ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 9
ตอนที่ 9 นอนหลับไปหนึ่งตื่น โมโหร้ายขึ้นมา
เสียงริงโทนโทรศัพท์กระชากวิญญาณของฉู่ลั่วหาน ให้ตื่นจากฝัน
เอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ด้วยความสลึมสลือ ทันใด นั้นเอง ฉู่ลั่วหานก็ตื่นตกใจขึ้นในทันที!
เธอ “เด้งตัว” ขึ้นมานั่งบนเตียง ทำให้กระชากโดนแผล ที่หัวเขาจึงปวดขึ้นมา หน้าของฉู่ลั่วหานย่นไปหมด!
ขณะที่ความเจ็บปวดแผ่ซ่าน ดวงตาของฉู่ลั่วหานก็ตื่น ขึ้น หันหน้าไป พบว่าที่ว่างข้างเตียงกลับว่างเปล่า หลง เซียวไม่ได้อยู่ข้างๆ
ก็จริง เขารังเกียจเธอขนาดนั้น จะยอมนอนกับเธอได้
ยังไง?
การตื่นด้วยความตกใจเมื่อครู่นั้น เพียงครู่หนึ่งก็กลาย เป็นความผิดหวังเหมือนน้ำเย็นในบึง
ขยี้ผมอย่างแรง ฉู่ลั่วหานหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา คนที่ โทรมานั้นคือหมออายุรแพทย์ที่เข้าเวร
“หมอฉู่ คุณตื่นยัง? อัตราการเต้นของหัวใจของ คนไข้เตียงที่ยี่สิบสองไม่คงที่ คุณรีบมาดูเร็วเข้า”
คนไข้เตียงยี่สิบสองนั้นแอดมิทนอนที่โรงพยาบาลมา นานกว่าสองเดือนแล้ว คนไข้เป็นโรคหลอดเลือดหัวใจ ขั้นรุนแรง ถ้าหากหัวใจเกิดเต้นไม่เป็นจังหวะขึ้นมา มีโอกาสที่หลอดเลือดหัวใจจะอุดตันได้ อาการของป่วย นั้นอันตรายมาก!
“เพิ่มลิโดเคนห้ามิลลิลิตร เพื่อควบคุมอารมณ์ของ คนไข้เอาไว้ ถ้าหากผ่านไปอีกสิบนาทีแล้วอาการของ คนไข้ยังไม่ดีขึ้นให้เพิ่มลิโดเคนเข้าไปอีกห้ามิลลิลิตร จำเอาไว้ ต้องควบคุมอารมณ์ของคนไข้ อย่าให้คนไข้ รู้สึกตื่นกลัวหรือไม่ปลอดภัย ฉันจะรีบไปเดี่ยวนี้”
“ค่ะ! ฉันจะไปเตรียมความพร้อม! 11
หลังจากที่ตัดสายไปนั้น ฉู่ลั่วหานไม่สนใจความเจ็บ ปวดตรงหัวเข่าของตนเอง รีบใส่ลงจากเตียงแล้วใส่ รองเท้าสลิปเปอร์ ขณะที่มือกำลังเปิดประตูห้องนอน ก้ม หน้าลงมองก็เห็นหลงเซียวล้มตัวนอนอยู่บนโซฟาตัวยาว ในห้องรับแขก
บริเวณหนึ่งตรงหน้าอก รู้สึกเจ็บปวดขึ้นมา
ใช้ขาข้างเดียวกระโดดลงบันไดทีละขั้น ฉู่ลั่วหานมอง ดูหลงเซียวที่นอนหลับสนิทอย่างเงียบๆ หลงเซียวเวลา นอนหลับนั้นดูไม่ได้เย็นชาเหมือนปกติ นอนหลับตาพริ้ม ใบหน้าของเขาดูอ่อนโยนขึ้นมา ดูดีมาก
“ทั้งๆที่หน้าตาออกจะหล่อ แต่กลับชอบทำหน้านิ่งเป็น ภูเขาน้ำแข็ง” ฉู่ลั่วหานบ่นพึมพำ กำลังจะไปหยิบ กระเป๋าแล้วออกไป แต่เมื่อก้มหน้ามองดูเสื้อผ้าที่ตนใส่ อยู่นั้น ให้ตายสิ
แต่งตัวแบบนี้ไปที่โรงพยาบาล ดูไม่เหมาะสมเท่าไหร่
ความฉลาดมีไม่พอใช้ ถ้ารู้ตัวแต่แรกน่าจะหยิบเสื้อ สำหรับเปลี่ยนจากชั้นบนลงมาด้วย ทำให้ตอนนี้ต้องขึ้น ไปชั้นบนอีกครั้ง
ฉู่ลั่วหานกระโดดขึ้นบันไดไป ถึงแม้ว่าจะพยายาม ควบคุมการก้าวกระโดด แต่เสียงปั้งๆๆนั้นก็ทำให้หลง เซียวตื่น เขาขมวดคิ้ว มองดูแผ่นหลังของหญิงสาวที่ เหมือนกระต่าย แสงแดดส่องผ่านหน้าตากระทบลงบน ตัวของเธอ ทำให้ลากเป็นเงายาว ไปยังกำแพงสีขาวอีก ด้านหนึ่ง
หลงเชียวกระตุกยิ้มมุมปากขึ้นมา
ฉู่ลั่วหานหาเสื้อผ้าด้วยความเร็วเธอเจอเสื้อผ้าชุดหนึ่ง ที่ถูกเก็บเอาไว้ที่นี่ตั้งแต่เมื่อสามปีที่แล้ว แต่กลับพอดีตัว รีบล้างหน้าแปรงฟัน หลังจากนั้นเตรียมตัวที่จะกระโดด ลงจากขั้นบันได
ขณะที่กำลังจะก้าวเท้าแรกออกไปนั้น จู่ๆหลงเซียวก็ ยืนอยู่ตรงห้องโถงใหญ่อย่างไม่ให้สุ้มให้เสียง มองดูเธอ ด้วยสีหน้าจริงจัง เหมือนกำลังมองดูบางอย่างด้วยความ ครึกครื้น
ฉู่ลั่วหานเม้มปาก ชั้นต่ำ! ความชอบที่น่ารังเกียจ!
หลงเซียวกลับไม่สนใจมองท่าทีก้าวกระโดดของเธอ สายตาของเขามองไปที่เสื้อผ้าบนตัว เดรสสีชมพูนมความยาวบังหัวเข่าพอดิบพอดี เปลี่ยนความรู้สึก เคร่งขรึมเย็นชาของคนเสื้อดำ ผู้หญิงตรงหน้าสวยมาก
อีกทั้ง เขาจำได้ ชุดนี้ในตอนนั้นเขาเป็นคนซื้อให้เธอ ฉ่ลั่วหานลงไปชั้นล่างด้วยความพยายาม เท้าแตะพื้น หลงเซียวกลับเอามือซุกเข้าไปในกระเป๋า มองดูเธอ อย่างใจเย็น
“คุณหลง รบกวนหลีกทางหน่อยค่ะ”
ผู้หญิงคนนี้ นอนหลับไปหนึ่งตื่น โมโหร้ายขึ้นมา
“ไปไหน?”
“โรงพยาบาลค่ะ”
หลงเซียวมองไปที่หัวเข่าของเธอ
“ฉันเป็นหมอ ฉันต้องดูแลคนไข้ ดังนั้นตอนนี้ฉันต้อง ไปทำงานค่ะ” ฉู่ลั่วหานไม่รอให้เขาตอบ เดินผ่านไหล่ เขาไปยังประตูใหญ่
หลงเซียวพิจารณาคำว่าทำงานสองพยางค์ที่เธอพูด ขึ้น คิ้วเลิกขึ้น “ที่นี่ไม่สามารถโบกรถได้”
ฉู่ลั่วหานที่กำลังใส่รองเท้าอยู่นั้นถึงกับหยุดลง ให้ตาย สิ ทำไมเธอถึงลืมไปได้ พักอยู่ที่นี่ถ้าอยากจะโบกรถนั้น ต้องเดินไปอีกพันเมตร อีกทั้งใช่ว่าคนนี้ต้องโบกรถ?
แต่สภาพเธอในตอนนี้จะมีปัญญาเดินเป็นพันเมตรได้ ยังไง?
“ขอบคุณที่เตือนนะคะ” ฉ่ลั่วหานสวมรองเท้าแตะที่อยู่ ในตู้รองเท้ามานานกว่าสามปี และเป็นรองเท้าเพียงคู่ เดียว เหยียดตัวลุกขึ้นเปิดประตู
หลงเซียวเดือดดาลขึ้นมา “คุณอยากเป็นอัมพาตหรือ
ไง!
สิ่งที่ตอบเขากลับเป็นแผ่นหลังที่กำลังก้าวเท้าลง บันไดของฉู่ ลั่วหาน
ผู้หญิงโง่คนนี้!
หลงเซียวรีบสาวเท้าตามไป ฉู่ลั่วหานทิ้งแรงใน ร่างกายทั้งหมดไปยังเท้าข้างเดียวแล้วเดินออกไป ความ ดื้อด้านของเธอนั้น ทำให้คนรู้สึกเกลียดจริงๆ !
“ฉู่ลั่วหาน! คุณคิดจะทำอะไร?!
หลงเซียวคว้าแขนของเธอเอาไว้ มองดูเธอด้วยสายตา เย็นชา คลายยิ้มอย่างมีมารยาทเป็นพิเศษ “คุณหลง เซียว ฉันอยากจะถามคุณต่างหากค่ะ ว่าคุณคิดอยากจะ ทำอะไร? คนไข้ของฉันกำลังรอฉันไปช่วยที่โรง พยาบาล ฉันต้องไปโรงพยาบาล!
กับคนไข้ ฉู่ลั่วหานไม่เคยทิ้งข้าง
หลงเซียวทำหน้าเคร่งขรึมขึ้นมา “ขึ้นรถ! ผมไปส่ง
คุณ”
คะ?!
ไปส่งเธอ?
“เหม่อลอยอะไรอยู่? ถ้าไม่อยากให้เกิดความคลาด เคลื่อนทางการรักษาก็ขึ้นรถ อีกอย่าง อย่าใช้สีหน้าแบบ นั้นมองผมอีก” หลงเซียวหันกลับไปหยิบกุญแจรถ แล้ว สตาร์ทรถ
ฉู่ลั่วหานบ่นพึมพำในใจ สีหน้าแบบนี้? สีหน้าแบบ ไหน?
รถของหลงเซียวจอดอยู่ข้างตัว ออกคำสั่งอย่างเสีย ไม่ได้ “ขึ้นรถ! ” 11 11 ค่ะ ขึ้นรถก็ขึ้นรถ คนขับรถฟรีไม่ใช่ก็สูญเปล่า
จู่ๆรถก็พุงตัวออกไป ทำให้ฉู่ลั่วหานกระเด้งตัวออกไป เกือบจะชนกับหน้าต่าง !
“คุณหลงเซียว!
ฉู่ลั่วหานสุดจะทน หัวเข่าเป็นแผลก็ช่างปะไรแล้ว ยัง คิดอยากจะให้หัวเธอบาดเจ็บอีกหรอ?
ความโมโหของเธอทำให้ได้การเย้ยหยันของหลงเซียว เขาจ้องมองมาที่เธอ ว่างเปล่า ไม่ได้รัดเข็มขัดนิรภัย
“คุณอยากตายหรือไง ผมสงเคราะห์คุณได้นะ” ฉู่ลั่วหานรู้ดีแก่ใจว่าครั้งนี้ตนเองใจร้อนมากเกินไป กัดฟันกรอดแล้วรัดเข็มขัดนิรภัย สาบานว่าจะไม่พูด
อะไรกับหลงเซียวอีกตลอดทาง
รถขับไปตามถนน ขับไปถึงครึ่งทาง เสียงริงโทน โทรศัพท์ของฉู่ลั่วหานก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“คนไข้เป็นยังไงบ้างคะ?”
“หมอฉู่คะ คนไข้อาการดีขึ้นแล้ว คุณหมอไม่ต้องรีบมา ก็ได้ค่ะ”
“ไม่เป็นอะไรดีแล้วค่ะ ขอบคุณนะคะ” ฉู่ลั่วหานโล่งใจไปเปลาะหนึ่ง โชคดีจริงๆ เมื่อได้ยินว่าคนไข้ไม่เป็นอะไรแล้ว หลงเซียวจึงขับรถ ช้าลงหนึ่งในสาม เขาปรายตามองดูปฏิกิริยาของฉู่ลัวหา
นอย่างไม่ใส่ใจ “ยังจะไปโรงพยาบาลอีกไหม?” “คนไข้คนหนึ่งอาการดีขึ้นแล้ว แต่ยังมีคนไข้คนอื่นๆ รอฉันอยู่ค่ะ ต้องไปสิคะ”
ลั่วหานพูดขึ้นด้วยคำพูดไม่ดีเท่าไหร น้ำเสียงไม่เป็น มิตร เคล้าความเอาแต่ใจของเด็ก
การที่เธอโมโห เอาแต่ใจ อย่างน้อยก็ยืนยันได้ว่าเธอมี
อารมณ์หลากหลาย ดีจริงๆ
หลงเซียวใช้มือจับพวงมาลัยเพียงข้างเดียวด้วยความ เกียจคร้าน ส่วนมืออีกข้างหนึ่งวางไว้บนหัวเข่าขวา อยู่ ห่างกับหัวเข่าของฉู่ลั่วหานแค่ไม่กี่เซนติเมตร
ขอเพียงรถกระตุกอีกครั้ง มือของเขาก็จะเลื่อนไปบน ขาของเธอ สัมผัสโดนผิวเธอ “ด้วยความไม่ตั้งใจ”
น่าเสียดาย ระบบของรถนั้นทำให้รถขับนิ่งมาก ถนน เองก็เรียบ จึงไม่มีโอกาสแม้แต่ครั้งเดียว
ให้ตายสิ นี่มันความคิดบ้าอะไรกัน!
“ในเมื่อแค่ไปทำงาน ถ้างั้นก็กินข้าวเสร็จแล้วค่อยไป
เถอะ”
ฉ่ลั่วหานไม่ได้พูดอะไร หลงเซียวจึงเลี้ยวรถขับไปทาง แยกหนึ่ง หลังจากนั้นอีกสองนาทีก็จอดรถตรงหน้าร้าน
อาหาร
“ฉันไม่หิว ไม่อยากกินค่ะ” ฉู่ลั่วหานกัดฟันกรอดด้วย ความโมโห หลงเซียวเอาแต่ใจตนเองจริงๆ เขามักจะ ตัดสินใจโดยไม่ให้โอกาสคนอื่นในการพูด และไม่เคย คิดที่จะปรึกษาคนอื่นมาก่อน
“ไม่หิว? ผมบอกแล้วหรอว่าจะให้คุณกิน? ในเมื่อไม่หิว ก็นั่งมองผมกินแล้วกัน”
ขาเรียวยาวของหลงเซียวก้าวเท้าลงจากรถ ทิ้งฉู่ลั่วหา นให้เดินลงมาจากรถเพียงลำพัง ทุกครั้งที่หัวเข่าได้รับ การกระทบล้วนปวดไปถึงหัวใจ
คุณหลงเซียว นี่คือวิธีการที่คุณทำให้ฉันตายทั้งเป็น
หรอคะ?
สำหรับอาหารเช้านั้น อาหารมากมายที่วางอยู่ตรงหน้า หลงเซียว เนื้อและผักเข้ากัน รสชาติพอดี อีกทั้งยังเป็นอาหารจีนที่บำรุงร่างกาย ทั้งสองคนมองหน้ากัน หลง เซียวหยิบตะเกียบขึ้นมา กินเหมือนไม่มีคนอยู่ข้างๆ
ท่าทีในการกินของหลงเซียวนั้นดูดีมาก เขาทำให้ อาหารธรรมดากลายเป็นอาหารเลิศรถ ฉู่ลั่วหานเริ่มทน ไม่ไหวแล้ว
เมื่อคืนตอนที่อยู่บ้านตระกูลหลงเธอแทบจะไม่ได้แตะ อะไรเลย จึงหิวข้าวมานานแล้ว
หลงเซียวไม่แม้แต่จะปรายตามองดูดูเธอ กินอาหาร แล้วใช้ช้อนตักน้ำซุปทะเลขึ้นมาดื่ม ความหอมของ อาหารและท่าทีเอร็ดอร่อยของหลงเซียว ทำให้ฉู่ลั่วหาน ใจเอนเอียงขึ้นมา หยิบตะเกียบแล้วจงใจนิ่งอยู่ตรงโต๊ะอาหารครู่หนึ่ง ฉู่
ลั่วหานไม่สนใจคำพูดเมื่อกี้ หยิบอาหารเข้าปาก รสชาติ
ไม่เลวเลยจริงๆ!
ขณะที่กินอยู่นั้นยังไม่ลืมที่จะใช้หางตามองดูปฏิกิริยา ของหลงเซียว ในเวลาเดียวกันก็กำลังครุ่นคิดว่าถ้าเขา ไม่พอใจขึ้นมาเธอควรจะตอบยังไง แต่ว่า หลงเซียวกลับ กินด้วยความตั้งใจ เหมือนเธอไม่มีตัวตน
ตอนที่คีบตักอาหารนั้นฉู่ลั่วหานพึ่งสังเกตเห็นว่า เหมือนอาหารบนโต๊ะ กว่าครึ่งล้วนเป็นอาหารที่เธอชอบ อีกทั้งอาหารที่เธอชอบนั้นล้วนวางอยู่ตรงหน้าเธอ เพียง แค่ใช้ตะเกียบก็สามารถตักได้แล้ว
ดูท่าแล้ว รสชาติของร้านอาหารนี้น่าจะเหมาะกับเธอ มาก ไว้หลังสามารถมากินที่นี่บ่อยๆได้
เดาว่าเธอน่าจะกินไปพอประมาณแล้ว หลงเซียว กระตุกยิ้มมุมปาก ยืนขึ้นแล้วออกไปจากโต๊ะอาหารโดย ไม่พูดอะไร
ฉู่ลั่วหานรีบวางตะเกียบลง เช็ดมุมปากด้วยความพึง พอใจ รีบเดินตามหลังเขาไป ในมุมที่ฉู่ลั่วหานไม่เห็นนั้น ริมฝีปากของท่านเซียว คลายยิ้มอีกครั้ง
ณ โรงพยาบาลในเมืองหลวง
รถของหลงเซียวจอดลง พูดขึ้นด้วยเสียงเย็นชา “ลง
จากรถ”
ฉลูรั่วหานหยิบกระเป๋าถือ เปิดประตู ก่อนที่เท้าจะแตะ ลงพื้น พูดเสียงแข็งเบาๆ “ขอบคุณนะคะที่คุณส่งฉันมา
ทำงาน”
ครั้งแรกของแต่งงานกันมาสามปี อีกทั้งยังอยู่ใน สถานการณ์แบบนี้
หลงเซียวไม่แสดงท่าทีใดๆ เพราะโทรศัพท์ของเขาดัง
ขึ้น
เพียงชั่วพริบตา ฉู่ลั่วหานเห็นตัวอักษรที่โชว์อยู่บน หน้าจอโทรศัพท์ – โม่หรูเฟย
สามพยางค์ที่ทำให้ตาตื่น เหมือนเป็นอาวุธล่องหน ที่ เปิดสตาร์ทในหัวใจของเธอ ถ้าจะบอกว่าไม่สนใจนั้นเป็นเพียงแค่เรื่องโกหก
“อืม” %3D
“ได้
“ผมไปตอนนี้”
คำพูดง่ายๆเพียงสามคำ ทว่าในหัวของฉู่ลั่วหานกลับ เติมในสิ่งที่โม่หรูเฟยพูดในโทรศัพท์ได้แล้ว
“พี่เซียว พี่ตื่นรึยังคะ?”
“พี่ช่วยมารับฉันหน่อยได้ไหมคะ?”
“จะมาเมื่อไหร่คะ?”
ฉู่ลั่วหานยังสามารถจินตนาการท่าทีอ้อนแอ้นของโม่ หรูเฟยตอนแสร้งอ่อนโยนขณะที่พูดได้ น่ารังเกียจจน แทบจะอ้วกอาหารเช้าออกมา
“ดูท่าแล้วคุณจะมีนัด งั้นฉันไม่รบกวนเวลาของคุณ
แล้วค่ะ”
ผลักประตู ปิดประตู ท่าทีของฉู่ลั่วหานนั้นสง่างาม
รวดเร็ว
หลงเซียวหมุนโทรศัพท์เล่น มองดูเธอที่เดินไม่ถนัด ด้วยใบหน้าครึ่งยิ้มครึ่งไม่ยิ้ม หญิงสาว คุณกล้าพูดหรอ ว่าในใจคุณไม่มีความรู้สึกอะไรแม้แต่น้อย?
“คุณหมอ ในที่สุดคุณก็มา พี่หนุ่มหล่อมารอคุณที่ ออฟฟิศค่ะ แจ้งชื่อว่าจะให้คุณรักษาเขาเท่านั้น”
จ้าวเหมียนเหมียนที่เป็นหมอในออฟฟิศเดียวกันขวาง ทางฉู่ลั่วหานด้วยสีหน้าเคลิบเคลิ้มบ้าผู้ชาย
“ป่วยเป็นอะไร? อันตรายไหม?” ฉู่ลั่วหานยกเท้าขึ้นไม่ กล้าใช้แรง และไม่อยากให้เพื่อนที่ทำงานเห็น จึงทำได้ เพียงยืนนิ่งไม่ขยับ
จ้าวเหมียนเหมียนขึ้นชื่อเรื่องบ้าผู้ชาย เห็นผู้ชายคน ไหนก็บอกว่าหล่อหมด หล่อสามคะแนนแต่กลับชมว่า เต็มสิบ หล่อห้าคะแนนก็สามารถล่องลอยโบยบินได้แล้ว คำพูดของเธอนั้นน่าเชื่อถือน้อยมาก
“คนนี้ ….มองดูแล้ว เหมือนไม่ได้ป่วยเป็นอะไร แต่ว่า เขาบอกว่าเขาป่วยหนักมาก ต้องให้คุณรักษาเท่านั้น แต่ ว่า คนไข้คนนี้หล่อมากจริงๆ! อีกทั้งยังหนุ่มมากด้วย! คุณรีบไปดูสิ รีบไป”
“คุณหมอฉู่ เดี๋ยวเจอสุดหล่อแล้วคุณต้องวินิจฉัยออก มา บอกให้เขานอนแอดมิทที่โรงพยาบาลสักสิบวันหรือ ครึ่งเดือนไปเลย! แฮะๆ”