ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 891
ตอนที่ 891 เจ้าชาย พ่อของคุณเรียกคุณกลับไปตี
กลางดึกเงียบสงัด มุมหนึ่งที่เงียบสงบ ไม่มีเสียงกรีดร้องตกใจและน่ากลัว ไม่มีชายหรือหญิงเกิดบ้าวิกลจริต
ว้าว…ในที่สุดก็รอดได้แล้ว
สองขาของกู้เยนเซินอ่อนแรง ไม่สนใจว่าพื้นจะสกปรกหรือไม่ นั่งลงกับพื้นสูดหายใจลึก “เจ้าชาย ฝ่าบาท รัชทายาทผู้สูงส่ง คุณยังโอเคอยู่ใช่ไหม”
เจมส์เองก็ไม่ได้ต่างอะไรจากเขามาก เขายังไม่สามารถดึงสติกลับมาจากการวิ่งสุดชีวิตเมื่อสักครู่ได้ ยังคงมึนงง
พวกเขาหนีออกมาได้ยังไง
ความทรงจำสุดท้ายราวกับความฝัน กู้เยนเซินอาศัยจังหวะชุลมุน ยกเท้าถีบออกไปอย่างชาญฉลาด จากนั้นเขาไม่ตอบสนองอะไรกลับมา กู้เยนเซินจึงใช้ทักษะที่เชี่ยวชาญพาเขาออกมาจากผู้คน
เจมส์จับคอเสื้อพัด ให้ลมเข้ามาพาความร้อนออกไป วิ่งออกมาด้วยความตกใจ สักพักแผ่นหลังก็ชุ่มไปด้วยเหงื่อซะแล้ว
“ผมไม่เป็นไร” เจมส์ชายตามองกู้เยนเซิน ท่าทางรังเกียจ
สองขายาววางราบไปกับพื้น ไม่มีความเป็นคุณชายหลงเหลืออยู่สักนิด ท่าทางยังกะอันธพาล “นั่งพักสักหน่อยเถอะ ผมไม่ไหวแล้ว วิ่งจนหายใจไม่ทันแล้ว”
เจมส์เบ้ปาก “นั่งพื้นเนี่ยนะ”
“ไม่งั้นล่ะ คุณจะนั่งบนตักผมหรือไง”
เจ้าชายที่ถูกพร่ำสอนมารยาทในรั้วในวังมากมายตั้งแต่เล็กจนโต ไม่มั่นใจเรื่องความสะอาด จะให้เขามานั่งบนพื้นน่ะหรือ
เหอะๆ
เจมส์ชี้ไปที่เสื้อสูทของเขา “คุณร้อนไหม”
“ร้อนอยู่แล้วสิ คุณดูหน้าผากผมสิ มีแต่เหงื่อ” เพื่อให้น่าเชื่อถือ กู้เยนเซินจึงเปิดหน้าม้าขึ้นให้เขาดู เผยให้เห็นหน้าผากที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อ
“ดังนั้น ทำไมคุณไม่ถอดสูทออกล่ะ จะได้เย็นขึ้นมาบ้าง” เจมส์แนะนำเขาด้วยท่าทางที่หวังดี
กระดุมชุดสูทของกู้เยนเซินถูกปลดออกจนหมดแล้ว การถอดออกนั้นเป็นเรื่องง่ายๆไปเลย “ทำไม จะทำอะไร ผมเคยบอกคุณไปแล้วนะ ผมตรงๆนะ”
เจมส์ยักไหล่ เบ้ปาก ท่าทางไม่ใส่ใจ “เทพธิดาของผมคือแอนน่า คุณอย่าหวังเลย”
กู้เยนเซินมองหน้าตาหล่อเหลาที่ไร้ยางอายของเจมส์ มือเริ่มถอดสูทออก ถูกเจมส์แย่งไปทันที
“ผมถือเองก็ได้ จะรบกวนฝ่าบาทได้ยังไง…อา ห๊ะ”
คำพูดเกรงอกเกรงใจยังเอ่ยไม่ทันจบ กู้เยนเซินก็ต้องชะงักค้างแล้ว
เจมส์ปูเสื้อสูทลงบนพื้นด้วยท่าทางงดงาม นั่งลงอย่างมีเกียรติ
รอยยิ้มกระอักกระอ่วนของกู้เยนเซินแข็งข้างอยู่บนใบหน้า ปากเป็นตะคริวอย่างหนัก “คุณ…ใช้เสื้อสูทของผมไปรองก้น คุณไม่ได้ทำอะไรผิดไปใช่ไหม”
เจมส์นั่งลงบนพื้น ท่าทางก็ยังคงสง่างามเช่นเคย “เดี๋ยวผมซื้อให้คุณใหม่”
บัดซบ
ซื้อใหม่
“นี่ไม่ใช่เรื่องซื้อใหม่หรือไม่ซื้อใหม่ คุณกำลังดูถูกเสื้อผ้าของผมอยู่นะ มันเป็นการดูถูกผมทางอ้อม” กู้เยนเซินดูเป็นคนไม่มีเงินเหรอ เขาไม่ได้ขาดเงินสักนิด ตอนนี้เขามีเงินมากกว่าหลงเซียวด้วยซ้ำ
เจมส์มองเขาด้วยท่าทางใจเย็น “คุณอยากได้กี่ชุด”
กู้เยนเซินกุมขมับ “ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเงินเลย การกระทำของคุณมันไม่มีมารยาท เข้าใจหรือเปล่า”
เจมส์ยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ ใช้ดวงตาสีฟ้าครามใสซื่อของตนมองเขา “ผมใช้เสื้อผ้าของคุณ นั่นเป็นเกียรติของคุณ คุณควรจะขอบคุณผม ยิ่งไปกว่านั้น ผมยังจะซื้อตัวใหม่ให้คุณอีกหรือบางที ผมอาจจะให้เงินคุณก็ได้”
“ผม…โห้ เงินมันไม่ได้แก้ปัญหาได้ทุกอย่างหรอกนะ เข้าใจหรือเปล่า”
เจมส์ยักไหล่อีกครั้ง “นั่นคงเป็นเพราะเงินไม่เยอะพอหรือเปล่า คุณเคยเห็นเงินไหม”
กู้เยนเซิน “…”
ดีมาก ดีมาก โอ้อวด เริ่มอวดรวยแล้ว
ไอ้เจ้าชายไม่เอาไหน ขอให้ประเทศของคุณล่มสลายโดยไง ถูกประเทศของฉันยึดครอง เหอะ ป่าเถื่อน
เจมส์แหงนหน้ามองท้องฟ้า “วันนี้แอนน่าเห็นผมเล่นเปียโนแล้ว เธอจะต้องดีใจมากแน่”
กู้เยนเซินพิงหลังกับกำแพง ส่งเสียง หึ อยู่ในลำคอ “คุณอย่าเข้าใจผิดไปเลย เธอดีใจเหรอ คนที่จะทำให้เธอดีใจได้ก็มีแต่หลงเซียวเท่านั้นแหละ”
เจมส์จ้องเขาเขม็ง “ทำนองที่ผมเล่นเป็นเพลงโปรดของเธอ”
กู้เยนเซินเบ้ปาก ครั้งนี้ถึงตาเขายักไหล่แล้ว “แล้วยังไง คุณไม่ใช่คนที่เธอชอบสักหน่อย”
เจมส์ถูกทำร้ายจิตใจอย่างหนัก ดวงตาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด กอดเข่าตัวเองอย่างน่าสงสาร วางปลายคางไว้บนเข่า น้ำเสียงอ่อนแรง “แต่ว่า ผมชอบแอนน่ามาก”
กู้เยนเซินตบไหล่เขาด้วยจิตใจที่สับสน “เจ้าชาย…ผู้หญิงที่เล่นไปพร้อมกับคุณในวันนี้ คุณคิดว่าเป็นยังไง”
ขวับ!
ดวงตาคมของเจมส์เบิกกว้างจ้องเขม็งไปยังกู้เยนเซิน “เธอเป็นใคร”
เด็กดี…อย่าใจร้ายขนาดนั้น ดูเหมือนว่าเขาคงอยากจะใช้มีดหั่นเจิ้งซินออกเป็นชิ้นๆแล้ว
“เหอะๆ ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ก็แค่คนที่ไม่ได้สำคัญอะไร ปล่อยวาง…คุณปล่อยวางเถอะ”
ด้านนอกซอย เสียงกรีดร้องของหญิงสาวพลันดังขึ้น….
“ไอ้เวร ออกมาเดี๋ยวนี้นะ”
กู้เยนเซิน “ชู่” เด้งตัวขึ้นมาทันใด “เธอมาแล้ว รีบไปสิ”
เจมส์ “…”
หลังจากนั้น เงาร่างสูงสองร่าง วิ่งร้อยเมตรหนีอย่างรวดเร็ว
วันต่อมา รีสอร์ทหยีจิ่ง
ลั่วหานถูกเสียงดังโวยวายจากด้านล่างปลุกให้ตื่นตั้งแต่เช้า
เสียงแรกคือเสียงดังแสบหูของอิสซา “เจมส์ นายให้เหตุผลที่เข้าท่ามาสิ นี่มันเรื่องอะไรกัน”
ลั่วหานขมวดคิ้ว “ที่รักคะ อิสซากำลังสอบสวนเจมส์อยู่เหรอ”
หลงเซียวหลับตาขมวดหัวคิ้ว “คงจะใช่”
ลั่วหานดึงผ้าห่มคลุมหัวอย่างสิ้นหวัง “ที่รัก ให้ฉันเป็นนกกระจอกเทศสักพักนะคะ”
หลงเซียวดึงเธอจากผ้าห่มเข้าสู่อ้อมแขนของตนด้วยความรัก “เรื่องข่าวผมสามารถปิดมันได้ ทำให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุด”
ด้านล่าง….
เจมส์กำลังนั่งกอดหมอนอิง ดวงตาสีฟ้าครามพักผ่อนไม่เพียงพอ “พี่ครับ ผมไม่ได้ตั้งใจนะ”
ความโกรธของอิสซาลดลงเพราะดวงตาของเจมส์สองในสาม “พ่อนายรู้แล้ว นายจะทำยังไง”
เจมส์ยกมือขึ้นขยี้ผมอยู่ชั่วครู่ “รู้เร็วขนาดนี้เลยเหรอ เขาโทรหาพี่เหรอ”
“อืม โทรมาแล้ว นายปิดเครื่อง เขาจึงโทรมาหาฉัน เขาให้นายรีบไสหัวกลับไปทันที” อิสซาเน้นคำว่า “ไสหัว” เสียงหนัก เลียนแบบท่าทางของพ่อเจมส์
เจมส์หัวเราะแห้ง “แต่ผมยังทำการรักษาไม่หายเลย”
“เหอะๆ…เหอะๆๆ ฉันดูแล้วหัวใจนายไม่ได้มีปัญหาเลยสักนิด หรือจะบอกว่า การป่วยของนายมันย้ายที่แล้ว มาอยู่ตรงนี้” อิสซาชี้ไปยังศีรษะของเจมส์ทั้งโกรธทั้งเป็นห่วง
เจมส์ดวงตาใสแป๋ว “ไม่กลับไปได้ไหมครับ ผมยังไม่อยากกลับ”
“ไม่ได้ ก่อนที่เรื่องจะใหญ่กว่านี้ นายต้องกลับไป ไม่ต้องมาต่อรอง ไม่งั้นพ่อนายคงสั่งสถานทูตจับนายกลับไป นายลองคิดให้ดีก็แล้วกัน”
อิสซายังพูดไปจบ เสริมขึ้นอีก “ในฐานะที่เป็นพี่สาว ฉันจะเตือนนายนะ ตอนที่ฉันแอบหนีออกมา พ่อฉันส่งบอดี้การ์ดมือดีมาเป็นสิบเพื่อตามล่าฉัน เกือบถูกจับได้ที่มาเก๊า”
เจมส์ตัวแข็ง “แต่ว่า…มีทางที่ไม่ต้องกลับไปไหมครับ พี่ครับ…พี่ช่วยผมหน่อย พี่ดีที่สุดแล้ว”
อิสซาสะบัดมือที่ถูกจับเอาไว้ออก “ปล่อย ปากหวานช่วยไม่ได้หรอกนะ”
ลั่วหานและหลงเซียวลงมาหลังจากแต่งตัวเสร็จแล้ว เจมส์ยังคงทำท่าทางน่ารักออดอ้อนให้ปล่อยเขาไป
“เจ้าชายเจมส์ แผนการรักษาของคุณกำหนดเรียบร้อยแล้ว กลับไปรักษาที่ประเทศก็ใช่ว่าจะทำไม่ได้” คำพูดของลั่วหาน คือฟางเส้นสุดท้ายของอูฐ ส่งให้เจมส์ไปสู่ความตาย
หลงเซียวยังมาซ้ำเติมเพิ่มอีก “ตั๋วเครื่องบินผมจัดการให้ได้ บินตรงจากเมืองหลวงไปยังประเทศ M นั่งเครื่องจะดีกว่า เมื่อตื่นขึ้นมาก็ถึงแล้ว”
เจมส์กอดขาอิสซาแน่น “พี่ครับ sos”
หลงเซียวบอกอย่างไม่ใส่ใจ “เจ้าชายเจมส์ เมื่อพ่อคุณรู้เรื่องราวของคุณตอนที่อยู่ในจีน จะลงโทษคุณยังไง ต้องให้ผมบอกไหมครับ”
มือทั้งสองข้างของเจมส์ปล่อยจากขาอิสซา “ผู้หญิงบ้าคนนั้น เป็นคนรักของคุณใช่ไหม”
ประโยคเดียวราวกับฟ้าผ่า
ห้องทั้งห้องเงียบสงัดแม้เสียงเข็มตกก็ยังได้ยิน
ลั่วหานคิดว่าคงต้องสืบสวนหลงเซียวยาวๆเป็นแน่
จางหย่งที่กำลังเดินออกมาจากห้องนอน ก็หยุดนิ่งไป
หลงเซียวตอบเสียงเรียบ “ไม่ใช่”
“เป็นไปไม่ได้ เมื่อวานเธอเรียกคุณ เดิมคนที่นัดกับเธอก็คือคุณ แต่คุณเห็นแอนน่าอยู่ในร้านอาหารนั่น คุณก็เลยหนีไป คุณยังเตรียมกุหลาบไปด้วย หึ คุณคิดจะทำอะไรกับผู้หญิงคนนั้น”
ลั่วหานค่อยๆเลื่อนสายตามายังชายหนุ่มข้างกาย “มีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอคะ”
หลงเซียวยกมือขึ้นลูบผมเธอ “ไม่มีเรื่องแบบนั้นหรอก”
อาเซียงกระหืดกระหอบวิ่งเข้าประตูมา “คุณชาย คุณผู้หญิงคะ หน้าประตูมีชาวต่างชาติเต็มไปหมดเลยค่ะ พวกเขาพูดอะไรฉันฟังไม่รู้เรื่องเลย เหมือนพูดอะไรเจ้าชายเจมส์นี่แหละค่ะ”
หลงเซียวสาวเท้ายาวออกไป “ อิสซา เจ้าชายเจมส์ คนจากสถานทูตประเทศ M มาแล้ว พวกคุณจะพบหรือเปล่าครับ”
อาเซียงได้ยินดังนั้นก็แทบเป็นลม…
จางหย่งย่องกลับห้องไป ปิดประตูและล็อกเอาไว้แน่น
ขั้นตอนนั้นไม่ถึงสิบวินาทีด้วยซ้ำ
ลั่วหาน “…”
เจมส์เงยหน้าขึ้น สายตาไร้หนทาง “แอนน่า เมื่อสักครู่คุณได้ยินเสียงอะไรหรือเปล่า”
ลั่วหานชี้ไปที่ประตูของจางหย่ง “อันนี้เหรอ”
เจมส์กุมหัวใจตัวเอง ฮือ ฮือ ฮือ “ไม่…หัวใจของผมแตกสลายแล้ว”
ลั่วหาน “…”
น่ารักแบบนี้ ไม่แสดงซีรีส์เกาหลีคงน่าเสียดาย
คนของสถานทูตประเทศ M มาทั้งหมดห้าคน ล้วนเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงทั้งนั้น มีบทบาทปรากฏในสื่อกระแสหลัก
ทั้งห้าคนทักทายเจ้าของบ้าน ลั่วหานและหลงเซียวจึงตอบรับด้วยท่าทางสุภาพเช่นกัน “ยินดีต้อนรับครับ”
เจมส์นั่งตัวตรงอยู่โซฟาตัวยาวกลางห้อง ท่าทางหยิ่งทะนงในแบบของเจ้าชาย มองเห็นคนของสถานทูต ราวกับเห็นสิ่งที่ทำให้ไม่ชอบใจ
ทั้งห้าคนโค้งคำนับ ก้มหัว ไม่กล้าสบตาเขาตรงๆ “เจ้าชาย พวกเรามาช้าแล้ว ขอเจ้าชายทรงประทานอภัย”
มือของเจมส์วางอยู่บนเข่า เคาะเบาๆ “เราไม่ให้อภัย”
คิ้วของอิสซาขมวดเป็นปม กระแอมไออยู่ข้างๆ
เจมส์บอกอย่างไม่เต็มใจ “เอาล่ะ ยืนขึ้นเยอะ มีเรื่องอะไร ว่ามา”
ชายผมบอร์นทั้งห้ายิ้มอย่างระมัดระวังบอก “เจ้าชาย เราได้รับคำสั่งจากฝ่าบาท ให้ส่งเจ้าชายกลับประเทศภายในวันนี้ ขอเจ้าชายน้อมรับพระบัญชาจากฝ่าบาทด้วยครับ”
เจมส์กัดฟันแน่น สบถด่าเรียนแบบกู้เยนเซิน…บัดซบ
“เรื่องของผมยังจัดการไม่เสร็จ กลับไม่ได้”
ลั่วหานและหลงเซียวมองสบตากัน มือใหญ่กุมมือเล็กไว้
หัวหน้าจากสถานทูตบอกด้วยท่าทีลำบากใจ “เจ้าชาย นี่เป็นรับสั่งของฝ่าบาท เกรงว่า…พระองค์คงจะไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธครับ