ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 841
ตอนที่ 841 เชอะ มีวันไหนที่ฉันไม่สวยบ้าง
ด้วยความคาดหวังและความกังวลอยู่หลายส่วน ในที่สุดวันที่ไปสู่ขอภรรยาในอนาคตก็มาถึง
วันนี้ หลินซีเหวินตั้งใจแต่งชุดอย่างหรูหราให้ตัวเอง แถมยังแต่งหน้าครั้งแรกเป็นประวัติการณ์ ถอดแว่นสายตาออก แล้วใส่คอนแทกต์เลนส์ เปลี่ยนจากที่ปกติมักใส่ชุดไปรเวทเป็นหลัก เป็นชุดเดรสของสาวงามในครอบครัวเล็กๆ
หลินเหว่ยเย่และแม่หลินเห็นลูกสาวราวกับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ทั้งตกใจทั้งยินดี
หลินซีเหวินยกกระโปรงขึ้นแล้วหมุนตัวเป็นวงกลม “แด๊ดดี้ หม่ามี๊ สวยไหมคะ?”
“สวย! ลูกสาวของฉันต้องสวยอยู่แล้ว ทุกคนในใต้หล้าล้วนบอกว่าลูกสาวของฉันสวยที่สุด!” หลินเหว่ยเย่ประคองมือลูกสาว ชื่นชมไม่หยุด
แม่หลินก็พยักหน้าช่วยยืนยัน “ในที่สุดก็ได้แต่งตัวเหมือนเด็กผู้หญิงสักที วันนี้พวกหลงถิงมาสู่ขอ วันแต่งก็ต้องดูลูกแล้วก็หลงจื๋อแล้ว”
หลินซีเหวินแสร้งทำเป็นเขินอายและปกปิดใบหน้าเล็กๆ ของเธอ เข้าไปถูไถอยู่ในอ้อมอกของมารดา เหมือนแมว “โถ่ หม่ามี๊ แต่งงานอะไรนั่น ทั้งชีวิตของพ่อแม่หรือนัดของแม่สื่อ ถึงแม้จะเป็นศตวรรษที่ 21 แล้ว ฉันก็ยังฟังคำของหม่ามี๊กับแด๊ดดี้ พวกคุณบอกว่าแต่งตอนไหนก็ตอนนั้น”
หลินเหว่ยเย่แบะปาก ยืดตัวตรงอย่างโอเวอร์เอ่ย “ให้พวกฉันบอก? งั้นรออีกสักสองสามปีละกัน ยังไงที่บ้านก็เลี้ยงลูกได้อยู่แล้ว”
แม่หลินปิดปากยิ้ม “ได้ยินหรือยัง? แด๊ดดี้ของลูกพูดถูก รอดีกว่า อีกสักสองสามปีค่อยว่ากัน”
หลินซีเหวินปลดภาระไม่ทำแล้วทันที “นี่นี่นี่ พวกคุณอย่าแกล้งกันแบบนี้สิ หนูเป็นลูกของพวกคุณจริงๆ ใช่ไหม เชอะ!”
แม่หลินไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อย “ใช่ลูกตัวเองหรือเปล่า แม่ก็สงสัยเหมือนกัน ตอนแรกคิดวางแผนอะไรกับพวกเรา ลืมแล้ว? เจ้าเด็กคนนี้ เจตนาอยู่บนตัวพ่อแม่ตัวเองขนาดนี้แล้ว ยังกล้าพูดอีกเหรอ?”
หลินซีเหวินเป็นฝ่ายผิด รีบร้อนดึงแขนแม่ตนเองออดอ้อนขออภัย “หนูผิดไปแล้วหม่ามี๊ เมื่อก่อนเป็นความผิดของหนู เพราะงั้น เพื่อไม่ให้มีเรื่องแบบนี้อีก พวกคุณก็รีบยอมให้หนูแต่งออกไปสิ ลูกที่แต่งงานแล้วก็เหมือนสาดน้ำออกไป ถ้าพวกคุณสาดหนูออกไปก็ไม่มีเรื่องนานแล้ว!”
หลินเหว่ยเย่เห็นว่าใกล้ถึงเวลาแล้ว จัดการชุดสูทเนคไทให้เรียบร้อย “พูดไร้สาระ แต่งงานออกแล้วลูกก็ยังเป็นลูกสาวของพวกเรา ใครก็ห้ามมาแกล้ง!”
“ใช่ใช่ใช่ แด๊ดดี้เก่งที่สุด แด๊ดดี้ดีกับหนูที่สุดแล้ว ถ้าเกิดหนูไม่ได้รับความเป็นธรรมจากตระกูลหลง แด๊ดดี้ต้องช่วยหนูจัดการ!” หลินซีเหวินกำปั้นขึ้น ดวงตาโค้ง
“แน่นอน กล้ามาแกล้งลูกสาวที่รักของฉัน แด๊ดดี้จะไม่เห็นด้วยเป็นคนแรก!”
ขณะที่ครอบครัวสามคนพูดคุยกัน คนใช้ก็เข้ามารายงาน “นายท่าน คุณนาย รถของตระกูลหลงมาถึงแล้ว”
หลินเหว่ยเย่ขยับปมเนกไท เดินไปข้างหน้าสุดในฐานะเสาหลักของบ้าน “รู้แล้ว เชิญแขกเข้ามาให้ห้องโถงใหญ่”
หลินเหวินซีกุมหน้าอกสูดหายใจเข้าออกลึกๆ ด้วยความตื่นเต้น “หม่ามี๊ เครื่องสำอางบนหน้าหนูยังไม่เลือนใช่ไหม?”
“ยังดีอยู่ เลือนไปแล้วลูกก็ยังสวย ไปกันเถอะ”
หลงถิงมาเยี่ยมเยียนตระกูลหลินพร้อมหลงจื๋อและโฉหวั่นชิง หยวนชูเฟินไม่ได้เดินทางมาด้วยกัน แต่คนตระกูลหลินก็รู้ได้อย่างไม่ต้องพูดออกมาตั้งนานแล้ว ก็ไม่ได้วุ่นวายกับเรื่องนี้
ผู้ใหญ่สี่คนล้วนเป็นผู้เชี่ยวชาญในการพูดพิธีมาสิบกว่าปี พูดสั้นๆ แต่รวบรัดก็สามารถหยอกล้ออีกฝ่ายได้อย่างสนุกสนาน ฝ่ายชายจัดพิธีรีตองอย่างยิ่งใหญ่น่าทึ่ง ให้สินสอดทองหมั้นก็ใจกว้างไร้ที่ติ
ถึงแม้ฝ่ายหญิงจะเป็นตระกูลหลินที่ยิ่งใหญ่ร่ำรวย แต่ก็ไม่มีอะไรผิดพลาดแม้แต่นิด เพราะอย่างนั้นบรรยากาศเข้ากันได้ดี พวกเขาล้วนมีความสุข แล้วก็เข้ารวมเป็นครอบครัวเดียวกันภายในเวลาอันรวดเร็ว
หลงจื๋อและหลินซีเหวินฟังอยู่ข้างๆ ล้วนประพฤติตัวดีแสดงความเต็มใจกับการเตรียมการของผู้ใหญ่
หลงถิงซึ่งมุ่งหน้าไปทางทิศใต้พอใจมากขึ้นเมื่อเห็น เป็นสรรพนามหลินเหว่ยเย่จากประธานหลินเป็นน้อง หัวเราะยกแก้วดื่มอย่างเป็นมิตร เอ่ย “น้องหลิน เด็กสองคนนี้ไม่ติดความอะไร ฉันก็เคารพการตัดสินใจของพวกเขา ส่วนวันแต่งนั้น……วันที่สิบแปดเดือนหน้าเป็นยังไง?”
อาหะ?
เวลานี้กำหนดได้รีบร้อนมาก เร็วกว่าที่หลงจื๋อและหลินซีเหวินคิดไว้
หลินเหว่ยเย่มองภรรยาตัวเอง “คุณว่าไง?”
หลินซีเหวินมองไปที่แม่ของตัวเองอย่างคาดหวัง สิ่งที่ดวงตาเล็กนั่นสื่อคือ หม่ามี๊ เห็นด้วยเถอะเห็นด้วยเถอะ!
แม่หลินเล่นเนื้อเล่นตัวเล็กน้อย ทำหน้าเหมือนอาลัยอาวรณ์ไม่อยากให้ลูกสาวแต่งงาน แต่ก็ยอมรับอย่างเข้าใจในเหตุผล “ในเมื่อเป็นฤกษ์ดี งั้นก็เอาอย่างนี้แหละค่ะ เด็กทั้งสองคนใจตรงกัน ฉันกับพ่อของซีเหวินก็ไม่ได้ติดความอะไร”
มุมที่ไม่มีใครสังเกตเห็น หลงจื๋อและหลินเหว่ยเย่สบสายตากัน ในสายตานั้นมีรอยยิ้มเล็กๆ เป็นที่รู้กันทั้งสองฝ่าย
และขึ้นตอนการสู่ขอครั้งนี้ บทบาทส่วนใหญ่ของโฉหวั่นชิงคือการจัดเรียงตกแต่ง หลงจื๋อไม่ได้ให้ความสนใจในตัวหลินซีเหวินมากนัก เรื่องนี้ในใจของแม่หลินรู้ชัดเจนดี
โฉหวั่นชิงแทบไม่มีตำแหน่งใดในตระกูลหลงเลย เขาเป็นนักแสดงที่หลงถิงเชิญมาก็เท่านั้น ร่วมมือกันแสดงในโอกาสที่จำเป็น แต่พอละครจบ เธอก็ต้องกลับไปประจำตำแหน่งเดิม มีหน้าที่อะไรก็ทำหน้าที่นั้น
คิดถึงตรงนี้ แม่หลินเม้มปากดื่มน้ำชาไปอึก เหลือบตามองหลงจื๋อ เธอต้องทำความรู้จักกับลูกเขาคนนี้ใหม่
มื้อเย็นคลาสสิคอันแข็งทื่อจบลง หลินซีเหวินยิ้มเอ่ย “คุณลุง คุณป้า พวกคุณคุยกันตรงนี้นะคะ หนูกับหลงจื๋อจะไปดูรูปชุดทำพิธี”
ใครก็ล้วนมองออก ว่าเธอแค่หาเหตุผลอยากจะอยู่กับเขาคนเดียวเท่านั้น
หลงจื๋อวางแก้วชาลง “ลุงหลิน คุณน้า ผมไปก่อนนะครับ”
หลินเหว่ยเย่มองทั้งคู่ขึ้นชั้นบนไป ยกยิ้มอย่างเอ็นดู “เด็กสมัยนี้นะ ไม่ค่อยจะหลีกเลี่ยงกันขึ้นเรื่อยๆ”
หลงถิงก็หยักหน้าอย่างเห็นด้วย “มีแต่คนนิสัยตรงไปตรงมา ช่างพวกเขาเถอะ”
คุยไปคุยมา หลินเหว่ยเย่เอ่ย “พี่หลง ห้องหนังสือของฉันมีภาพวาดอยู่หลายรูป อยากเชิญคุณไปวินิจฉัยดู”
หาข้ออ้างเสร็จ ทั้งคู่ก็ขึ้นไปบนห้องหนังสือชั้นสอง
ดังนั้นห้องรับแขกจึงเหลืออยู่เพียงแม่หลินกับโฉหวั่นชิง
แม่หลินที่แข็งแกร่งและวางอำนาจมาตั้งแต่ก่อน บรรยากาศทั้งตัวล้วนตกอยู่ที่โฉหวั่นชิง เธอยิ้มอย่างอ่อนโยน “ดูเหมือนว่าแม่ยายจะไม่ได้กลับประเทศนานแล้ว?”
โฉหวั่นชิงรู้สึกได้ว่าสถานะของตัวเองนั้นกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ตอนที่พูดก็ขาดความมั่นใจเล็กน้อย ระมัดระวังตลอด “ไม่ใช่หรอกค่ะ ฉันอยู่ที่อเมริกาตลอด”
แม่หลินพูดถึงอย่างไม่คิดสนใจ “หลายปีมานี้ พ่อตาดีแต่คุณเลยใช่ไหมล่ะ?”
โฉหวั่นชิงยกแก้วชาขึ้น แก้วชาร้อนนิดหน่อย แต่น้ำชาที่ร้อนก็เทียบไม่ได้กับความอึดอัดในใจ “เขาดีกับฉันมาก ไปเยี่ยมฉันบ่อยๆ แล้วก็ให้เสี่ยวจื๋อไปเป็นเพื่อนเขาด้วย ก่อนหน้านี้เสี่ยวจื๋อกับหลินซีเหวินไปอเมริกาด้วยกัน ก็ไม่เลวเลย”
ยิ่งอธิบายยิ่งเยอะ ยิ่งรู้สึกใจฝ่อ
จุดนี้ถูกแม่หลินมองได้อย่างทะลุ แต่เธอไม่ได้พูดออกมาชัดๆ เอ่ยอย่างให้ความร่วมมือต่อ “ซีเหวินถูกเลี้ยงแบบตามใจตั้งแต่เด็ก ข้าวมาก็อ้าปาก เสื้อมาก็แค่เหยียดมือ ตอนฉันอยู่บ้านก็กลายเป็นคนใช้ของเธอไปแล้ว เหอะเหอะ”
ความหมายของเธอชัดเจนมาก ก็คือเตือนโฉหวั่นชิง หลังจากนี้ที่ซีเหวินแต่งออกไป ถ้าคุณกล้าทำให้เธอรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม ฉันจะไม่ไว้ชีวิตคุณแน่! แม่ที่ยอมเป็นคนใช้ของลูกอย่างฉัน ให้ดีที่สุดก็รู้ด้วยว่าตัวเองมีบทบาทอะไร
สมองของโฉหวั่นชิงก็ไม่ได้โง่จนฟังน้ำเสียงของเธอไม่ออก ยกยิ้มพูดทันที “แน่นอนค่ะ ซีเหวินน่าเอ็นดูขนาดนี้ ฉันต้องรักเหมือนลูกสาวตัวเองอยู่แล้ว รับประกันได้ว่าจะไม่ทำให้เธอรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ!”
แม่หลินร้องเหอะๆ เอ่ยอย่างไม่เผยตำหนิ “แต่ว่า คนดูแลตระกูลหลงในปัจจุบันก็ยังเป็นคุณนายหลงอยู่ใช่ไหมล่ะ? ไม่รู้ว่าหลังจากนี้คุณจะทำยังไง……เหอะเหอะ แม่ยายอย่างโมโหที่ฉันพูดตรงๆ เลย ฉันก็เจ็บปวดใจต่อคุณนะ”
ได้ยินคำพูดนั้นในใจของโฉหวั่นชิงก็ลุกโชน แต่ตัวเองก็ไม่กล้ากำเริบแม้แต่ประโยคเดียว ยังคงยกยิ้มเบาๆ “หลังจากนี้……คุณนายของตระกูลหลงจะเป็นอาเฟิน”
แม่หลินเข้าใจในที่สุด “มา ดื่มชา ชาดอกไม้ดีต่อผิวพรรณ คุณเด็กกว่าฉันหลายปี ถ้าดูแลดีๆ ล่ะก็ จะต้องสวยไม่สร่างแน่”
โฉหวั่นชิงกลับดื่มชาสมุนไพรแก้วนี้อย่างกับน้ำมะระขม ร้องไห้ลิ้นชา
ชั้นบน ห้องของหลินซีเหวิน
หลินซีเหวินเข้าห้องมาก็โอบคอหลงจื๋ออย่างรีบร้อน เอาตัวเองแนบชิดไปกับหน้าอกของเขา “แข็งอย่างกับหิน พูดสักประโยคไม่เป็นหรือไง?”
ตาเหยี่ยวของหลงจื๋อเป็นประกาย พลิกมือกอดเธอ กอดแน่นกว่าเดิม “คืนนี้เธอสวยมาก”
โดยเฉพาะดวงตาที่ไม่ได้สวมแว่น ปราดเปรียวสดใส นัยน์ตาราวมีดวงดาวเป็นประกาย
หลินซีเหวินหยิกเอวของเขา “มีวันไหนที่ฉันไม่สวยบ้าง?! เชอะ!”
“ใช่ ฉันพูดผิดไป เธอสวยทุกวัน แต่วันนี้สวยเป็นพิเศษ! สวยจนตาพร่า คุณดูสิฉันเกือบจะลืมตาไม่ได้แล้ว”
หลงจื๋อจูบหน้าผากของเธอ
“ถุย! เล่นเวอร์เกินไปแล้วไหม?”
หลงจื๋อรั้งเอวของเธอ ทั้งคู่เดินไปที่หน้าต่างอย่างไม่อยากแยกกัน หลงจื๋อยกมือเกลี่ยปอยผมของเธอ ก้มหน้าขยับเข้าใกล้ปลายจมูกของเธอ “สาวบ้านนอก พวกเราจะหมั้นกันแล้ว หลังจากนี้คุณจะเป็นคนของฉัน”
หลินซีเหวินไล้นิ้วของเธอไปตามชุดสูทของเขา “แต่ว่า ฉันมีเรื่องหนึ่งอยากบอกกับคุณ ฉันไม่ได้ชอบแม่คุณสักเท่าไหร่”
หลงจื๋อขมวดคิ้ว “ฉันรู้ แต่ฉันจะไม่ทำให้เธอรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ”
“พูดอะไรไม่น่าฟังสักหน่อย พ่อของคุณหมายความว่ายังไงกันแน่? เอาแม่คุณกลับมา นี่ไม่เป็นการตบหน้าแม่ของคุณเหรอ? แม่คุณเป็นคุณนายตระกูลหลงอย่างถูกต้อง พ่อขอคุณก็รักเธอมากไม่ใช่เหรอ? ทำไมจู่ๆ ก็ไม่ไว้หน้าเธอ?”
พูดจบ หลงจื๋อก็ตกอยู่ในความคิด
ใช่แล้ว ปกติพ่อยอมฟังแม่ทุกอย่าง แทบจะหาทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกนี้มาให้เธอ ทำไมถึงมาตบหน้าเธอแบบนี้?
ห้องหนังสือของหลินเหว่ยเย่
หลงถิงนั่งอยู่บนโซฟา ในมือเล่นกระถางธูปในสมัยราชวงศ์หมิง “คุณอยากถามฉัน ว่าทำไมถึงให้เธอกลับมาเหรอ?”
หลินเหว่ยเย่พูดตรงๆ ไม่อ้อมค้อม “แค่รู้สึกแปลกใจนิดหน่อย”
“ง่ายมาก ถ้าถึงเวลาที่หมากแสดงความสามารถ ก็ควรจะออกมา”
หลินเหว่ยเย่เช็ดกระดูกแกะสลักบนโต๊ะอย่างประณีต “คุณอยากให้เธอทำอะไร? เกี่ยวกับอาเฟินหรือเปล่า?”
หลงถิงตรวจสอบของเก่าราคาแพงในมือของเขา พูดอย่างมีนัย “ของดีนี่ ต้องกุมไว้ในมือตัวเองแน่นๆ แต่น่าเสียดายมาก ของดีๆ ถ้าเกิดแตกสลาย ก็ต้องปล่อยมือ”
กล้ามเนื้อใบหน้าของหลินเหว่ยเย่ตึงเครียด “คุณจะทิ้งอาเฟิน?”
น้ำเสียงแบบนั้น คุณตัดใจทิ้งได้?
หลงถิงนำของโบราณวางไว้บนชั้น “อาเฟินความจำเสื่อมแล้ว เรื่องในตอนนั้นเธอไม่สามารถบอกคนอื่นได้ แต่ร่างกายของเธอไม่ไหวแล้ว หมอบอกว่าเธอยังมีเวลาเหลือมากสุดครึ่งปี”
หลินเหว่ยเย่ร้องอ้อลากเสียง “มิน่าล่ะ”
หลงถิงกระชับเสื้อสูท เตรียมลุกจากไป “อีกอย่าง เหลียงหยู้คุนกำลังเผชิญหน้ากับทางตำรวจตรงๆ ชีวิตของเขาก็อยู่ได้ไม่นานแล้ว”