเหรอ? พาตัวกลับมาอย่างไร้ร่องรอยถูกทำร้าย แม้แต่เส้นผมสีเหลืองบนหัวก็ไม่ได้น้อยลงสักเส้น เด็กนี่ไหวพริบดีจริงๆ แต่ว่า……พวกเรามีความช่ำชองที่ดีกว่า!”
เจิ้งซิ่วหยามองบน “หลีกไป โอ้อวดความช่ำชองของตัวเองทั้งวัน การลงมือของพวกนายคงจะนึกว่าตนเองเป็นฮีโร่สินะ?”
“คุณอย่าปฏิเสธเลย” จวงหยู่พยายามพูดโน้มน้าว แต่เจิ้งซิ่วหยากลับเปลี่ยนหัวข้อขึ้นมา
เธอแสดงเอกสารของตนให้แกตำรวจท้องที่ หลังจากได้รับการยืนยัน ก็รีบเข้าห้องสอบปากคำทันที จวงหยู่เดินตามติดอยู่ข้างหลัง ถือสมุดบันทึกคำให้การไว้แนบตัว
เจิ้งซิ่วหยานั่งลงไปอีกฝั่ง ก่อนจะเคาะโต๊ะขึ้นสองที “ชื่อนามสกุล”
หัวสีบลอนด์ทองของเหมาจู้นค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมาอย่างโอ้อวด เมื่อเห็นว่าเป็นเจิ้งซิ่วหยาก็อดที่จะประหลาดใจไม่ได้
“มองอะไร? มองเห็นเพื่อนบ้านอยากร้องไห้? อย่าเลย ฉันไม่มีเพื่อนบ้านแบบนาย พูดมาเถอะ ชื่อนามสกุล” เจิ้งซิ่วหยานั่งหลังตรง แต่ดวงตากลับหาเรื่อง รอยยิ้มเต็มไปด้วยความประชดประชัน
“ถามแปดร้อยรอบแล้ว” เหมาจู้นไม่อยากให้ความร่วมมือแม้แต่น้อย
เจิ้งซิ่วหยายิ้ม “ถ้าอย่างนั้นก็ถามรอบที่แปดร้อยหนึ่ง พูด ชื่อนามสกุล!”
จู่ๆก็เสียงสูงขึ้น พลังของการเป็นตำรวจแผ่ไปโดยรอบทันที ในพริบตาเดียว ดวงตาคู่นี้ไร้ซึ่งความล้อเล่นและช่องทางในการต่อรองใดๆ!
ปากกาที่อยู่ในมือจวงหยู่สะดุดลง ว้าว นี่เป็นแม่มดบาบาล่าแฝงตัวมาหรือเปล่า?
เหมาจู้นสะดุดกับความน่าเกรงขามของเธอเช่นกัน พูดติดขัด “เหมาจู้น”
“เพศ……”ถามจบ เจิ้งซิ่วหยาเห็น จวงหยู่เบะปากขึ้นมา ก่อนถามต่อ “อายุเท่าไหร่?”
“ยี่สิบ”
เจิ้งซิ่วหยาถลึงตาโต “ยี่สิบ? นายเพิ่งจะอายุยี่สิบก็เรียนรู้การฆ่าคนและวางเพลิงงั้นเหรอ ไปเรียนอย่างอื่นไม่ดีกว่าเหรอ!”
จวงหยู่รีบเตือนสติเจิ้งซิ่วหยา “เทพธิดา เทพธิดา ใจเย็น ใจเย็น พวกเรามาทำคดี ไม่ใช่มาสั่งสอนลูกหลาน”
เจิ้งซิ่วหยาสูดหายใจเข้าลึกๆ “พ่อแม่ล่ะ?”
เหมาจู้นตอบอย่าไร้อารมณ์ “ตายแล้ว”
“เพราะอะไรตาย?”น้ำเสียงของ เจิ้งซิ่วหยาเรียบสงบ
เหมาจู้นกัดฟันลง “ถูกคนฆ่าตาย”
จวงหยู่ค้างไปพักหนึ่ง พ่อแม่ถูกฆ่าตาย? มิน่าล่ะเขาถึงเลือกเดินทางนี้
เจิ้งซิ่วหยาอธิบายเสียงต่ำให้แก่จวงหยู่ “แต่ก่อนพ่อแม่เขาอยู่แก๊งมาเฟีย”
จวงหยู่:“……”
เป็นคนที่มีเรื่องราวทั้งนั้น
หลังจากถามคำถามพื้นฐานจบ เจิ้งซิ่วหยาก็ไม่อ้อมไปอ้อมมาอีก ก่อนจะหยิบเงินปึกใหญ่มาวางไว้บนโต๊ะ “เงินพวกนี้ ใครเป็นคนให้นาย?”
เหมาจู้นมองแล้วก็จำเงินในกระเป๋าได้ทันที เงินยังอยู่ในสภาพเดิม
“นี่อะไร?” เหมาจู้นแกล้งทำเป็นไม่รู้
เจิ้งซิ่วหยาเดาได้แต่แรกว่าเขาไม่มีทางยอมรับ ก่อนจะสวมถุงมือและเปิดถึงออก เธอหยิบเงินฉบับหนึ่งขึ้นมา “นายรู้จักรอยนิ้วมือไหม? เด็กน้อย”
เหมาจู้นหึขึ้นมาในลำคอ ใบหน้าปรากฏความเจ้าเล่ห์ขึ้น “มีรอยนิ้วมือผมเหรอ?”
เขาระวังตัวอย่างมาก จะหลงเหลือรอยนิ้วมือไว้ได้อย่างไร?
เจิ้งซิ่วหยาหัวเราะเหอะๆ ออกมา ก่อนจะโยนผลการตรวจรอยนิ้วมือลงบนโต๊ะ “มีอะไรที่จะสารภาพอีก?“
อารมณ์บนใบหน้าของเหมาจู้นแทบจะควบคุมไว้ไม่อยู่ แต่เมื่อผ่านการเห็นชีวิตที่ถูกเข่นฆ่าไปมากมายแล้ว เรื่องแบบนี้ไม่ทำให้เขาตกใจเท่าไหร่ “นี่สามารถพิสูจน์อะไรได้?”
จวงหยู่หัวเราะขึ้นมา “หึๆ เด็กคนนี้ช่างนิ่งนอนใจเหลือเกิน! หลักฐานปรากฏอยู่บนหน้ายังไม่ยอมรับอีก? หรือว่า จะเรียกตัวพยานมาด้วยดี?”
เหมาจู้นกัดริมฝีปากด้านในของตนแน่น “ผมแค่รับผิดชอบส่งเงิน และแนะนำหลายฝ่ายให้รู้จักกัน เรื่องฆ่าคนผมไม่รู้จริงๆ”
เจิ้งซิ่วหยามองเห็นความหวังแล้ว “ใครเป็นเจ้านายของนาย?”
ณ มาเก๊า
เหลียงหยู้คุนคาบบุหรี่ซิการ์ไว้ที่มุมปาก กำลังนั่งอยู่ที่โซฟาและเล่นหมาเจี้ยงอยู่ เขาคลำไปเจอไพ่มังกรแดง “ตง” “ชน!”
ชายฝั่งตรงข้ามกำลังพ่นควันอยู่ “ท่านเหลียง ช่วงนี้ดูท่านอารมณ์เบิกบานเป็นพิเศษ ช่วงนี้ธุรกิจเป็นไปด้วยความราบรื่นเหรอ?”
เหลียงหยู้คุนคลำไปเจอไพ่ทิศตะวันตกอีก ไร้ประโยชน์ “ธุรกิจเหรอ? มีติดขัดและราบรื่น ฉันเหลียงหยู้คุนเจอเรื่องยากไม่ล้มลง ภายหลังต้องมีโชคลาภดีๆ เกิดขึ้นแน่นอน!”
ชายคนที่สามก็หัวเราะตามออกมา ก่อนจะลงไพ่เสาะเก้าออกมา “คราวที่แล้วที่ท่านเหลียงสูญเงินไปให้กับหลงเซียวเอากลับคืนมาได้แล้ว?”
เหลียงหยู้คุนพ่นควันบุหรี่ออกมา “เงินเหรอ……หึๆ เสียไปแล้วก็หามาใหม่ได้ แต่ถ้าคนหายไปแล้วก็หายไปเลย!”
ชายคนที่สี่หัวเราะออกมาอย่างประจบ “ดูเหมือนว่าท่านเหลียงจะง้างปากหลงถิงได้ ท่าเรือและโกดังของMBKอนุญาตให้คุณใช้แล้ว?
เหลียงหยู้คุนนึกย้อนกลับไป——
น้ำเสียงของหลงถิงยังดังอยู่ข้างหู “ช่วยฉันกำจัดถังจงรุ่ย นายจะใช้ท่าเรือMBKได้ แต่ถ้าหากสืบสวนมาถึงตัวฉันได้ ฉันจะทำให้นายโดนฆ่าตาย”
เหลียงหยู้คุนเรียกสติกลับมา ก่อนจะหัวเราะอย่างมาใส่ใจ “ท่าเรือโกดังสินค้า? เหอะๆ สิ่งที่ควรเป็นของฉัน จะช้าจะเร็วก็ควรเป็นของฉัน!”
ทั้งสามฟังน้ำเสียงของเขาก็เดาได้ว่าสำเร็จแล้ว ก่อนจะมีเสียงแสดงความยินดีตามติดขึ้นมา
มีคนหนึ่งตั้งใจลงไพ่บ่วงห้าออกมา เหลียงหยู้คุนหัวเราะอย่างชอบใจ
“รอตัวนี้อยู่น่ะ”
ฝั่งตรงข้ามหัวเราะขึ้นมา “ท่านเหลียงโชคดีต่างหาก ทั้งการงานทั้งไพ่ล้วนราบรื่น!”
เหลียงหยู้คุนผลักหมาเจี้ยงให้เปิดออกทุกตัว “หมดหน้าตักแล้ว”
“ฮ่าๆ ๆ ๆ ๆ! ยินดีด้วย!”
“รอบนี้ชนะอย่างสะใจจริงๆ!”
คำอวยพรอบอวลไปทั่วห้อง แม้แต่เพดานก็สั่นคลอนเช่นกัน
ท่ามกลางเสียงหัวเราะ ผู้ช่วยมือหนึ่งของเหลียงหยู้คุนก็วิ่งเข้ามา “พี่ใหญ่……”
เหลียงหยู้คุนเห็นสีหน้าร้อนรนของเขา ก่อนจะหรี่ตาลง “ทำไมเหรอ?”
ชายผู้นั้นย่อตัวมาแนบหูของเขา ก่อนจะเอ่ยคำพูดบางอย่าง
ต่อมา ลำตัวของเหลียงหยู้คุนกระตุกขึ้นมา แม้แต่น้ำเสียงก็เปลี่ยนโทนไป “เป็นความจริงนะ?”
ลูกน้องเขาไม่กล้าบุ่มบ่าม พยักหน้าย้ำอีกครั้ง “ไม่มีผิดแน่ เป็นเขาจริงๆ ตอนนี้อยู่ที่นิวยอร์ก”
ฟังจบ เหลียงหยู้คุนก็บดบุหรี่ซิการ์ทิ้ง “ทุกคน ฉันมีธุระนิดหน่อย คงต้องไปจัดการก่อน”