ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 87
ตอนที่ 87 ขึ้นมา ผมแบกคุณเอง
ในเสี้ยววินาทีนั้นเธอคิดว่าตัวเองไม่ได้รู้จักหลงเชียวเลย พูด ให้ชัดก็คือคนที่เธอรู้จักก่อนหน้านี้ไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริงของ หลงเชียว
เขาแข็งแกร่งและท้าทายเกินไป เหมือนอยู่คนละโลกกับ
เธอ
คู่ลั่วหานเช็ดเหงื่อบนใบหน้าและคราบเลือดบนมุมปาก ตัดสินใจไม่ตอบเขา “คุณมาคนเดียวจริงๆ เหรอ ไม่ได้แจ้ง
ความ?”
ไร้สาระ! เมื่อกี้ไม่เห็นหรือไง? เขาไปเองคนเดียวจริงๆ!
“อม”
หลงเชียวพีมพำตอบเบาๆ ราวกับกำลังตั้งคำถามกับสติ ปัญญาของเธอ แต่สายตาของหลงเชียวนั้นมองเงาสะท้อน ของผู้หญิงในกระจก
กระจกเบี้ยวจากการขับรถเร็วเมื่อกี้ทำให้จากมุมของเขา สามารถมองเห็นเธอผ่านทางกระจกได้พอดี เขาตกใจที่แก้ม ข้างหนึ่งของฉู่ลั่วหานบวมขึ้นมาจากการถูกตบ
ความโกรธพลุ่งพล่านในใจเขา คนที่ก่อเรื่องวันนี้ท่าน เชียวจะไม่ปล่อยไปแม้แต่คนเดียว
ควบคุมลมหายใจให้ค่อยๆ กลับมาคงที่ “มาทำไม? ฉัน ตายไปคุณจะได้อยู่กับโม่หรูเฟยอย่างมีความสุข ไม่ต้อง วุ่นวายอีก”
ผู้หญิงโง่!
“คุณเป็นเมียของผมหลงเชียว ตายเพราะน้ำมือคนอื่นก็ ขายหน้าผมสิ อย่าทำให้ผมขายหน้า”
ทั้งที่อยากบอกเธอแท้ๆ ว่าถ้าเธอตายเขาจะอยู่ได้อย่างไร
แต่แล้ว..
เธอไม่สมควรถามอะไรมากไปกว่านี้
รถหยุดเลียบถนนเส้นเข้าเมือง มีรถขับผ่านไปเป็นระยะ ข้างทางเต็มไปด้วยพืชฤดูร้อน กุหลาบพุ่มใหญ่บานสะพรั่ง ท่ามกลางความเขียวชะอุ่ม
เธอเงียบ คิดถึงเรื่องพี่พึ่งเกิดเมื่อสักครูไม่ว่าพวกเธอจะ ก้าวพลาดไปทางไหน เขาและเธออาจต้องตายด้วยกระสุน ปืนทั้งคู่ แต่เขากลับวางแผนได้ไม่พลาด
“คุณรู้ไหมว่าใครเป็นคนทำ? ดูเหมือนว่าคุณไม่เคยถาม เลยว่าใครเป็นคนทำตั้งแต่ต้น”
ผู้หญิงโง่คนนี้ถามแต่เรื่องที่ไม่เกี่ยวข้อง ไม่ถามด้วยซ้ำว่า เขาบาดเจ็บหรือไม่ราวกับไม่ได้ใส่ใจว่าเขาจะอยู่หรือตาย”คุณคิดว่าทุกคนโง่เหมือนคุณหรือไง? ต้องถามก่อนถึงจะ รู้ว” หลงเชียวอารมณ์เริ่มไม่ดี คำพูดเริ่มไม่น่าฟัง
คู่ลั่วหานเม้มริมฝีปากลิ้นก็เจ็บ ตอนที่กัดก่อนหน้านี้คือกัด จนสุดแรงถ้าไม่โดนขัดเสียก่อนเธอคงได้ตายหรืออย่างน้อย ก็เป็นได้แน่ๆ
“ฉันโง่? แล้วคุณล่ะ? ท่านเชียวฉลาดเสียจริง ใบรับรอง แพทย์โรคมะเร็ง? สัญญาโอนหุ้นMBK? คุณคิดว่าพวกมัน เชื่อจริงเหรอ? น้อยมากที่พวกมันจะเชื่อ?”
หลงเชียวปล่อยพวงมาลัยแล้วเอนตัวพิงพนักพิง ไม่รู้ตั้งใจ หรือไม่ตั้งใจวางมือไว้ตรงช่องว่างระหว่างสองคนหันตัวมา มองเธอ
“คนเรายอมตายเพื่อเงิน อีกอย่างมันคือเรื่องจริง”
เขาพูดไปเรื่อยเปื่อย แต่เธอกลับหันหน้ามาหาเขาทันที “จริงเหรอ? คุณบอกว่าใบรับรองแพทย์มันคือของจริง?”
หัวใจเธอเต้นผิดจังหวะไป ดวงตาฉายแววความกังวล อย่างชัดเจน
หลงเซียวหรี่ตาลง ไม่ได้คำถามเธอตรงๆ “ไม่มีอะไรอยาก พูดกับผมนอกจากเรื่องหย่า?”
เฉียดตายมาด้วยกัน เขาไม่เชื่อว่าเธอจะไม่มีสักเสี้ยว ความรู้สึก ไม่ว่าจะใจแข็งแค่ไหนก็ต้องมีสะเทือนบ้าง!
ฉู่ลั่วหานคิดแล้วคิดอีก เป็นห่วงก็เป็นห่วง สงสัยก็สงสัย ทำไมอยู่ๆ ถึงพบว่าเป็นมะเร็งโดยไม่มีอาการอะไรมาก่อน เลย?
คู่ลั่วหานเอ่ย “เอาง…ต้องรีบไปทำแผนรักษามะเร็งตาม ระยะการแพร่กระจายของมะเร็ง”
โว้ย!
หลงเชียวอยากเขย่าคอเธอซะ! ผู้หญิงคนนี้มันยังไง! แต่นั่นก็ดีกว่าพูดถึงเรื่องหย่าร้าง “คิดอะไรอยู่?”
ฉู่ลั่วหานหันกลับมามองเขา “คิดอะไร?”
ในดวงตาพราวระยับของเธอแดงก่ำ เธอพึ่งโดนวางยามา แล้วยังต้องมาหนีตายอีก ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะเข้มแข็ง
“ตอนที่ถูกลักพาตัว ตอนที่คิดว่าจะต้องตาย คิดอะไรอยู่?” หลังจากผ่านความตายมาน้ำเสียงของหลงเชียวเปลี่ยนไป
เล็กน้อย ฟังดูเหนื่อยหน่ายแต่แฝงกลิ่นอายความคาดหวัง
คิดอะไร? ไม่อยากให้เขามาแต่อีกใจก็อยากให้เขามา คิด อยากจะเอาชีวิตตัวเองปกป้องเขา คิดไปมากมาย
“จะคิดอะไรล่ะ? ตกใจจนในหัวขาวโพลนไปหมด”
คำตอบของหมอฉู่
เหอะ!
หลงเชียวยังจะพูดอะไรได้อีก? เธอใจร้ายขนาดนี้
“คุณล่ะ?”
แม้ว่าจะไม่อยากให้เขารู้ความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเองแต่ กลับคาดหวังที่จะได้ยินคำพูดบางอย่างจากเขา….เธอโลภ เกินไปหรือเปล่า?
หลงเชียวเหล่ตามองเธอด้วยสายตาลุ่มลึกที่อ่านไม่ออก “ทำไมถึงมีผู้หญิงที่โง่ได้ขนาดนี้”
เขาจัดบอดี้การ์ดเฝ้าในโรงพยาบาลแล้ว แต่กลับวิ่งออก ไปไม่คิดอะไร เธอเป็นเหยื่อของเขาแท้ๆ กลับกลายเป็น เหยื่อของคนอื่นใช้ตกเขา
คู่ลั่วหานกัดฟัน “ท่านเซียวพูดถูก”
เขาอยากแกะดูนักว่าในสมองเธอคิดอะไรอยู่
“ลงรถ”
หยุดบทสนทนาไว้เท่านี้ ท่านเซียวเปิดประตูด้วยท่าทีเบื่อ หน่ายแล้วก้าวขายาวๆ ลงไปเงาของร่างสูงยืนอยู่หน้า พุ่มดอกไม้
“ลงรถตอนนี้? ทำไมไม่ขับรถกลับไปเลย?”
หลงเชียวพยักพเยิดไปที่ตัวรถ
คู่ลั่วหานพึ่งเข้าใจ ตัวรถมีร่องรอยการถูกยิงจนยับเยินหลายแห่ง ถ้าขับเข้าตัวเมืองต้องกลายเป็นที่สนใจแน่ๆ
งั้นลงก็ได้
คู่ลั่วหานลงจากรถ ผู้หญิงที่ใช้แรงไปเกือบหมดแล้วขา แทบไม่มีแรง
อันที่จริงที่สำคัญคือเขาไม่อยากสร้างความวุ่นวายให้เธอ เพราะรถคันนี้ ไม่อย่างนั้นคงไม่เลือกเดินทั้งที่ยางยังอยู่ครบ ทั้งสี่เส้น
เดิน….ก็เป็นประสบการณ์ที่ไม่แย่อะไร
พวกเขายังไม่เคยเดินด้วยกัน วันนี้สบโอกาสพอดี
เดินไปไม่กี่ก้าว หลงเชียวหันกลับไปมองเธอที่เดินตามมา ด้านหลัง สีหน้าเบื่อหน่ายชัดเจน “รีบตามมาให้ทัน”
ให้ตาย! เธอจะตามทันขายาวๆ นั่นได้อย่างไร!
“คุณเรียกรถไม่ได้เหรอ?” คู่ลั่วหานหัวร้อน
หลงเชียวย้อนถามท่าทางไม่รีบร้อน “คุณมีเงินไหม?”
4.ไม่มี”
จะเอาเงินมาจากไหน
หลงเชียวยกมุมปากขึ้นยิ้มบาง “ผมก็ไม่มี…เมื่อกี้เผาไป แล้วห้าร้อยล้าน”
คงไม่มาคิดบัญชีกับเธอทีหลังหรอกใช่ไหม? ถ้าเขาพูดขึ้น มาเธอจะเอาที่ไหนมาคืน? ห้าร้อยล้าน ทั้งชาติเธอก็หามาคืน
ได้ไม่หมด
จึงรีบดักไว้ก่อน “สมควร! โง่เอง!”
เหอะ!
โง่เองงั้นเหรอ หลงเซียวซักไม่แน่ใจว่าใครกันแน่ที่โง่
บทสนทนาที่คาดเดาไม่ได้สิ้นสุดลง หลงเชียวใช้ขายาวๆ
ก้าวไปเรื่อยๆ
แน่นอนว่าคู่ลั่วหานตามไม่ทัน ยิ่งเดินระยะห่างยิ่งไกลมาก ขึ้น เดินไปเดินมาหลงเซียวก็อยู่ไกลเธอกว่าร้อยเมตร
ตอนแรกเธอยังเห็นแผ่นหลังของเขาที่ไม่ว่าจะมองยังไงก็ สวยสง่าราวกับภูเขา แต่ตอนนี้เสน่ห์ของแผ่นนั้นถูกแทนที่ ด้วยความเหนื่อยล้าที่เธอไม่มีอารมณ์ที่จะชื่นชมมันได้อีกต่อ
ไป
คู่ลั่วหานกัดฟันกำหมัดนัยน์ตาวาวโรจไปด้วยความโกรธ เธอยังไม่ตายเขาก็ไม่ต้องขายหน้าแล้ว ก็เลยเดินหนีไปไกล ยังทิ้งเธอไว้ข้างหลัง
เดินไปสักพัก ฉู่ลั่วหานที่ขาแทบไม่มีแรงแล้วก้มลงจับหัว
เข่าและหยุดพัก
ฝั่งท่านเขียวที่อยู่ห่างออกไปเป็นร้อยเมตรยกมุมปากขึ้น
ท่าทางการแสดงออกแบบนี้ของหลงเชียวไม่ได้มีให้เห็นบ่อย นัก เขาไม่รู้ตัวเลยว่าตนเองกำลังยิ้มอย่างสนุกราวกับเป็น เด็กเล็ก
จู่ลั่วหานที่ก้มลงพักหายใจทันใดนั้นก็มีเงาของร่างสูง พาดผ่านบดบังแสงที่ส่องมา
ยังไม่ได้เงยหน้าเธอก็เห็นรองเท้าหนังสแลกอาร์มานี่ที่เต็ม ไปด้วยฝุ่น ไล่ขึ้นมาขากางเกง ดวงตาและสันกรามคมคาย ของหลงเชียว
เขาย้อนกลับมาอีกทำไม?
“มานี่ อย่าทำให้ฉันช้า”
ผู้ชายบ้าอำนาจและเอาแต่ใจหันหลังย่อตัวลงตรงหน้าเธอ อย่างใจดี สูทสีดำที่เปื้อนไปเล็กน้อยที่สวมอยู่ยังคงดูดี “ทำอะไร?” ฉู่ลั่วหานคอแห้งราวทะเลทรายอยู่ในคอ
“ขึ้นมา ฉันรีบ”
กัดฟันแน่น เธอก็หยิ่งในศักดิ์ศรีตัวเองนะ “ฉันเดินเอง
ได้!”
“ขึ้นมา! อยากโดนจับกลับไปอีกรอบหรือยังไง?””ฉัน…”
“ฉันอะไร? ผมไม่ได้ใจดีกับความโง่ของคุณทุกครั้งหรอก
โว้ย!
ขึ้นก็ขึ้น เย่อหยิ่งอย่างหลงเชียวอุตส่าห์ให้เธอยืมแผ่น หลังถือว่าเป็นโอกาสที่หาได้ยาก
ก็ดี จะใช้ให้คุ้มเลย
เธอปืนขึ้นไปบนหลังสองแขนโอบรอบคอเขา กลิ่นดินปืน ผสมกลิ่นน้ำหอมบางเบาลอยเข้าจมูกเธอ เส้นผมยาวและนุ่ม
ลื่นระไปมาโดยรวมแล้วช่างเข้ากับเขา
แขนแข็งแรงของหลงเซียวซ้อนขาเธอ ผู้หญิงคนนี้ผอมเกิน ไป แบกไว้บนหลังแทบไม่รู้สึก
“คราวหลังอย่ากินเยอะ”
สิ่งที่ออกจากปากกลับเป็นแบบนี้
ว่าเธออ้วน?
คู่ลั่วหานกัดฟัน “หนักไม่ถึงห้าสิบกิโล ทั้งไข่ดาวทั้งเตี้ย!”
หลงเซียวเดินไปโดยที่แบกเธอไว้บนหลัง ฉู่ลั่วหานที่สูง ร้อยหกสิบแปดเซนติเมตรนั้นแขนขายาว ในบางครั้งเท้าไป โดนกับดอกไม้ข้างทาง พยายามใช้นิ้วเท้าจับดอกไม้เล่นเขาก็ไม่ได้ว่าอะไร ปล่อยให้เธอราวกับเป็นเด็ก
“คุณว่าไง?”
เธอ?
เธอไม่ได้เดี๋ยสักหน่อย ไม่แบนด้วย!
“คุณดูเอาเองไม่เป็น?”
คู่ลั่วหานทิ้งตัวแนบไปกับหลังของเขาอย่างไม่คิดจะยอม
แพ้
ไม่ว่าจะต้องใช้เล่ห์หรือกล แค่เขาอ่อนโยนกับเธอแค่ เพียงเล็กน้อยเธอก็พอใจแล้ว
คงไม่โลภเกินไป…?
“ดู? ดูยังไง? มองจากนอกเสื้อผ้าย่อมไม่ชัดเจน”
ท่านเซียวสีหน้าน้ำเสียงไม่เปลี่ยนสักนิด เขาสามารถเอ่ย คำพูดพวกนี้ได้อย่างเรียบเฉยและเป็นธรรมชาติ
ฉู่ลั่วหานรัดคอเขาแน่นขึ้น “แสดงว่าสายตาไม่ดีเอง”
เขาเอนคอมาด้านหลังพูดตามความจริง
“ใช่ ไม่ดี…
ไม่อย่างนั้นจะทิ้งผู้หญิงที่อ่อนโยนและดีกับเขามาสู่ขอเม่น ที่คอยพองขนใส่เขาและขยันหาเรื่องให้ปวดหัวทำไม
เขาพูดไว้ออกไปแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น ครึ่งประโยคหลังไม่ ได้พูดออกไป
เขาแบกเธอเดินไปช้าๆ เงาของต้นไม้ช่วยบังแสงช่วงฤดู ร้อนที่ส่งมาที่พวกเขาสองคน เหงื่อซึมออกตามหน้าผากแต่ กลับเขากระชับจู่ลั่วหานขึ้นหลังแล้วเดินต่อไป
“ผู้หญิงโง่”
เมื่อคนบนหลังไม่ขยับหลงเชียวจึงเรียกเธอ
แต่ไม่มีการตอบรับ
หลงเชียวหยุดเดินหันกลับไปมอง เธอหลับคาหลังเขาไป
แล้ว
ขนตายาวและหนาจนทำให้เกิดเงา เอียงใบหน้าแนบไป กับแผ่นหลังเขา เธอหลับอย่างสบายอารมณ์
“คุณรู้ไหมว่าผมเห็นคุณอยู่ในสภาพนั้นแล้วเป็นห่วงแค่ ไหน?”
หลงเชียวพูดกับตัวเอง เริ่มรู้สึกว่าคนที่แบกไว้ด้านหลัง หนักแล้ว
เพราะหลงเชียวแบกเธอมาเกือบสองชั่วโมง
“ถ้าวันนี้คนที่ถูกจับไปเป็นผม คุณคงดีใจมากล่ะสิ? คู่ั่ วหานผู้หญิงใจดำ”เธอผู้หญิงไร้หัวใจคนนี้