ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 836
ตอนที่ 836 พ่อของคุณคือหนึ่งในฆาตกร
จำไม่ได้แล้วเหรอ?
โฉหวั่นชิงหูตั้งขึ้นแล้วใช้สายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยอยากรู้และครุ่นคิดมองไปที่หยวนชูเฟินที่สายตาว่างเปล่า
“แม่ของนาย? คุณแม่ของเสี่ยวจื๋อนี่เอง สวัสดีค่ะ”
เซอร์ไพรส์ ตกใจ ช็อก!
อารมณ์มากมายที่เกินขึ้นนี้ทำให้โฉหวั่นชิงไม่รู้ว่าควรจัดการกับมันยังไง เธอจ้องมองไปที่มือที่ยื่นออกมาของหยวนชูเฟินอย่างงุนงง เธอรู้สึกปั่นป่วนหัวใจ
หยวนชูเฟินรอให้เธอรู้ตัวอย่างเงียบ ๆ หลังจากที่จับมือกันอย่างเป็นมิตรแล้ว เธอก็พูดพร้อมอมยิ้ม “ฉันไม่รู้ว่าคุณจะกลับมา ไม่อย่างงั้นฉันคงเตรียมตัวล่วงหน้าให้ดีๆ”
โฉหวั่นชิงรู้สึกตกตะลึงไปอย่างมาก หยวนชูเฟินที่เคยทำตัวเก่งกาจและรุนแรงใส่เธอในตอนนั้นเปลี่ยนไปเป็นคนละคน วันนี้เธอดูเป็นมิตรเป็นพิเศษ นี่มัน……..นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?
“ฉัน … ฉันตัดสินใจกลับมาแบบกะทันหัน ” คำพูดต่างๆ ที่โฉหวั่นชิงเตรียมไว้ไม่ได้ใช้เลยสักประโยคหนึ่ง เธอถูกออร่าของหยวนชูเฟินกดดันจนแทบหายใจไม่ออก
ความไม่มั่นใจที่ออกมาจากข้างในใจทำให้เธอรู้สึกกังวล
หยวนชูเฟินสั่งให้คนรับใช้ชงชาให้โฉหวั่นชิง แล้วก็เชิญเธอมานั่งคุยกัน โฉหวั่นชิงจำต้องทำตามหยวนชูเฟิน เธอรับทุกอย่างที่เธอเตรียมให้อย่างไม่สามารถปฏิเสธได้
ไม่นานชาในแก้วก็หมดไปอย่างไม่รู้ตัว หยวนชูเฟินเองก็พอจะเข้าใจที่มาที่ไปของการกลับมาครั้งนี้ของโฉหวั่นชิงแล้ว ส่วนโฉหวั่นชิงนั้นไม่มีสติเลยระหว่างที่คุยกัน
หลงจื๋อที่นั่งฟังอยู่ข้างๆ ก็รู้สึกตื่นเต้นแทนเธอเช่นกัน หลังจากที่เขามองดูนาฬิกาข้อมือไปหลายสิบครั้งแล้ว “แม่ครับ ตอนนี้เวลาสายมากแล้ว ผมไปส่งคุณแม่ที่โรงแรมก่อนดีกว่านะครับ”
“ดีเลย…..ดีเลย”
หยวนชูเฟินไปส่งโฉหวั่นชิงออกจากบ้านไป โดยไม่แสดงท่าทีว่ารำคาญหรือรังเกียจใดๆ เลย
โฉหวั่นชิงงงมาก เธอขึ้นรถแล้วอยู่นานกว่าเธอจะรู้สึกตัวกลับมา
หยวนชูเฟินในความทรงจำและหยวนชูเฟินในวันนี้มันแตกต่างกันมากไป!
หลงจื๋อกล่าวว่า “สุขภาพของเธอไม่ค่อยดี การกินยามันทำให้ความจำเธอสับสนเล็กน้อย เรื่องในอดีตเธอจำไม่ได้แล้ว ไม่ว่าตอนนั้นเธอจะทำอะไรไปบ้าง แต่ตอนนี้เธอเป็นแค่คนป่วยคนหนึ่ง ผมหวังว่าคุณจะไม่ถือสาเธอ”
คำอธิบายของหลงจื๋อช่วยไขข้อสงสัยในใจของโฉหวั่นชิงไป แต่มันก็ทำให้โฉหวั่นชิงรู้สึกโกรธขึ้นมาอย่างมาก “สูญเสียความทรงจำ? ฮ่าฮ่า … เธอคิดว่าเธอสูญเสียความทรงจำไปแล้วเรื่องในอดีตที่ผ่านมาก็จะถูกลบล้างไปงั้นเหรอ?”
หลงจื๋อมองไปที่แม่ผู้ให้กำเนิดของเขา “คุณจะทำอะไร? ตอนนี้สุขภาพของเธอแย่มาก คุณจะยังหาเรื่องเธออีกเหรอ”
โฉหวั่นชิงส่งยิ้มให้ลูกชายของเธอและพูดด้วยความมีเมตตาว่า “นายพูดอะไรเนี่ย แม่เพิ่งกลับมาที่นี่เอง แม่จะทำอะไรได้ล่ะ? ดูอีกอย่างเธอเป็นคุณนายของตระกูลหลง ฉันเป็นใคร? แม้แต่ประตูของตระกูลหลงฉันยังเข้าไม่ได้เลย ฉันเป็นแค่คนนอกเท่านั้นเอง”
ไอเหี้ยหยวนชูเฟิน ร่างกายเป็นแบบนี้ไปแล้วยังไม่ยอมปล่อยตำแหน่งคุณนายของตระกูลหลงไปอีก! ลูกชายก็ไม่ใช่ลูกของหลงถิง จะมีหน้าอะไรมาอยู่ที่ตระกูลหลงอีก เธอควรไสหัวไปจากตระกูลหลงตั้งนานแล้ว!
โฉหวั่นชิงจับสายกระเป๋าไว้แน่น นิ้วของเธอแน่นตึงไปหมดจนข้อกระดูกนูนออกมา มีออร่าฆาตกรรมที่เยือกเย็นปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอ
หลงจื๋อกลัวว่าเธอจะทำอะไรที่มันผิดออกมา กำชับซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า “แม่ พ่อไม่ได้ให้ตำแหน่งกับแม่มันลำบากแม่ก็จริง แต่แม่ต้องเข้าใจว่าตำแหน่งของคุณแม่ที่อยู่ในเมืองหลวงนี้ไม่ใช่สิ่งที่แม่จะแก้ไขได้ ไม่แน่ตระกูลหลงอาจจะกลายเป็นตัวตลกในสายตาของอื่นไปเลยด้วยซ้ำ”
ความหมายอีกนัยหนึ่งของเขากำลังเตือนเธอว่า อย่าทำให้เรื่องมันแย่จนทุกคนต้องเสียหน้า
โฉหวั่นชิงตอบตกลงพร้อมยิ้ม “แม่รู้ว่าควรทำยังไง แต่จะว่าไปแล้ว นายกับซีเหวิน….นายสองคน…. ”
หลงจื๋อจ้องมองไปที่เธอ “คุณไม่คัดค้านแล้วหรือ? ”
ยังจำได้ว่าตอนที่เธออยู่ที่สหรัฐอเมริกา เธอปฏิบัติต่อซีเหวินค่อนข้างเย็นชา
ใบหน้าของโฉหวั่นชิงเต็มไปด้วยรอยยิ้ม “พูดอะไรโง่ ๆ ออกมาเนี่ย เด็กผู้หญิงที่นายชอบฉันจะคัดค้านหรือ? ขอแค่พวกเธอสองคนอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข แม่ก็ไม่มีความคิดเห็นใดๆ ทั้งนั้น”
ถ้าเธอรู้ว่าภูมิหลังของหลินซีเหวินนั้นดีขนาดนี้ เธอจะต้องเร่งให้ทั้งคู่รีบแต่งงานกันอย่างแน่นอน เธอจะยืดเวลามาถึงตอนนี้ได้ไง!
ที่หลินซีเหวินปิดบังภูมิหลังของตัวเอง ทำให้เธอเกือบจะพังความรักครั้งนี้ของเขาสองคนไปด้วยมือเธอเอง พอตอนนี้มาคิดๆ ดูแล้ว ทำได้แค่แอบสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ยังดีที่ตอนนั้นเธอไม่ได้พูดอะไรที่มันน่าเกลียดออกไปไม่ได้ทำให้เกิดความผิดพลาดที่แก้ไขไม่ได้นี้ขึ้นมา
คราวหน้าถ้าเจอหลินซีเหวินต้องพูดจาดีๆ กับเธอหน่อย สร้างภาพลักษณ์ของตัวเองขึ้นมาใหม่ให้ได้
เมื่อคิดถึงเรื่องที่ลูกชายจะได้แต่งงานกับตระกูลหลิน และตำแหน่งของตัวเองจะถูกยกสูงขึ้น โฉหวั่นชิงก็รู้สึกมีความสุขขึ้นมาอย่างปิดบังไม่ได้
ณ สหรัฐอเมริกา นิวยอร์ก
เจิ้งซิ่วหยาพิงไปที่ขอบประตูและหาวไม่หยุด ถังจิ้นเหยียนกำลังแปรงฟันอยู่ในห้องน้ำ เจิ้งซิ่วหยามองไปที่เขาอย่างลุ่มหลง
“คุณลุงถัง เคยมีใครบอกคุณไหมว่าคุณดูหล่อมากตอนแปรงฟัน?”
ถังจิ้นเหยียนไม่ได้สังเกตว่ามีคนยืนอยู่ ทันใดนั้นเขาก็หันกลับไปเห็นเจิ้งซิ่วหยาไม่รู้ว่าเธอมายืนตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ เขาเกือบกินฟองในปากลงไปด้วย
“หล่อ? แปรงฟันมันจะไปหล่ออะไรกัน? ถังจิ้นเหยียนบ้วนโฟมออกมาแล้วเช็ดขอบๆ ปากให้สะอาดแล้วมองดูตัวเองในกระจก มันก็ไม่ได้ดูแย่ขนาดนั้นนะ
เจิ้งซิ่วหยายืนพิงขอบประตูไว้แล้วอ้าปากหาวไปหนึ่งที “คนอื่นไม่หล่อเวลาแปรงฟัน แต่ว่าผู้ชายของฉันหล่อ! ไม่ได้หล่อแค่ตอนแปรงฟัน กินข้าวก็หล่อ เวลาพูดก็หล่อ เวลาเดินก็หล่อ จะพูดไปแล้วไม่ว่าคุณจะทำอะไรก็หล่อที่สุดเลย! ”
ถังจิ้นเหยียนรู้สึกเขินกับสิ่งที่เธอพูด เขาถูกแฟนคลับน้อยชมทุกวันจนไม่รู้ควรรับมือยังไงดี ถังจิ้นเหยียนรู้สึกเขินอายมาก
ถังจิ้นเหยียนมองไปที่เธอและหัวเราะเบาๆ “คุณอยากทานอะไรในตอนเช้า? ”
เจิ้งซิ่วหยาขำฮิฮิ “คุณลุงถัง คุณเคยได้ยินคำว่าอาหารตาไหม? แค่ฉันมองคุณฉันก็อิ่มแล้ว”
ถังจิ้นเหยียน: “……… ”
“ฮ่าฮ่าฮ่า! คุณลุงถังตอนที่คุณเขินคุณหล่อเป็นพิเศษเลย! ” เจิ้งซิ่วหยาแซวเขาแรงขึ้น เธอไม่รู้ตัวว่าเธอแกล้งจนถังจิ้นเหยียนเริ่มจะรับมือไม่ไหวแล้ว
ถังจิ้นเหยียนถือมีดโกนหนวดไว้ ไม่รู้ว่าจะใช้หรือไม่ใช้มันดี “ซิ่วหยาคุณ …… คุณอยากนั่งที่ห้องนั่งเล่นสักพักไหม? อีกสักพักผมจะพาคุณออกไปทานข้าว”
เจิ้งซิ่วหยารู้ว่าเขาเขินอาย เธอก็เลยเดินเข้าใกล้เขาอย่างจงใจ “ฉันไม่หิว ฉันช่วยคุณโกนหนวดดีไหม? ฉันเคยโกนหนวดให้พ่อของฉันตอนอยู่บ้านเหมือนกัน! ”
ถังจิ้นเหยียนหน้าแดงไปหมด “เอ่อ…… ไม่ต้องก็ได้มั้ง? ”
เจิ้งซิ่วหยาคว้ามีดโกนของเขาไปอย่างไม่สนอะไร เธอใช้มันพร้อมพูดกับตัวเองว่า “ไม่ต้องกังวลนะ ฉันจะโกนให้คุณแบบสะอาดไม่เหลือหนวดสักเส้นเลย! ”
ถังจิ้นเหยียน: “…….. ”
เจิ้งซิ่วหยาเปิดฝาครีมโกนหนวดมาและเอามือคล้องคอของถังจิ้นเหยียนไว้ “ก้มหัวลงหน่อย ฉันเอื้อมไม่ถึง”
ถังจิ้นเหยียนทำได้แค่ก้มศีรษะลงอย่างเชื่อฟัง เพื่อให้เจิ้งซิ่วหยาสามารถทำอะไรก็ได้กับใบหน้าของเขา “ไอ้หนูเอ๊ย…”
มันทำให้เขาไม่รู้ว่าควรทำตัวยังไงจริงๆ
ครีมโกนหนวดทำให้รอบๆ ปากของถังจิ้นเหยียนกลายเป็นสีขาว มองแวบแรกฟองที่ฟูๆ นั้นดูเหมือนชายชราที่มีหนวดเคราสีขาว เจิ้งซิ่วหยาหัวเราะคิกคักและพูดว่า “คุณลุงถัง คุณไม่ได้หล่ออย่างเดียวนะ คุณน่ารักอีกด้วย”
ถังจิ้นเหยียน: “…….. ”
เขาไม่รู้ควรตอบว่าอะไร
เจิ้งซิ่วหยาเก่งมากจริงๆ ฝีมือเธอดูคุ้นเคย เธอไม่ได้พูดโอ้อวด ในขณะที่เธอช่วยถังจิ้นเหยียนโกนหนวด เธอก็พูดไปอย่างไม่ได้ตั้งใจอีกว่า “ช่วงนี้ฉันต้องจัดการกับคดี อาจจะยุ่งมากและอีกอย่างฉันอาจจะขาดการติดต่อไป คุณอย่ากังวลนะฉันจะป้องกันตัวเองให้ดี ”
ถังจิ้นเหยียนขมวดคิ้วขึ้นมา “คดีอะไร? จะต้องขาดการติดต่ออีกแล้วเหรอ?”
เจิ้งซิ่วหยาจับคางของเขาให้ตรง “อย่าขยับ” เธอใช้นิ้วเช็ดฟองออก “มันเกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุทางรถยนต์ของพ่อของคุณ หลังจากการตรวจสอบของเราแล้วอุบัติเหตุทางรถยนต์ของพ่อคุณไม่ใช่อุบัติเหตุ แต่มีคนจงใจทำร้ายพ่อของคุณ ….. ”
ถังจิ้นเหยียนสะดุ้งขึ้นมาอย่างกะทันหัน คางของเขาก็กระตุกอย่างแรง มีดโกนในมือของเจิ้งซิ่วหยาก็เอาออกอย่างรวดเร็วมิฉะนั้นเขาบาดเจ็บอย่างแน่นอน
“มีคนจงใจทำร้าย? ทำไมล่ะ? ”
เจิ้งซิ่วหยาปิดเครื่องโกนหยวนและพูดว่า “คุณลุงใจเย็น ๆ หน่อย กำลังโกนหนวดเนี่ย! ถ้าเสียโฉมขึ้นมาฉันไม่เอาคุณแล้วนะ! ”
แต่สีหน้าของถังจิ้นเหยียนดูจริงจัง “เกิดอะไรขึ้นกันแน่? ทำไมคุณไม่เคยพูดกับผมเลยสักคำ? ”
เจิ้งซิ่วหยาตอบอือๆ อาๆ เพื่อตบตาเขา เธอเล่นมีดโกนที่อยู่ในมือแล้วบิดนิ้วไปมา “คือว่า……ตอนแรกทางเราก็สงสัยอยู่แล้ว ไม่คาดคิดว่ามันจะเป็นความจริง อีกอย่างคุณดูไม่มีกะจิตกะใจอยู่ทุกๆ วันเพราะอาการบาดเจ็บของพ่อของคุณ ฉันไม่อยากให้คุณกวนใจมากไปกว่านี้”
ความอ่อนโยนในดวงตาของถังจิ้นเหยียนค่อยๆ จางหายไปรูม่านตาของเขาดูและแหลมคมราวกับนกอินทรีจ้องไปที่เธอ “มีเรื่องอะไรอีก? ใครกำลังคิดทำร้ายพ่อของผม? แรงจูงใจคืออะไร? จุดประสงค์คืออะไร?”
เจิ้งซิ่วหยาเห็นว่าคงมั่วนิ่มต่อไปไม่ได้แล้ว เธอจึงสารภาพออกมาว่า “จุดประสงค์คือการฆ่าปิดปากแต่ทำไมถึงฆ่าพ่อของคุณ …นั้น… ”
หลังจากพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว เจิ้งซิ่วหยาก็ไม่กล้าบอกความจริงที่อยู่เบื้องหลังออกมา
จะให้เขารู้ได้ยังไงว่าพ่อที่เขาเคารพมาตลอดคือฆาตกร? จะให้เขายอมรับได้อย่างไรว่า พ่อที่อ่อนโยนมาเสมอนั้นมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีการฆาตกรรมของครอบครัวของคนอื่น?
เธอทำไม่ได้แล้วไม่อยากทำ!
“เรื่องนี้ทางเรายังตรวจสอบอยู่ หากพบความจริง ตำรวจจะให้คำอธิบายกับคุณเอง คุณอย่างใจร้อนอย่าตื่นตระหนก ตำรวจกำลังสอบสวนอย่างเต็มที่ เมื่อพบเบาะแสอะไรแล้วพวกเราจะติดต่อกับผู้เกี่ยวข้องในทันที”
ถังจิ้นเหยียนหรี่ตาลงด้วยความเจ็บปวด จากนั้นเขาก็ยิ้มออกมาอย่างขมขื่น “พ่อของผมเป็นแค่ครูคนหนึ่ง ปกติเขาเป็นคนที่เรียบง่าย คนที่เขาสัมผัสมีแต่คนในวงการวิชาการ เขาจะถูกคนอื่นทำร้ายได้อย่างไร?”
“คุณลุงอย่าเพิ่งใจร้อนไป อย่างที่เขาว่ากันว่าเราไม่ไปหาปัญหา ปัญหามันก็จะมาหาเราเองอยู่ดี ไม่แน่อาจจะมีคนกำลังอิจฉาพ่อของคุณก็ได้! ”
ถังจิ้นเหยียนไม่สามารถยอมรับคำอธิบายนี้ได้
เจิ้งซิ่วหยาเกาไปที่หัวของเธอ “คือว่า ……. เมื่อก่อนพ่อของคุณอาจจะทำให้ใครบางคนขุ่นเคืองโดยไม่ได้ตั้งใจ เมื่อก่อนพ่อของคุณทำธุรกิจไม่ใช่หรือ? เป็นนักธุรกิจก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีคู่ต่อสู้ที่จัดการยากๆ หน่อยจริงไหม?”
ถังจิ้นเหยียนยอมรับการคาดเดานี้อย่างลำบากใจ “ใครเป็นคนทำ? ”
“คนร้ายถูกจับกุมตัวแล้ว แต่คนที่อยู่เบื้องหลังอยู่ที่มาเก๊า พวกเรากำลังร่วมมือกับตำรวจทางมาเก๊าเพื่อจับกุมเขา เรื่องนี้ให้ฉันจัดการเองโอเคไหม?
ถังจิ้นเหยียนเช็ดโฟมที่ปากออกและสบตาเธอ “คุณมีเรื่องปิดบังผมหรือ? คนร้ายคือใคร?”
เจิ้งซิ่วหยากอดเอวเขาไว้ และพิงไปที่หน้าอกของเขาอย่างแน่น “จิ้นเหยียนอย่าทำแบบนี้ คุณอย่าเพิ่งเป็นแบบนี้ คือว่า….คือว่า… ทางเรายังคงตรวจสอบอยู่ ทางเรากำลังตรวจสอบอยู่”
ถังจิ้นเหยียนเอาตัวเธอออกจากอ้อมแขนของเขา “ซิ่วหยา ผมรู้จักคนที่พ่อของผมไปทำให้ขุ่นเคืองใช่ไหม?”
เจิ้งซิ่วหยากลืนน้ำลายลงอย่างยากลำบาก “จิ้นเหยียน….”
“มันเป็นใคร?” ดวงตาที่มุ่งมั่นของเขาไม่ยอมให้เธอหลบสายตา น้ำเสียงที่บีบบังคับนั้นไม่ปล่อยให้เธอได้พูดแทรกเลย
เจิ้งซิ่วหยาหลบสายตาอย่างกล้าๆ กลัวๆ เธอกัดฟันไว้ “ฉัน … ”
“ใคร? ”
การซักถามเพียงคำเดียวนั้นทรงพลังที่สุด บีบบังคับจนเธอไม่มีทางเลือก
เจิ้งซิ่วหยาอยากจะใช้วิธีอ้อนเขาเพื่อหลีกเลี่ยงคำถามของเขา แต่ไหล่ของเธอถูกจับไว้อย่างแน่น เธอหันไปมองด้านข้าง เส้นเลือดสีเขียวตรงหลังมือของถังจิ้นเหยียนปูดขึ้นมา มันน่ากลัวมาก
เธอไม่เคยเห็นถังจิ้นเหยียนเป็นแบบนี้มาก่อน เธอก็รู้สึกหวาดกลัวจนแทบจะฉี่รดกางเกง
“คือว่า…… พ่อของคุณมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดี…….. คดีฆาตกรรมในตอนนั้น แล้ว…… แล้วก็ … ” เจิ้งซิ่วหยายิ่งพูดยิ่งกลัวขึ้นเรื่อย ๆ พูดไปพูดมาเธอแทบจะพูดให้เป็นประโยคไม่ได้แล้ว
หน้าของถังจิ้นเหยียนเคร่งขรึมขึ้น “คดีฆาตกรรม? คุณกำลังพูดอะไรอยู่? ”
เจิ้งซิ่วหยารู้สึกปวดไหล่แต่เธอไม่กล้าที่จะส่งเสียงออกมา “พ่อของหลงเซียวถูกฆาตกรรมในตอนนั้น พ่อของคุณคือหนึ่งในฆาตกร”