ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 900
ตอนที่ 900 เจ้าหญิงนิทรามาทดสอบสมาธิ
โรงพยาบาลหวาเซี่ย แผนกนารีเวช
กู้เยนเซินรีบพุ่งไปที่โรงพยาบาล คนที่รอเขาอยู่คือแอนดี้ที่กำลังกลอกตา
“ประธานกู้ คุณไม่เป็นไรใช่ไหมคะ”
การปรากฏตัวของคุณชายกู้ที่เสื้อผ้าไม่เป็นระเบียบไม่น่ามองเลยสักนิด เสื้อสูทเปื้อนไปครึ่งตัว คราบที่ถูกเช็ดไปแล้วยังมีรอยดำให้เห็น ทั่วทั้งร่างเต็มไปด้วยกลิ่นเหล้ากลบกลิ่นแอลกอฮอล์ของโรงพยาบาลเลยก็ว่าได้ ทรงผมที่ถูกตัดเป็นทรงตอนนี้ยุ่งเหยิงปกอยู่บนหน้าผาก
กู้เยนเซินยกมือเสยผมให้ไปอยู่ด้านหลัง รีบวิ่งมาที่ห้องอัลตร้าซาวด์ “เวยเวยล่ะ”
แขนของแอนดี้มีเสื้อไหมพรมของไป๋เวยที่ถอดฝากเอาไว้ ลูบไปตามรอยพับของเสื้อ “อยู่ด้านในค่ะ กำลังตรวจอยู่ ให้ตายก็ไม่อยากมีลูก นี่…”
“เธอยังจะเอาออกอยู่เหรอ”
กู้เยนเซินฟังไปเพียงครึ่งเดียวก็สาวเท้าตรงไป ผลักแอนดี้ให้หลบไปแล้วเดินเข้าไปด้านใน แอนดี้คว้าลูกบิดเอาไว้ได้ทัน “ประธานกู้ คุณจะทำอะไร นี่มันโรงพยาบาลนะคะ”
“ผมจะเข้าไป ผู้หญิงของผมอยู่ข้างใน ผมยอมให้เธอทำอะไรบ้าๆไม่ได้” กู้เยนเซินพยายามยื้อฉุดกระชาก ผมที่ปัดขึ้นไปตกลงมาอีกครั้ง ตกลงมามากกว่าก่อนหน้านี้อีกด้วยซ้ำ ปิดตาซ้ายจนมิด
ในที่สุดจี้ตงหมิงก็ตามมาทัน ประตูลิฟต์เปิดออกก็เจอกับคุณชายกู้ที่พยายามบุกเข้าห้องตรวจ “ประธานกู้ คุณจะทำอะไร ปล่อยแอนดี้นะ”
จี้ตงหมิงไม่พูดเปล่าพุ่งเข้าไปกอดเอวกู้เยนเซินเอาไว้ ออกแรงลากคนถอยกลับมา ทางเดินมีพื้นที่จำกัด เมื่อเขาดึง กู้เยนเซินที่ไม่ทันตั้งตัวยังไม่ทันได้ยืนมั่นคง คนทั้งสองล้มลงไปกองกอดกันอยู่บนพื้น
พลั้ก
แผ่นหลังของกู้เยนเซินทับลงไปที่ท้องของจี้ตงหมิง อีกคนเจ็บจนร้องไม่ออก “อึก…ประธานกู้”
หมอพยาบาลที่เดินผ่านต่างก็มองพวกเขาด้วยสายตาแปลกๆ เดินขยับชิดกำแพงอ้อมผ่านพวกเขาไป เพื่อแสดงความเคารพต่อผู้ป่วย เดินไปหลายก้าวแล้วค่อยยกมือขึ้นปิดจมูก
แอนดี้ยกมือขึ้นกุมขมับอย่างเหนื่อยใจ “ผู้ช่วยจี้ คุณช่วยอธิบายมาที พวกคุณเป็นอะไรไป”
เมื่อสักครู่จี้ตงหมิงล้มลงด้วยความมึนงง แผนหลังกระแทกกับพื้นแข็ง เจ็บจนจะตายอยู่แล้ว “ให้…ผมลุกก่อนได้ไหม”
อาการมึนเมาของกู้เยนเซินสร่างทันที เพียงแต่แอลกอฮอล์ยังไหลวนอยู่ในหัว ดังนั้นแขนขาจึงควบคุมไม่ค่อยได้ เขากดลงไปบนขาของจี้ตงหมิง ขยับลงไปด้านล่างอีก…
“โห้ ขาหักแล้ว”
ไป๋เวยเปิดประตูออกมา ก้มลงมองกู้เยนเซินที่หมดสภาพ ดวงตาหรี่แคบ กลับมาเรียบนิ่งเหมือนเดิม “สนิทสนมกันดีนี่ เป็นเกย์ ตั้งแต่เมื่อไหร่[ ออกมาจากตู้ เป็นศัพท์สแลง แปลว่าเปิดตัวเป็นเกย์ เปิดตัวว่ารักเพศเดียวกัน]”
“ที่รัก คุณออกมาแล้ว”
กู้เยนเซินไม่ได้สนใจการถากถางของไป๋เวย มือใหญ่กดลงบนต้นขาของจี้ตงหมิงอีกครั้ง ยกก้นขึ้นมา
จี้ตงหมิงผู้น่าสงสารเจ็บปวดซ้ำสอง กัดฟันสะกดกั้นความเจ็บปวด
ฝากไว้ก่อนเถอะ ฝากไว้ก่อน
ไป๋เวยเก็บผลตรวจใส่ไว้ในกระเป๋า ปัดชุดคลุมแล้วสวมทับเข้าไป “คุณหวังว่าฉันจะออกมาไม่ได้หรือไง”
“ไม่ครับ ไม่ ผมไม่ได้หมายถึงแบบนั้นแน่นอน แล้ว…ตรวจเป็นไงบ้าง” กู้เยนเซินเลียใบหน้ายิ้มๆ ท่าทางอยากประคองไป๋เวย
ไป๋เวยยื่นมือไปด้านหลังอย่างรู้ทัน “ประธานกู้ยังใช้เวลาสำมะเลเทเมาตอนกลางวันแบบนี้ ฉันคงไม่กล้ารบกวนหรอกค่ะ”
“ผมสาบานได้เลยว่าผมไม่ได้สำมะเลเทเมา ผมแค่ใช้เหล้าช่วยคลายความทุกข์แค่นั้นเอง” กู้เยนเซินยกสามนิ้วขึ้นสาบาน
ไป๋เวยสะพายกระเป๋าขึ้น “ฉันทำให้คุณเป็นทุกข์งั้นสิ”
ถึงกู้เยนเซินจะมีปากเป็นร้อยก็คงอธิบายออกมาได้ไม่ชัดเจน ยังดีกว่าที่ทำให้เห็น เดินเข้าไปช่วยเธอถือกระเป๋า “ที่รัก อย่าโกรธเลยนะครับ ถ้าคุณโกรธจริงๆ กลับบ้านไปคุณจะตีผมก็ได้ คุกเข่าบนกระดานซักผ้า จะควบคุม คุกเข่าทุเรียนก็ได้ แหะๆ…”
เมื่อสักครู่ไป๋เวยโกรธจริงๆ แต่เมื่อเห็นเขาพยายามง้อเธอโดยที่ไม่ห่วงหน้าตัวเองเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้คน เธอจะตีหน้านิ่งต่อไปมันก็คงไม่เหมาะ จึงบอกอย่างน่ารัก “ฝันไปสิ ทุเรียนฉันเอาไว้กินย่ะ”
“ได้ เดี๋ยวผมปอกให้”
แอนดี้เห็นว่าการทะเลาะกันของทั้งคู่นั้นได้สิ้นสุดลงแล้ว ยึดหลักการโน้มน้าวแบบไม่โน้มน้าวบอกกับกู้เยนเซิน “ประธานกู้คะ คนท้องอารมณ์แปรปรวน คุณช่วยเข้าใจหน่อย ใส่ใจให้มาก ประธานไป๋ลำบากมากนะคะ”
“ครับ ได้ครับ ขอบคุณแอนดี้ เดี๋ยวไว้ผมจะเลี้ยงข้าวพวกคุณทั้งสอง แล้วเจอกันครับ”
กลิ่นเหล่าบนตัวเขาทำให้ไป๋เวยต้องปิดจมูก “ดื่มไปเท่าไหร่เนี่ย ถึงได้กลิ่นเต็มตัวขนาดนี้”
“ผมไม่ได้ดื่ม ผู้ช่วยจี้ดื่ม เจ้าคนนี้ดื่มแล้วอ้วกใส่ผม คุณดูสิ ตัวผม…”
จี้ตงหมิงพึ่งลุกขึ้น เพียงได้ฟังก็อยากต่อยคน แต่เมื่อได้รับสายตาจากแอนดี้ จึงต้องทนเอาไว้ “ต้องขอโทษด้วยนะครับประธานไป๋ ผมดื่มเยอะไปหน่อย ผมอิจฉาน่ะครับ คุณกับประธานกู้กำลังประสบความสำเร็จ แต่ผมยังอยู่ในขั้นต้นอยู่เลย แหะๆ”
ดวงตาของแอนดี้เปลี่ยนจากฤดูใบไม้ผลิเป็นฤดูหนาวทันที
อาคารสำนักงานบริษัทฉู่ซื่อ ชั้นหนึ่งด้านหน้าประตู
หลงเซียวกลับมาที่บริษัทหลังจากทานข้าวกับคณะผู้บริหารเรียบร้อยโรลส์รอยซ์สีดำหยุดลงตรงหน้าประตู เหล่าผู้บริหารลงจากรถ หันไปโค้งรอเจ้านายที่กำลังจะลงจากรถ หยังเซินเปิดประตูรถ หลงเซียวก้าวขาข้างหนึ่งลงมา รองเท้าหนังสีดำค่อยๆวางลงกับพื้น จากนั้นเป็นขาเรียวยาวที่โผล่ให้เห็น
หลงเซียวยกมือข้างหนึ่งขึ้นกลัดกระดุมเสื้อสูท เดินตรงเข้าไปยังประตูกระจกหมุน
เหล่าคณะผู้บริหารเดินตามหลังไป ถอนหายใจออกมายาวๆ “วันนี้ท่านประธานเหมือนจะพูดน้อยกว่าแต่ก่อนเยอะเลย จนถึงตอนนี้ผมยังหายใจไม่ทั่วท้องเลย ไม่กล้าไปทานข้าวกับท่านประธานแล้วจริงๆ”
“แต่ว่าหลังจากที่ท่านประทานดูโทรศัพท์ก็เหมือนจะอารมณ์ดีมากขึ้นเยอะเลย ตอนที่ประธานหลี่รายงาน ท่านประธานยังมีรอยยิ้มเล็กน้อยอยู่เลย”
“แต่ผมไม่ได้รู้สึกว่าท่านประธานกำลังยิ้มกับเรา แปดส่วนคือคนในโทรศัพท์”
พนักงานต้อนรับเห็นว่าในที่สุดหลงเซียวก็กลับมา รีบยืนตรงแล้วยิ้มให้ รายงานอย่างระมัดระวัง “ท่านประธานคะ คุณผู้หญิงมาค่ะ”
ดวงตาที่ไร้ซึ่งอุณหภูมิของหลงเซียวก็อุ่นขึ้น เสียงทุ้มต่ำราวกับหิมะละลาย “อยู่ที่ไหน”
“ขึ้นไปรอข้างบนแล้วค่ะ น่าจะอยู่ในห้องทำงานของท่านประธานแล้ว มาได้…” ครึ่งชั่วโมงแล้ว
พนักงานต้อนรับยังพูดไม่ทันจบ หลงเซียวก็สาวเท้ายาว สาวก้าวก็กลายเป็นสองก้าวไปจนถึงหน้าลิฟต์ ลิฟต์VIPเปิดขึ้นทันที หลงเซียวก้าวไปในลิฟต์คนเดียว จนถึงชั้นบนสุด
คณะบริหารต่างพากันนิ่งอึ้งกับเหตุการณ์เมื่อสักครู่พี่พุ่งไปราวกับสายลมของท่านประธาน มองหน้ากันทำอะไรไม่ถูก “เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า รีบตามไปเถอะ”
พนักงานยกยิ้มสวยไปจนถึงดวงตา “ประธานหวังคะ คุณไม่ต้องตามไปดีกว่า คุณผู้หญิงอยู่ด้านบนค่ะ”
อ้อ
เอ๋
ฮ่าๆ
ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง
ลิฟต์ความเร็วสูงก็ดูเหมือนจะช้าไปเกือบครึ่ง หลงเซียวขมวดคิ้วยิ้มๆ มุมปากยกสูงน่าหลงใหล คิดว่าลั่วลั่วกำลังรอเขาอยู่ที่ห้องทำงาน หัวใจก็ทำงานหนักเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ
หลงเซียวค่อยๆผลักประตูห้องทำงานให้เปิดออก สิ่งที่เห็นทำให้เขาแปลกใจเล็กน้อย
ลั่วหานนั่งพิงหัวหลับอยู่บนโซฟา กอดตัวเองเป็นรูปตัวLนอนอยู่บนนั้น ขายาวทั้งสองข้างทิ้งลงด้านล่าง ใช้แขนซ้ายหนุนแทนหมอน
เครื่องปรับอากาศในห้องอุ่นเพียงพอ ลั่วหานจึงถอดเสื้อคลุมออก เสื้อไหมพรมคอVทำลดลงต่ำเพราะท่านอนของเธอ เผยให้เห็นกระดูกไหปลาร้าเนียนสวย ผมยาวถูกปล่อยไปตามแนวแก้มขาวไล่ลงไปยังกระดูกไหปลาร้า ม้วนเป็นวงสวย
หลงเซียวมองลั่วลั่วที่กำลังหลับสบายจากมุมสูง รอยยิ้มปรากฏชัดขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายจึงหัวเราะออกเสียง
กลัวว่าเธอจะไม่สบาย หลงเซียวถอดเสื้อคลุมของตัวเองออก คลุมลงไปที่ร่างบางอาศัยความอบอุ่นจากอุณหภูมิร่างกายของเขา จากนั้นหลงเซียวจึงนั่งลงข้างๆ เมื่อขยับเข้าใกล้จึงสัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมอ่อนๆจากร่างกายเธอ มือลูบผมดำสลวย
ลั่วหานรับรู้ถึงความอบอุ่นสบายตัว สูดหายใจเข้าลึก ขยับแขน
หลงเซียวนึกว่าเธอจะตื่นแล้ว สูดหายใจแล้วเชิดหน้าขึ้น
ใครจะรู้ว่าเธอแค่เปลี่ยนท่า จากนั้นก็หลับต่อ
หลงเซียวอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “จริงๆเลย…ทดสอบสมาธิของผมเหรอ”
ยืนเข่าขึ้นมา หลงเซียวมองเห็นกล่องอาหารหลายกล่องอยู่บนโต๊ะ ที่แท้ลั่วหานมาส่งข้าวเขาหรอกเหรอ
เหล่าผู้บริหารหลายคนได้ยินว่าคุณผู้หญิงมารออยู่ที่ห้องท่านประธาน ต่างก็อยากพากันไปชมความครื้นเครง คนนี้บอกเอาแผนการไปให้ท่านประธานตรวจดีกว่าไหมนะ คนนั้นบอกรายงานโครงการยังไม่ได้เซ็นอนุมัติ
สุดท้ายสามถึงห้าคนก็มาหยุดยืนอยู่หน้าประตู ต่างก็มองเข้าไปด้านในด้วยความอยากรู้อยากเห็น
หลงเซียวตีหน้าขรึม ยืนอยู่ในห้องทำงานที่เปิดออกเพียงฝั่งเดียวจากสองฝั่ง “ว่างกันมากใช่ไหม”
แต่เมื่อหันกลับมาเหล่าผู้บริหารก็หายกันไปหมดแล้ว
หลงเซียวต่อสายไปยังเลขาด้านหน้า ออกคำสั่งเสียงเย็น “ภายในสองชั่วโมงนี้ ไม่อนุญาตให้ใครไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามมาหาฉันที่ห้องทำงานทั้งนั้น คนที่ฝ่าฝืน จะหักโบนัสสามเดือน”
หลงเซียวขนเอกสารมานั่งลงที่โต๊ะข้างๆลั่วหาน นั่งลงข้างเท้าของเธอ ตามการหายใจยาวของลั่วหาน เขาค่อยๆเปิดกระดาษพลิกกลับไปมา
ลั่วหานหลับกลางวันเป็นเวลานาน เมื่อตื่นขึ้นมาก็มองเห็นแผ่นหลังหนาของหลงเซียว และยังมีกลิ่นอากาเว่อ่อนๆจากตัวเขา
แสงแดดอ่อนๆจากด้านนอกส่งเข้ามายังร่างของเขา เส้นผมของเขาสะท้อนแสงสีทอง ทั่วทั้งร่างเปล่งประกายงดงาม คล้ายกับกำลังอยู่ในความฝัน
“ที่รัก กลับมาแล้วเหรอคะ”
เสียงคนพึ่งตื่นติดแหบไปเล็กน้อย คล้ายกับนวดที่ปัดป่ายอยู่ในแก้วหูคนฟัง
หลงเซียวเลื่อนเอกสารออก ยืดตัวไปจูบหน้าผากลั่วหานเบาๆ “ครับ หลับสบายไหม”
ลั่วหานยกแขนเขาพยุงขึ้นท่าทางมึนงง “ทำไมไม่เรียกฉันล่ะคะ กี่โมงแล้ว”
หลงเซียวกดนาฬิกาไม่ให้เธอดู “หิวหรือเปล่า กินข้าวไหม”
กับข้าวอุ่นมาตั้งสองครั้งแล้ว กลัวว่าเธอตื่นขึ้นมาจะไม่ทันกินตอนร้อยๆ หลังลั่วหานล้างหน้ากลับออกมา หลงเซียวได้จัดเตรียมถ้วยและตะเกียบเรียบร้อยแล้ว ยื่นตะเกียบที่เช็ดแล้วให้กับเธอ “ทานเป็นเพื่อนผมเยอะๆหน่อย”
“คุณชายหลง”
กู้เยนเซินรีบผลักประตูเข้ามา สุดท้ายได้แต่นิ่งอึ้ง
“คุณ…คุณหมอฉู่ ทำไมคุณก็อยู่ด้วยล่ะ ผม…ให้ผมออกไปก่อนไหมครับ”
หลงเซียวขมวดคิ้วไม่พอใจ “คุณชายกู้ ให้ดีคุณควรให้เหตุผลที่ดีพอกับผม”
“ท่านประธาน ดิฉันห้ามไว้ไม่อยู่…” เลขาวิ่งตามหลังกู้เยนเซินมา อธิบายด้วยใบหน้าซีดเซียว
หลงเซียวพยักหน้า “คุณออกไปก่อน”
“ค่ะ ท่านประธาน”
กู้เยนเซินหัวเราะแห้ง “เอ่อคือว่า พวกคุณทานข้าวกันก่อน กินอิ่มแล้วผมค่อยมาใหม่”
“คุณชายกู้ คุณจะมาลางานแทนไป๋เวยหรือเปล่าคะ หรือว่าตัวเองก็จะลาด้วยกัน” ลั่วหานเอ่ยขัดกู้เยนเซิน
“เอ่อ…คุณหมอฉู่รู้ด้วยเหรอครับ แหะๆ”
หลงเซียวมองทั้งสองสลับไปมาอย่างสงสัย “ทำไม”
“ไป๋เวยท้องแล้ว อาจจะอยากพักผ่อนค่ะ”
“ไม่ใช่ครับ ผมมาหาคุณชายหลงเพราะเรื่องอื่นครับ…” เดิมอยากจะรีบจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยในคราวเดียว จึงได้พุ่งเข้ามาแบบนี้ กู้เยนเซินไม่รู้จะพูดยังไงเลยทีเดียว
หลงเซียวคีบอาหารอย่างเป็นธรรมชาติ “เรื่องอะไร พูดมาสิ”
กู้เยนเซินเหลือบมองลั่วหานอย่างไม่ได้ตั้งใจ ในใจอยากจะบอกว่า…คงไม่เหมาะมั้ง
ใบหน้าหลงเซียวยังคงนิ่ง “คนกันเองทั้งนั้น กลัวอะไร พูดมาสิ”
ลั่วหานแสร้งทำเป็นตั้งใจทานข้าว ราวกับไม่ได้ยิน แต่รอยยิ้มมุมปากนั้นอยู่ในสายตาของหลงเซียว
เอาเถอะ ในเมื่อคุณไม่สนใจ งั้นผมก็จะไม่สนแล้วนะ “จางหย่งแฟนคลับของคุณ…ใช่ไหม…”
ดวงตาเยือกเย็นของหลงเซียวบังคับให้คุณชายกู้ต้องกลืนคำพูดลงไป “ช่วงนี้เขาอยู่กับอิสซา ผมรู้แล้ว คุณชายกู้ไม่ต้องกังวลไป”
“เอ่อ…ครับ เข้าใจแล้วครับ”
ยังบอกว่าคนกันเองอยู่เลย คนโกหก