ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 849
ตอนที่ 849 เจ้าชายจากเรื่องไหน
เกือบจะเวลาเดียวกัน กู้เยนเซินก็รู้สึกถึงแรงโจมตีของอากาศหนาวเหน็บ เมื่อเห็นหลงเซียวเข้ามา เขาก็หนาวสั่นไปทั้งตัว
บังเอิญขนาดนี้เลยไหม?
จบแล้วเจมส์ หนุ่มหล่อน่ารักขนาดนี้กลับต้องตายด้วยกรงเล็บของเหยี่ยว แค่คิดก็เจ็บปวด
“สามี……”
ลั่วหานก็สังเกตเห็นอากาศเย็นที่ปะทุออกมาจากร่างกายของหลงเซียวได้เช่นกัน ลมหายใจเย็นเฉียบของเขาเหมือนจุดเกิดของสึนามิ การระเบิดครั้งเดียวสามารถทุบชายฝั่งเละได้
เจมส์เงยหน้าขึ้น เห็นเงาที่สะท้อนของหลงเซียว
ก็รู้สึกเพียงสายตาตรงหน้าพลันมืดครึ้มลง ท้องฟ้าด้านนอกถูกลมจากร่างของเขาพัดผ่านไปมากกว่าครึ่ง ใบหน้าเย็นชา สายตาอันเย็นเยียบ ท่าทางราวกับเป็นศัตรูกับคนทั้งโลก
ดอกไม้จากยอดเขา หรือเทพบุตรที่มองได้แต่ไม่มีวันได้ตัวแต่ที่เขาว่ากัน นึกว่าตัวเองแน่ที่สุดจริงๆ ด้วย
มือข้างหนึ่งของหลงเซียวสอดกระเป๋ากางเกง เดินก้าวเข้ามาใกล้ อากาศหน้าเหน็บบีบเข้ามาถึงปลายจมูกของเขา
“สวัสดี เจ้าชายเจมส์”
หลงเซียวยื่นมือข้างหนึ่งออกไป รุกโยนใบมะกอกแสดงสันติภาพด้วยตนเอง
ลั่วหานกลับสูดลมหายใจเย็น พระเจ้า……นี่มันสถานการณ์อะไรเนี่ย?
เจมส์มองเขาเหม่ออยู่กี่นาที ไม่คิดปิดบังสาวตาหลงใหลนั่น จนถึงกับลืมยื่นมือออกไป “you are……”
“ฉันคือสามีของลั่วลั่ว แด๊ดดี้ของangel” หลงเซียวตอบไปอย่างเป็นธรรมชาติ มือเรียวยาวยังคงท่าเดิมไว้ ไหล่ทั้งสองข้างตั้งตรงตระหง่าน สง่าน่าเกรงขามไม่ให้ความสำคัญกับสิ่งที่เขาเรียกกันว่าเจ้าชาย
ลั่วหาน: “……”
เจมส์ยิ้มดวงตาสีน้ำเงินเข้มเป็นสระอิ ปากยิ้มเผยฟันขายเรียงตัวแปดซี่ “สวัสดี ฉันรู้จักคุณ นึกไม่ถึงเลยว่าตัวจริงจะดูวัยรุ่นขนาดนี้”
ลั่วหาน: “……”
เพราะงั้น หลงเซียวในความคิดของเขาเป็นยังไง? เขาไม่อ่านหนังสือพิมพ์ไม่ดูข่าวเหรอ? ไม่เคยเห็นรูปของหลงเซียวเหรอ?
จากกระแสความดังตามสื่อของหลงเซียว เป็นไปไม่ได้หรอกมั้ง?
เจมส์จับมือหลงเซียว ทั้งยังจับอย่างเนิบนาบไม่อยากปล่อยมือ
หลงเซียวออกแรงที่มือเล็กน้อย ดึงกลับ “ขอบคุณมาก”
มือของเจมส์ค้างอยู่กลางอากาศ มือคู่เรียวยาวและงดงามมากนั้นจากเขาไปแล้ว พลันก็รู้สึกว่างเปล่าเล็กน้อย
กู้เยนเซินมองเจมส์อย่างกับมองเห็นผีอย่างไรอย่างนั้น แล้วหันมองหลงเซียว สุดท้ายหันมามองลั่วหาน วอทเดอะฟัค คนที่เจมส์ชอบไม่ใช่ลั่วหาน แต่เป็นหลงเซียว!
ไอ้หมอนี่คงไม่เป็นเกย์ใช่ไหม?
ใช้การจีบหมอฉู่มาบังหน้า จริงๆ แล้วเพื่อหาทางเข้าใกล้หลงเซียว
กู้เยนเซินกลืนน้ำลายอย่างลืมตัว ตกใจเพราะความตั้งใจของตัวเอง แล้วก็ราวกับถูกฟ้าผ่า
“คุณชายกู้ สีหน้าไม่สุภาพเมื่อกี้ของคุณหมายความว่าไง?” ลั่วหานความรู้สึกไวเห็นได้ถึงความเปลี่ยนแปลงทางสีหน้าของเขา ความคิดแรกที่เข้ามาคือความคิดไอ้หมอนี่ไม่บริสุทธิ์
กู้เยนเซินหัวเราะแห่งอย่างไม่ซับซ้อน “ไม่มีอะไรนี่ เพียงแค่กำลังคิดอยู่ ว่าคืนนี้จะให้ผู้ที่เดินทางมาไกลท่านนี้กินอะไรดี?”
พลันเจมส์ก็รู้สึกสนใจขึ้นมา “แอนน่า ฉันอยากกินอาหารที่คุณทำ”
“ไม่ได้” หลงเซียวปฏิเสธเด็ดขาด
อยากกินอาหารที่ภรรยาทำด้วยตัวเอง เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด ภรรยาของเขา แม้จะเอาน้ำเปล่ามาทำแกง ก็ทำให้เขาได้คนเดียว
แต่ถึงยังไงเจมส์ก็เป็นเจ้าชายจากประเทศหนึ่ง แต่กลับไม่ได้แม้แต่สิทธิ์จะกินข้าวมื้อเดียว แอทแทคนี้รุนแรงเกินไปจริงๆ ไม่มีความรู้สึกภาคภูมิของความเป็นเจ้าชายเลย
เจมส์มองลั่วหานอย่างน่าสงสาร เขารายงานรายชื่ออาหารเป็นภาษาอังกฤษอย่างชำนาญ “หมอแอนน่า ฉันหิวมากเลย……ฉันอยากกินอาหารจีนที่คุณทำ ฉันอยากกินซี่โครงหมูผัดเปรี้ยวหวาน ฉันอยากกินซุปอบเชยรากบัว ฉันอยากกิน……มันเทศบลูเบอร์รี่ ฉันอยากกินผัดมะเขือ แล้วฉันก็อยากกินต้มปลาผักกาดดองหม้อไฟ อ้อ ใช่ ฉันอยากกินกุ้งอบน้ำมันของคุณที่สุด!”
“ว้าว! เจ้าชายเจมส์ คุณพูดภาษาจีนได้สุดยอดมาก!รายชื่ออาหารพูดได้โคตรมาตรฐาน!” กู้เยนเซินตกใจ ภาษาจีนเขากากตรงไหนกัน? นี่มันเทพภาษาจีนชัดๆ
เจมส์พูดอย่างตรงไปตรงมา “ฉันได้แค่พวกนี้แหละ ซ้อมมาหลายรอบมาก อยากกินทุกวันก็เลยท่องจนจำได้”
กู้เยนเซินส่งนิ้วโป้งให้ “นับถือเลย ฉันจะนับถือแค่คุณ!”
เจมส์ทำท่าทางว่าฟังไม่ออก แต่รู้ว่ากู้เยนเซินกำลังเอ่ยชมตน ก็เลยเผยรอยยิ้มอย่างจริงใจออกมา
“หมอฉู่ พ่อหนุ่มนี่แบ๊วเกินไปแล้ว ทำไมคุณไม่ชอบเขาล่ะ?” กู้เยนเซินจิตใจของกู้เยนเซินถูกความแบ๊วนั่นโจมตีจนจิตใจจะกลายเป็นสาวน้อยแล้ว
ลั่วหานจับข้อมือของเจมส์ขึ้นอย่างสง่า แล้วยัดให้กู้เยนเซินอย่างธรรมชาติ “เจ้าชายเจมส์ กี่วันข้างหน้านี่ คนคนนี้จะเป็นเพื่อนเที่ยว เป็นไกด์ เป็นพี่ชายที่รู้ใจของคุณ คุณไปเที่ยวเล่นกับเขา ต้องการอะไรก็บอกเขาได้เลย”
หลงเซียวเดินเข้าไปอุ้มซาลาเปานุ่มๆ ตัวน้อยในอ้อมแขนของเจมส์ออกไป ชูชูที่อยู่ในอ้อมแขนของแด๊ดดี้ก็เบ้ปากอย่างน่ารักเชื่อฟัง มือเล็กๆ สองข้างจับคอเสื้อสูทของหลงเซียวเบาๆ คว้าได้แล้วนิ้วก็จับม้วนเข้าไปในฝ่ามือแรงๆ มือเล็กขาวอวบนุ่มนิ่มเหมือนกับอุ้งเท้าแมว
หลงเซียวมองการกระทำของลูกสาวอย่างละเอียด มุมปากขยับ “ชูชู แด๊ดดี้อุ้มนะ เด็กดี”
ชูชูโค้งตาอย่างให้ความร่วมมือ ใบหน้าเล็กจิ้มลิ้มราวหยกสีชมพูยิ้มแล้วน่ารักกว่าเดิม
กู้เยนเซินโบกมือส่งให้เจมส์ สีหน้าเหมือนคนได้เปรียบ “ฮาย เจ้าชายน้อยเจมส์ คุณเรียกฉันว่าสมิธได้นะ วันข้างหน้านี้คุณก็เป็นของฉันแล้วนา”
กู้เยนเซินทักทายเจมส์ อีกฝ่ายกลับมองหลงเซียวตาไม่กะพริบ ดวงตาที่จริงใจและร้อนแรงดูเหมือนจะกลืนกินหลงเซียวไปในคำเดียว
แต่ว่าดูไปแล้ว กู้เยนเซินก็พบว่าเหมือนจะไม่ถูก สายตาของเจมส์มองชูชูที่ในอ้อมแขนของหลงเซียว
กู้เยนเซินก็มองตามไปด้วย “โอ้วว พระเจ้าพระเจ้า คุณชายหลงลูกสาวคุณน่ารักมาก ฉันอยากอุ้ม!”
หลงเซียวปกป้องลูกสาวของเขาในอ้อมแขนของเขา ฝ่ามืองอเล็กน้อยจับท้ายทอยของลูกสาว ท่าทางปกป้องลูกวัวอย่างสมบูรณ์ “สนใจปัญหาหลักด้วย”
ลั่วหานมุมปากเว้าเข้าพยายามไม่ให้ตัวเองหัวเราะออกมา
หลงเซียวดื้อรั้นเหมือนกันนะเนี่ย เมื่อคืนลูกสาวไม่ยอมให้เขากอด วันนี้กว่าจะกล่อมอุ้มไว้ในมือได้ จะเอาให้คนอื่นง่ายๆ ได้ยังไง
อย่าแม้แต่จะคิด
กู้เยนเซินที่ยื่นมือออกไปก็ได้แต่เก็บมือกลับ “เจ้าชายเจมส์ เชื่อพี่ชาย พี่ชายจะต้องทะนุถนอมปกป้องคุณอย่างดี”
ลั่วหาน: “คุณชายกู้ ทำไมฉันรู้สึกเหมือนกำลังส่งแกะน้อยเข้าปากหมาป่าอยู่เลยล่ะ?”
กู้เยนเซินก็พูดภาษาจีนเช่นเดียวกัน “ไม่ใช่หมาป่าสักหน่อย ฉันเป็นพี่ชายที่รู้ใจมีอ้อมกอดที่อบอุ่นและมีความสุข”
หลงเซียวสนใจแต่ลูกสาว ไม่ได้สนใจเรื่องของคนรอบๆ อีก
ดวงตาสีฟ้าเข้มของเจมส์เป็นประกาย “สมิธ ฉันต้องการอะไรก็บอกกับคุณได้หมดเลยใช่ไหม?”
“แน่นอน! พี่ชายอยู่เมืองหลวงพูดคำไหนคำนั้น! กินเล่นเที่ยวดูแลได้หมด แน่นอน ถ้าเกิดเจ้าชายอยากได้การดูแลอย่างพิเศษ ก็ได้เหมือนกัน เพียงแค่คุณต้องอายุบรรลุนิติภาวะแล้ว……อาไม่ ไม่บรรลุก็ไม่เป็นไร!”
ลั่วหานแทบทนฟังต่อไม่ไหว “คุณชายกู้……”
เจมส์เอ่ยอย่างจริงจัง “ถ้างั้นกรุณาพาแอนน่าไปด้วย”
“……” กู้เยนเซินตกใจอย่างมาก ลูกตากรอกด้วยความรวดเร็ว “คุณ……คุณคุณชาวต่างชาติอย่างคุณวิชาลึกนักนะ! คุณเป็นคนต่างชาติปลอมใช่ไหม!”
ในที่สุดหลงเซียวก็ละสายตาออกจากลูกสาวอย่างอาลัยอาวรณ์ “แอนน่าต้องทำงาน ไม่มีเวลา”
เจมส์เบ้ปาก ดวงตากลมโตน่าส่งสารพอกะพริบตาก็สามารถเห็นขนตาหนายาวเป็นพิเศษ ถ้าเด็กกว่านี้ก็คงเป็นตุ๊กตาแล้ว
กู้เยนเซินใจอ่อนอีกนิดเดียวก็เกือบจะตอบรับไปแล้ว แต่พอเห็นสายตาของหลงเซียวก็ตื่นรู้ในทันที
“เจ้าชายเจมส์ แอนน่าเป็นหมอ ต้องดูแลรักษาคนป่วย ถ้าเธอเลิกงานแล้วก็มาเที่ยวเป็นเพื่อนคุณได้ ยังไงคุณก็พักอยู่ที่นี่นี่!”
เจมส์ยังคงแบะปาก จ้องตาโต ถ้ามองอย่างละเอียดก็เหมือนจะมองเห็นน้ำตาคลอจางๆ
กู้เยนเซิน: “……”
ฟัค!! ใจกู! ใจกู!
หลงเซียวยังคงมั่นคง “เจ้าชายเจมส์ ที่นี่คือประเทศจีน คือบ้านของฉัน กรุณาเข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม”
ลั่วหาน: “……”
กู้เยนเซิน: “……”
เกี่ยวอะไรกับเข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม? หาเหตุผลได้เมามาก
แต่ว่า เหตุผลนี้กลับเกลี้ยกล่อมเจมส์ได้อย่างแปลกประหลาด ในที่สุดเขาก็เลิกทำหน้าแอ๊บแบ๊ว แล้วกลับไปทำตัวเหมือนปกติ “ได้ แต่ว่าตอนเย็นฉันจะกินอาหารที่แอนน่าทำ!”
แม่ง วนกลับมาอีกแล้ว
ลั่วหานก็ใจอ่อน “ได้……”
แต่ว่าเพิ่งพูดออกไปแค่คำเดียว หลงเซียวก็รีบพูดต่อ “ได้ คืนนี้คุณทำอาหารมาอย่างนึง”
เมื่อกี้ที่เขานั้นอยากได้คืออาหารทั้งมื้อหนึ่ง แต่กลับให้เขาแค่อย่างเดียว?
กู้เยนเซินลูบผมของเจมส์ ปลอบโยนหนุ่มน้อยที่กำลังเสียใจ
อย่างเดียวก็อย่างเดียว ดีกว่าไม่มีอะไรเลย เจมส์ก็ยอมรับไป
“ฉันไปดูฟู้กุ้ย” คลื่นความถี่ในหัวของเจมส์แปลกประหลาดมาก เปลี่ยนเรื่องง่ายกว่าเปลี่ยนอากาศอีก
กู้เยนเซินทำหน้างงงวย “ฟู้กุ้ยอะไร?”
สองนาทีหลังจากนั้น ความงงงวยของกู้เยนเซินก็กลายเป็นเรื่องสั่นสะเทือนอย่างใหญ่หลวง “มายก็อด!! คุณชายหลงไม่นึกเลยว่าคุณจะเลี้ยงสิงโต คุณคุณคุณคุณคุณเลี้ยงสัตว์ป่าในบ้าน!”
ลั่วหานชี้เจมส์ “เขาให้มา ของขวัญของลูกสาวฉัน คุณชายกู้ใจเย็นๆ”
“ใจเย็นอะไร! ฉันเคยเห็นคนที่เลี้ยงนกกระจอกเทศ นกยูง โลมา แต่บ้านไหนเขาจะเลี้ยงสิงโตเล่า!”
หลงเซียวยิ้มอ่อน “ฉัน”
กู้เยนเซิน: “……” ยอมเขาเลย
เจมส์ถูกใจฟู้กุ้ยตั้งแต่มันเกิดมา ผูกพันกับสิงโตน้อยอย่างมาก จิตใต้สำนึกของฟู้กุ้ยเชื่อใจเจมส์อย่างมาก
ลืมตาช้าๆ อย่างเกียจคร้าน มองเห็นว่าคนที่อยู่นอกกรงคือเจมส์ ชั่วขณะฟู้กุ้ยก็มีชีวิตชีวา หัวที่ก้มต่ำลุกขึ้นอย่างมีพลัง เบิกตากว้างมองตามติดเจมส์เหมือนเห็นแม่แท้ๆ ของตัวเอง
“ฟู้กุ้ย คุณป่วยเหรอ?”
ลั่วหานอยู่ข้างๆ คลึงจมูก “อืม มันไม่สบายนิดหน่อย คงคิดถึงคุณ”
กู้เยนเซิน: “ใครอธิบายได้บ้าง ว่าฉันได้ยินอะไรไป?”
เจมส์ไม่พอใจกรงนี่อย่างมาก “เปิดประตูนั่น”
“ไม่ได้ ฟู้กุ้ยเป็นสัตว์กินเนื้อ ความเสี่ยงโจมตีสูง ปล่อยออกมาอันตรายเกินไป” ลั่วหานแค่นึกถึงสีหน้าตื่นกลัวของคนรับใช้ที่เห็นฟู้กุ้ย
เจมส์ไม่แอ๊บแบ๊วอีกต่อไป แต่ตึงหน้าเอ่ยเสียงเย็นเยียบ “ฟู้กุ้ยเป็นอิสระ!”
หลงเซียวพลันคิ้วมุ่น “เจ้าชายเจมส์ เปิดกรงไม่ได้”
เจมส์โกรธแล้ว กำหมัดทั้งสองข้างแน่น “เปิดออก! ไม่งั้นมันจะตาย!”
โต้เถียงกันกี่ครั้ง หลงเซียวก็ตัดสินใจถอยหนึ่งก้าว ปิดกระจกของประตูแน่น คนรับใช้ทุกคนเข้ามา ที่ลานบ้านเหลือเพียงเจมส์กับผู้ติดตามของเขา
ทุกคนมองเจมส์กับฟู้กุ้ยผ่านกระจกใส สิ่งนี้ให้ความรู้สึกถึงโคลอสเซียมของโรมันโบราณ
แต่ที่น่าแปลกใจคือ ฟู้กุ้ยเชื่องอย่างกับแมวที่เลี้ยงตามบ้าน ออกจากกรงเหล็กแล้วถูใบหน้าด้านข้างของเจมส์อย่างออดอ้อน
คนที่อยู่ในกระจกได้รับการสั่นสะเทือนอย่างใหญ่หลวง
กู้เยนเซินมองจนตาจะถลน “ฉันเป็นลม ไม่นึกว่ามันเชื่อฟังว่าทิเบตันแมสติฟฟ์ที่พ่อฉันเลี้ยงซะอีก”
ลั่วหานพูดเรื่อยเปื่อย “ทิเบตันแมสติฟฟ์เชื่อฟัง?”
“เอ่อ……”
เจมส์ป้อนอาหารให้ฟู้กุ้ยกับมือตัวเอง ฟู้กุ้ยก็กินเนื้อไปหลายกิโลฯ อย่างให้ความร่วมมือ กินเสร็จก็เดินวนรอบอย่างอารมณ์ดี
หนึ่งคนกับอีกหนึ่งสิงโต ออกแสดงเดินเล่นทุกวันอย่างมีความสุข มันอบอุ่นหัวใจราวกับภาพวาด