ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 902
ตอนที่ 902 แสดงอำนาจบาตรใหญ่
ถึงแม้หลงถิงมาช้าสาย แต่มาในเวลาที่เหมาะเจาะพอดี
เพียงคิดก็ทราบแล้วว่าเป็นอย่างไร
หลงเซียววางกรรไกรลง แล้วมองประเมินหลงถิงด้วยสีหน้าเมินเฉย ไม่เจอกันมานาน เขาดูผอมซูบลงมาก แถมดวงตามีสายตาไม่สามารถปกปิดความกังวลได้ ดูเหมือนหลงถิงคงจะป่วยแล้ว
ตู้หลิงเซวียนและหลงจื๋อก็วางกรรไกรลงเหมือนกัน ทั้งสามคนเดินไปด้านข้างเพื่อเปิดทาง พร้อมพยักหน้ายิ้มเล็กน้อยต่อหลงถิง
เมื่อเห็นชายทั้งสามที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมืองหลวงขึ้นเวทีด้วยกัน เหล่านักข่าวตื่นตระหนกมากกว่าได้กลิ่นสาบปลาฉลามเสียอีก เลยพากันเดินมุ่งเข้ามา แต่พนักงานรักษาความปลอดภัยของหลงถิงได้เตรียมความปลอดภัยเรียบร้อยแล้ว จึงสกัดกั้นให้เหล่านักข่าวอยู่ห่างจากเวทีห้าเมตร
“พ่อครับ ไม่ใช่บอกว่าไม่มาวันนี้หรอกหรอ?”
หลงจื๋อช่วยประคองแขนหลงถิง แล้วพาเดินขึ้นบนเวที จากนั้นก็เดินถอยหลังครึ่งก้าว
หลงถิงกวาดตามองหลงเซียวและตู้หลิงเซวียนด้วยสายตาเมินเฉย ทั้งสองคนเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายในวงการธุรกิจ ถึงแม้ภายในใจมีความรู้สึกไม่พอใจ แต่ไม่เผยอารมณ์ทางสีหน้า ดังนั้นเขาเลยเผยสีหน้าไร้อารมณ์ขึ้น
“งานในวันนี้ผมจะไม่มาเข้าร่วมได้อย่างไรกัน? ชื่อตึกอาคารจะแก้ไขก็แก้ไข ถ้าหากผมไม่มา คงจะเปลี่ยนชื่อหุ้นส่วนใหญ่แล้วหรอ?”
หลงถิงพูดไม่ดังไม่เบามาก แต่เพียงพอทำให้หลงจื๋อและหลงเซียวฟังชัดเจน ซึ่งน้ำเสียงแฝงเต็มไปด้วยความประชดประชัน
“ต้องยอมรับว่าชื่อนี้เหมาะสมกับตำแหน่งของพวกเรามากกว่า ผมกับประธานตู้ได้เซ็นสัญญาเรียบร้อยแล้ว เพียงแต่ติดต่อพ่อไม่ได้ ดังนั้น….หวังว่าพ่อจะไม่โกรธ” หลงจื๋อก้มหน้าอย่างนอบน้อม และพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ในมุมมองของเหล่านักข่าวแล้ว หลงจื๋อถือเป็นลูกที่เชื่อฟัง
หลงถิงตบบนบ่าของหลงจื๋อเบาๆ “ต่อให้ฉันโกรธแล้วได้ประโยชน์อะไร? ยืนตรง”
“ครับ พ่อ”
หลงถิงยังคงอยู่ในท่วงท่าเดิม ซึ่งเหล่านักข่าวคิดว่าเป็นการแสดงความรักกันระหว่างพ่อลูก และได้เห็นถึงความรักอันสนิทสนมของพ่อและลูกชายคนรอง ซึ่งแทบไม่เห็นเงาของหลงเซียวเลย
ตู้หลิงเซวียนยังคงขานรับเหล่านักข่าวที่อยู่ข้างล่างด้วยท่าทางสงบนิ่ง พร้อมรอยยิ้มอันอ่อนโยนดุจดั่งสายฝนที่มีเสน่ห์ ไม่เพียงแค่ครั้งเดียวที่คนที่สัมภาษณ์เขาต้องรู้สึกประทับใจ และทำให้เขามีท่าทางสง่าผ่าเผยราวกับเทพบุตร
ขณะที่เขามีสีหน้าอ่อนโยนนั้น หลงเซียวที่มีใบหน้าหล่อเหลากลับมีสีหน้านิ่งเฉย และไม่มีสีหน้าน่ามิตรไมตรีด้วย คนหนึ่งเย็นชาอีกคนกระตือรือร้น ซึ่งทำให้คนที่เริ่มเบื่อหน่ายกับบรรยากาศเริ่มกลับมาซุบซิบอย่างคึกคักอีกครั้ง
ผู้ชมจากทั้งในบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ และโทรศัพท์กลับมามีบรรยากาศเดือดอีกครั้ง!
ในงานเริ่มมีบรรยากาศครื้นเครงขึ้น กำลังเกิดสงครามอันดุเดือดในวงการธุรกิจอยู่ ส่วนบนหน้าจอเป็นการวิพากษ์วิจารณ์ของกลุ่มต่องานอย่างดุเดือด
เคาน์เตอร์พยาบาลของโรงพยาบาลหวาเซี่ยกลายเป็นโรงภาพยนตร์ขนาดเล็กแล้ว พยาบาลที่สวมหมวกบนหัวถือโทรศัพท์อ่านคำวิพากษ์วิจารณ์ “สนับสนุนหลงเซียว! ความหล่อระเบิดทั่วทั้งงาน ท่านเซียวบอกว่าที่สอง ใครกล้าเรียกว่าที่หนึ่งล่ะ!”
เหล่าพยาบาลพยักหน้าเห็นด้วยอย่างแรง “ซื้อสมาชิกวีไอพีสามารถหยุดการแสดงความคิดเห็นบนหน้าจอได้สามวินาที! ความเร็วอันบ้าคลั่งในการปัดหน้าแบบนี้แทบไม่มีความน่าสนใจต่อพวกเราเลยสักนิดเดียว!”
“รีบซื้อเร็วสิ!”
“ซื้อของหนึ่งเดือนก่อน!”
“ซื้อของหนึ่งปีเลย! สามารถเก็บบันทึกวิดีโอได้ กว่าท่านเซียวจะยอมสัมภาษณ์ถือเป็นเรื่องยากแล้ว แถมเป็นการถ่ายทอดสดด้วย ใครมีกล้องถ่ายรูปบ้าง? ใช่ใช่ ไปหยิบกล้องถ่ายรูปในห้องผ่าตัดมาใช้หน่อย!”
“คนสนับสนุนตู้หลิงเซวียนเองก็เยอะ เขายังไม่ได้แต่งงาน ดังนั้นเหมาะสมมาตรฐานผู้ชายหล่อรวยโสด ซึ่งคนสนับสนุนของเขาใกล้จะตามติดคนสนับสนุนของหลงเซียวแล้ว”
“เขาหรอ? ฮ่าฮ่า มองจากภายนอกเป็นคนอ่อนโยน ความเป็นจริงแล้ว เธอดูดวงตาคู่นี้ดีๆ ใบหน้าแบบนี้ หางตาแคบ ปลายจมูกยุบลง ริมฝีปากบาง แค่ยิ้มมุมปากก็ยกขึ้นแล้ว สรุปแล้วเมื่อมองจากภายนอกเขาไม่ใช่คนดี ยิ้มอย่างกับคนใจดีแต่หน้าเสือ”
“หัวหน้าพยาบาล คุณรู้อะไรเยอะเหมือนกันนะคะ!”
“เขาเป็นแบบนี้แล้ว พวกเธอยังเอาแต่เพ้อเจ้ออยู่ อย่าคิดมาหลอกฉัน! บัตรสมาชิกล่ะ? ลงทะเบียนหรือยัง?”
เคาน์เตอร์พยาบาลมีบรรยากาศคึกคักมาก ลั่วหานที่เดินออกมาจากห้องทำงานที่อยู่ใกล้ถูกเบี่ยงเบนความสนใจ เธอเดินเบียดเสียดเข้ามาข้างหลังเคาน์เตอร์ด้วยรูปร่างผอมเพรียว จากนั้นก็อาศัยความสูงกวาดตามองบนหน้าจอโทรศัพท์ของเหล่าพยาบาล
หลงถิงกำลังใช้ฐานะคณะกรรมการพูดอธิบายความสามารถกลุ่มก่อสร้าง สถานที่ ช่องว่างในการเติบโตในวงการธุรกิจในอนาคตของจุนหลินเทียนเซี่ย แต่กล้องถ่ายทอดสดมีหลายครั้งที่ย้ายจุดโฟกัสไปที่บนใบหน้าของหลงเซียวและตู้หลิงเซวียน
อาการป่วยของหลงถิงทวีความรุนแรงมากขึ้น
อาศัยประสบการณ์และสัญชาตญาณ เมื่อฟังน้ำเสียง และมองสีหน้าของเขา ลั่วหานสามารถวินิจฉัยได้อย่างแม่นยำว่าช่วงนี้เขากำลังทรมานกับการเปลี่ยนแปลงของอาการป่วย อาการป่วยของเขารุนแรงมากกว่าหยวนชูเฟิน แต่คิดไม่ถึงว่าเขาจะสวมชุดสูท พร้อมยืนหยัดท่าทางสง่าผ่าเผยจนถึงตอนนี้ได้
แต่เมื่อเห็นการแสดงความคิดเห็นบนหน้าจอ ลั่วหานก็ถึงกับขมวดคิ้ว “เทพบุตรPK?”
ไม่รู้ว่าใครตอบกลับว่า “ใช่ ใช่! ไม่รู้ว่าใครริเริ่มคำกล่าวเทพบุตรPK ในบรรดาทั้งสามคนหลงเซียว ตู้หลิงเซวียน คุณชายรองตระกูลหลง คะแนนของหลงเซียวตอนนี้ลอยลำมากที่สุด แต่แฟนคลับของตู้หลิงเซวียนเหมือนจะฮึกเหิมเหมือนกัน!”
“ไม่ต้องพูดแล้ว เรียกเด็กประถม เด็กมัธยม เด็กมหาวิทยาลัยของทุกโรงเรียนรีบโหวตลงคะแนน!”
ลั่วหานสูบลมหายใจเข้าลึกๆ และก้าวเท้าเดินเข้ามาตรงกลางด้วยกางเกงยีนอันเรียวเล็ก “ลงคะแนนโหวตหรอ?”
“ใช่…..” ยังไม่ทันพูดจบ หัวหน้าพยาบาลก็เงยหน้าเห็นลั่วหานยิ้มแย้มแล้ว
“คุณหมอฉู่!”
ปัง!
ปังปัง!
มีโทรศัพท์ของใครบางคนถือไม่แน่น เลยร่วงตกลงบนพื้น และมีใครบางคนชนแขนของใครบางคนจนทำให้โทรศัพท์ตกลง อีกทั้งยังมีใครบางคนรีบหลบอย่างรีบร้อน จนเผลอเหยียบโทรศัพท์ที่กำลังถ่ายทอดสดตกอยู่บนพื้นด้วย…..
ลั่วหานยัดมือข้างหนึ่งใส่ลงในกระเป๋าเสื้อ “ดูคึกคักจังเลยนะ? ว่างกันขนาดนี้เลยหรอ?”
หัวหน้าพยาบาลยิ้มแห้งๆขึ้น “ขอโทษคะ คุณหมอฉู่ พวกเรา…..ไม่กล้าแล้วค่ะ”
เมื่อกี้ทำไมไม่ให้ใครสักคนคอยดูต้นทาง? หากถูกใครจับไม่เกรงกลัวเลย แต่ถ้าเป็นคุณหมอฉู่ไม่ได้!
ลั่วหานยื่นมือหยิบโทรศัพท์ที่อยู่ห่างตัวเองมากที่สุดขึ้นมาด้วยมืออันเรียวเล็ก บนหน้าจอถ่ายทอดหลงถิงอยู่ แต่ไม่นานกล้องก็ถ่ายไปที่หลงจื๋อ “พ่อของผมพูดอย่างชัดเจนแล้ว ผมคงไม่ต้องพูดอะไรเพิ่มเติมแล้ว ขอบคุณเหล่านักข่าวทุกคนมากนะครับ”
หลงถิงปรับไมโครโฟนเล็กน้อย แถมในตอนนี้ดวงตาที่ชราก็ไม่มีสายตาเหนื่อยล้า และแหลมคมดั่งเหยี่ยวเหมือนเมื่อกี้แล้ว “สุดท้ายนี้ผมมีเรื่องหนึ่งอยากประกาศ ทุกท่านคงทราบดีว่า ผมได้มอบหุ้นทั้งหมดที่อยู่ในนามของผมต่อหลงจื๋อ ลูกชายของผม ในช่วงที่เขารับหน้าที่ดูแลบริษัทMBK บริษัทมีการพัฒนาและเติบโตเร็วมาก และผลงานของโครงการชานเมืองหลวงยิ่งทำให้ผมมั่นใจว่าเขาเหมาะสมที่จะเป็นผู้สืบทอดบริษัทMBKคนต่อไป ดังนั้น…..
ผมขอมอบตำแหน่งคณะกรรมการบริหารบริษัทMBKต่อหลงจื๋อ นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป หลงจื๋อจะเป็นคนบริหารงานทุกอย่างของบริษัทMBK”
นักข่าวในงานพากันตื่นตระหนก เรื่องใหญ่ขนาดนี้ คิดไม่ถึงว่าหลงถิงไม่มีการประชุมคณะกรรมการพิจารณา แต่ยึดความต้องการของตัวเองประกาศออกมาหรอ? สมกับเป็นคณะกรรมการบริหารบริษัทMBKจริงๆ ช่างมีอำนาจบาตรใหญ่จริงๆ!
แต่นั้นหมายความว่า หลงถิงต้องการถอนตัวออกจากบริษัทMBKแล้วหรอ?
ตู้หลิงเซวียนที่มีรอยยิ้มอ่อนโยนมาตลอด จู่ๆเก็บรอยยิ้มลง เขาหันหน้ามองหลงถิงด้วยสีหน้าตกใจ แล้วหันหน้าสบตาหลงเซียวชั่วขณะ เขากำลังถามว่าเกิดอะไรขึ้น แต่หลงเซียวไม่ตอบอะไรเขาสักอย่างเลย
สมาชิกคณะกรรมการบริษัทMBKที่ยืนอยู่ด้านข้าง หัวหน้าระดับสูงของบริษัทฉู่ซื่อ ผู้ช่วย เลขาของตู้หลิงเซวียนล้วนตกใจกันหมด แผนการของหลงถิงลงมือกะทันหันมากเกินไป!