ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 870
ตอนที่ 870 ไร้ซึ่งเซนเซอร์
“ใครอยู่ข้างใน เปิดประตู”
จางหย่งงอตัวลงราวกับกุ้งพลางเคาะประตูไปด้วย ก๊อก ก๊อก ก๊อก ด้านในไม่มีเสียงตอบกลับมา
“ใครอยู่ด้านใน ตอบสิ”
กระเพาะปัสสาวะจะระเบิดแล้วนะ
“ตะโกนอะไรนักหนา รอไปก่อน”
ด้านใน อิสซากำลังส่องกระจกจัดแต่งทรงผมอย่างเชื่องช้า ตอนเช้าตื่นขึ้นมาอาบน้ำเสร็จ สบายตัว พลังการต่อสู้เต็มเปี่ยม ไม่เพียงแค่กำลังภายในที่กลับคืนมา สติก็กลับมาอยู่ในสภาวะปกติแล้ว ผิวพรรณก็กระจ่างใสขึ้น
“เฮ้”
จางหย่งคร่ำครวญ ความรู้สึกหมดหวังและหมดแรงผสมปนเปกันไปหมดพุ่งขึ้นสมอง ทนอีกสักนิด
อิสซาทาโลชั่นบำรุงผิวเชื่องช้า เซรั่ม ครีมทาผิว ทีละอย่างตามขั้นตอน ยังตั้งใจทาให้ช้าลง ด้านซ้ายสามสิบรอบ ด้านขวาสามสิบรอบ ตามโครงหน้า
“คุณเร็วหน่อยได้ไหม คนใกล้จะตายแล้วรู้หรือเปล่า” ความหดหู่และอึดอัดใจของจางหย่งนี้ เขาแทบอยากพังประตูเข้าไป
อิสซายืดคอขึ้นไม่รีบไม่ร้อนตั้งใจเปล่งเสียงให้ดังขึ้น “ฉันกำลังจัดการปัญหาใหญ่ของชีวิต ยิ่งคุณตะโกนฉันยิ่งกดดัน ถ้ากดดันก็จะยิ่งช้า ดังนั้นคุณรอไปดีๆ อย่ารีบร้อน”
จางหย่งหนีบขาสองข้างแน่น ท้องแทบจะกลายเป็นแฮมเบอร์เกอร์ ถ้างอลงไปอีกคงถึงพื้นแล้ว “คุณ..คุณตั้งใจ”
อิสซาหัวเราะเยาะ “คนมีความเร่งด่วนอยู่สามประการ ฉันจะมีบ้างไม่ได้หรือไง”
นี่
“ถ้าคุณไม่เปิด ผมจะพังประตูแล้วนะ”
ลั่วหานยักไหล่ “ที่รัก คุณคิดว่าอาหย่งจะพังประตูไหมคะ”
หลงเซียวยังคงชื่นชมความครึกครื้น “ตามกฎแล้ว เขาคงไม่ ไม่ใช่ว่าไม่กล้า แต่เพราะพื้นฐานการเลี้ยงดูจะไม่ทำแบบนั้นแน่ แต่ถ้าเขาอดทนจนถึงที่สุดแล้ว นั่นก็ไม่แน่”
“สาม…ผมจะนับถึงสาม ถ้าคุณยังไม่เปิดอย่าหาว่าผมไม่เกรงใจ สอง…”
อิสซายิ้มเย็น ปิดกระปุกครีมทีละกระปุก เธอยังไม่คิดจะเชื่อว่าจางหย่งจะพังประตูเข้ามา “หนึ่ง พังแล้วนะ”
จางหย่งกัดฟัน ระหว่างความอดทนและการไม่ให้เกียรติผู้หญิง เขาหลับตาเลือกข้อข้างหลัง…
พลั๊ก
ด้านซ้ายชนเข้ากับประตู กำลังเต็มเปี่ยมของจางหย่ง พุ่งเข้าไปในประตูอย่างแรง อย่างไรก็ตามเพราะจางหย่งพุ่งตัวเข้าไปด้วยความแรง จึงไม่ได้สังเกตว่าประตูห้องน้ำถูกอิสซาเปิดออกแล้ว
พุ่งตัวแรงเกินไป ไม่ทันได้ตั้งตัว จึงกระแทกนอนราบไปกับพื้น
สิ่งที่คาดไม่ถึงคือ จางหย่งไม่รู้สึกถึงพื้นแข็งเลย ตรงกันข้าม หน้าอกนุ่มๆ โดยเฉพาะสองจุด ความรู้สึกนุ่มนิ่มคล้ายกับรูปร่างยอดของแผ่นยาง นุ่มนิ่ม…
“กรี๊ดดด”
“อ๊ากกก”
จางหย่งและอิสซากรีดร้องออกมาพร้อมกันเสียงดัง เสียงดังต่อเนื่องไปเป็นระลอก เสียงหญิงชายสอดประสานเป็นท่วงทำนองเกือบสามสิบวินาที ห้องน้ำสั่นสะเทือนไปทั้งห้อง
เสียงดังกึกก้องในหัวของจางหย่ง สมองของเขาราวกับแตกออกเป็นส่วน เสียสติไปแล้ว
ดวงตากลมโตของอิสซา ข้อศอกงอเข้าส่งพละกำลังทั้งหมดเล็งไปที่หลังของจางหย่ง…พลั๊วะ
“อ๊ากกก”
เสียงร้องโหยหวนนี้ รุนแรงกว่าครั้งก่อนหน้านี้
กระดูกของจางหย่งคล้ายกับแตกหักไปแล้ว…
“หลีกไป”
“คุณ…ไดโนเสาร์”
จางหย่งด่าทอพร้อมกับลุกขึ้น มือเท้าพื้นไม่ทันระวัง สายตาปัดผ่านหน้าอกเธอโดยไม่ตั้งใจเช่นกัน สองก้อนนุ่มกลมตรงหน้าคล้ายกับกระต่ายน้อยที่โผล่หัวออกมาเมื่อครู่ รูปร่างที่ถูกปกปิดด้วยผ้าเช็ดตัว เห็นได้เด่นชัด…ควรค่าแก่การระมัดระวัง
ส่วนที่โผล่พ้นออกมาจากผ้าเช็ดตัวเป็นเส้นโค้งนูนสองเส้น เป็นเนินเป็นเนิน เส้นโค้งเป็นวง…ราวกับชายฝั่งสูง คล้ายกับแสงอาทิตย์ยามอัสดง…
จางหย่งโตมาขนาดนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นจุดนี้ของผู้หญิงในระยะใกล้ ชัดเจน และไม่เซนเซอร์แบบนี้
ดังนั้นจางหย่งจึงไม่สามารถควบคุมสติของเขาได้
ตูมมม
อิสซาสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวของสายตาเขา ขายาวงอขึ้น เตะเข้าที่กระดูกอ่อนด้านหลังของเขา
ลั่วหานสะดุ้ง ได้สติกลับมา “โอ้ ท่าเมื่อสักครู่เธอทำได้ยังไง”
หลงเซียว “…”
ไม่ตอบจะดีกว่า ไม่งั้นจากความสามารถในการเรียนรู้ของเธอ ครั้งต่อไปเธออาจจะเอามาใช้กับเขาก็ได้
แต่ว่า…
เมื่อมองสถานการณ์นี้ หลงเซียวก็หัวเราะออกมาอย่างสนุกสนาน
“คุณ…คุณจะฆ่าคนเหรอ คุณ”
จางหย่งเจ็บปวดไปทั้งตัว ลืมเรื่องปวดฉี่ไปตั้งนานแล้ว ตอนนี้รู้สึกเพียงว่าเจ็บปวดไปทั่วทั้งตัวแล้ว โดยเฉพาะหัวใจนั้นเจ็บปวดเป็นพิเศษ
อิสซาดึงเขาออก กอดผ้าเช็ดตัวแน่นแล้วกลับห้องตัวเอง หางตาเหลือบเห็นลั่วหานและหลงเซียวจึงชะงัก
ลั่วหานโบกมือ ยิ้มบางๆ “อรุณสวัสดิ์ค่ะ…คุณอิสซา”
“อรุณสวัสดิ์บ้าอะไร”
ผ่านเช้าที่ไม่สบอารมณ์เท่าไหร่ ความบาดหมางของจางหย่งและอิสซาเพิ่มมากขึ้น ทำให้ขณะทานข้าวนั้นจางหย่งถูกอิสซาไล่ลงจากโต๊ะทานข้าว ถือถ้วยกับข้าวเข้ามาทานในห้องรับแขกอย่างน่าสงสาร
สาวใช้แบ่งกับข้าวให้เขาเล็กน้อย ทิ้งเด็กชายจางให้ทานข้าวเงียบๆอยู่คนเดียว
เมื่อเจอกับความโกรธของอิสซา ลั่วหานจึงนึกถึงโจวโร่หลินและไป๋เวย พบว่าผู้หญิงจีนใจดีและอ่อนโยนกว่าเยอะเลย
หลังมื้ออาหารเช้า หลงเซียวและลั่วหานเตรียมตัวไปทำงาน จางหย่งเตรียมหนี
พึ่งออกไปได้ครึ่งทาง ก็ถูกเรียกเอาไว้
“อาหย่ง มานี่ก่อน”
เสียงเรียกของเจ้านายมาโดยไม่ทันตั้งตัว หัวใจของจางหย่งตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม “เจ้านาย…มีอะไรเหรอครับ”
หลงเซียวโยนกุญแจให้เขา “อิสซาและเจมส์พึ่งจะมาจีน นายพาพวกเขาไปเที่ยวหน่อย”
“ห๊า”
อิสซาจับปลายคางตัวเองแววตามุ่งร้าย “งั้นคงต้องรบกวนคุณจางด้วยนะคะ”
เจมส์หัวเราะหึในลำคอ “เส้นทางอะไรยังไง ต้องรบกวนแล้วล่ะครับ”
จางหย่ง “…”
พวกคุณทำไมไม่กลับแอฟริกาไปซะ
ตอนเช้าหลงเซียวไม่มีประชุม พอดีสามารถส่งลั่วหานไปโรงพยาบาลได้
ระหว่างทาง ลั่วหานใช้เวลาระหว่างเดินทางอ่านรายงานอาการของคนป่วย สะดวกเมื่อถึงโรงพยาบาลจะได้ตรวจเลย
“โครงการก่อสร้างของชานเมืองหลวงจะเริ่มในสัปดาห์หน้าแล้ว เรารวบรวมชื่อมาบ้างแล้ว เดี๋ยวผมส่งให้คุณ คุณเลือกสักอันที่คุณชอบ” หลงเซียวถือโอกาสเอ่ยเรื่องที่อยากคุยในตอนเช้าให้ฟัง
“ให้ฉันตั้งเหรอคะ” กระดาษในมือลั่วหานเต็มไปด้วยภาษาทางการแพทย์ แต่ละอันไม่เป็นธรรมชาติไม่มีสุนทรียภาพเลยสักนิด เขากลับเอ่ยเรื่องโครงการก่อสร้างขึ้นมา มันช่างแตกต่างกันมากเหลือเกิน
“อืม โครงการก่อสร้างชานเมืองหลวงน่าจะเป็นตึกสุดท้ายที่บริษัทฉู่ซื่อพัฒนาแล้ว ดังนั้นผมเลยอยากให้คุณตั้งชื่อให้” หลงเซียวใช้มือที่ว่างข้างหนึ่งสางผมยาวของเธอ
“สุดท้ายเหรอคะ”
“อืม ผมเคยประกาศออกไปแล้ว บริษัทฉู่ซื่อจะไม่แตะต้องอสังหาริมทรัพย์แล้ว แต่เพื่อขยายทุนสำรองของบริษัท ผมจำเป็นต้องรับสิทธิ์การพัฒนาปรับปรุงโครงการชานเมืองหลวง”
ลั่วหานคิดออกแล้ว เขาเคยพูดถึง บริษัทฉู่ซื่อจะให้ความสำคัญกับโรงพยาบาลและแหล่งพลังงานใหม่ แต่ว่าเขา…ผิดคำพูดแล้ว
“จะเป็นจุดอ่อนให้สื่อหรือเปล่าคะ เกิดมีคนถกเรื่องเก่าขึ้นมาคุณจะทำยังไง”
สิ่งแรกที่ลั่วหานนึกถึงคือคู่แข่งของเขา คนพวกนั้น เบิกตากว้าง ใช้แว่นขยายรอจับผิดเขาอยู่ทุกวัน รอวันที่เขาจะมีอะไรรั่วไหลออกไป
หลงเซียวยิ้มสบายๆ “ไม่กลัว ตอนนี้สิ่งที่เราขาดคือหัวข้อสนทนา ใช้หัวข้อสนทนาตึกยิ่งจะดังตั้งแต่ยังไม่สร้าง ไม่ใช่ยิ่งดีเหรอ”
ทว่าลั่วหานไม่ได้รู้สึกแบบนั้น “ทางที่ดีคุณต้องเตรียมตัวเอาไว้ ฉันกลัวว่าจะมีคนใช้โอกาสนี้มาเล่นงาน อีกอย่าง บริษัทฉู่ซื่อไปทำอสังหาริมทรัพย์ คุณจะเอาอะไรไปแข่งกับMBKล่ะ”
หลงเซียวเพียงแค่เคาะพวงมาลัย “ตอนนี้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ของจีนขึ้นมาถึงจุดสูงสุดแล้ว ไม่ว่าจะพัฒนายังไงก็ต้องเดินลงเนิน อสังหาริมทรัพย์จะล้มในไม่ช้าก็เร็ว เราสามารถลงทุนด้านอื่นบ้าง”
ลั่วหานพยักหน้า “ดูราคาบ้านและเงินเดือนแล้ว ความจริง…คุณตั้งดีกว่า แต่ละคนมีด้านที่เก่งไม่เหมือนกัน แต่ว่าชื่อ…”
“คุณเป็นประธานของบริษัทฉู่ซื่อ คุณตั้งเถอะ”
ปวดหัว ทำไมถึงต้องบังคับ
“คุณก็รู้ว่าการตั้งชื่อไม่ใช่สิ่งที่ฉันถนัด คุณหานักอักษรมาตั้งจะดีกว่า ฉันเรียนด้านวิทยาศาสตร์และวิศวกรรม คุณก็คงเข้าใจ…” ลั่วหานกลัดกลุ้ม เธอมีสมองด้านนั้นที่ไหนกันล่ะ ไม่งั้นเธอคงเขียนประสบการณ์ด้านการแพทย์เป็นหนังสือสักเล่มไปแล้ว
“สุนทรียภาพเป็นสัญชาตญาณ ไม่เกี่ยวอะไรกับอักษรศาสตร์ ผมเชื่อสายตาของคุณ” หลงเซียวบอกด้วยความเอ็นดู
พูดแบบนี้…จะปฏิเสธยังไง
“คุณนี่ปลอบใจคนเก่งจริงๆ”
ถึงโรงพยาบาลแล้ว หลงเซียวจอดรถด้านนอกอาคารผู้ป่วยนอก บอกก่อนออกไป “คุณเสนอให้ถังจิ้นเหยียนเป็นรองผู้อำนวยการเหรอ”
ลั่วหาน “คะ คุณรู้เหรอ”
“ผมเห็นข้อเสนอแล้ว คุณมีหนึ่งคะแนนในคณะกรรมการ ช่วยแสดงความยินดีกับเขาล่วงหน้าด้วย”
ลั่วหานปลดเข็มขัดนิรภัย ชี้ไปที่แผนกผู้ป่วยใน “ฉันก็มีข่าวจะบอกคุณ เกาหยิ่งจือสละโสดแล้วนะ”
“ห๊ะ”
“อือหึ