ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 903
ตอนที่ 903 หลงถิงหมดสติในงาน
หรือว่าเขาไม่รู้ว่าอสังหาริมทรัพย์ เรือบรรทุกเครื่องบินของบริษัทMBKมีความละเอียดอ่อนมาก สิ่งที่เขาบริหารคือเส้นทางเดินหน้าของวงการธุรกิจทั้งหมด ซึ่งไม่ใช่ใครคนหนึ่งหรือเป็นธุรกิจครอบครัว
หลงถิงเป็นคนละเอียดรอบคอบ ทำไมจู่ๆถึงทำเรื่องฉุกละหุกแบบนี้?
พนักงานระดับสูงหลายคนของบริษัทMBKต่างหันหน้าสบตากัน พวกเขาแทบไม่ได้รับการแจ้งอะไรมาก่อนเลย แต่คณะกรรมการบริหารกลับตัดสินใจด้วยอารมณ์ส่วนตัว!
หลงถิงเผยท่าทางสง่าผ่าเผย ยิ้มและพูดว่า “เวทีธุรกิจเป็นของคนรุ่นใหม่ ผมบริหารบริษัทMBKมาสามสิบปีแล้ว ตอนนี้ผมขอมอบโอกาสสร้างประวัติศาสตร์แก่ลูกชายของผม….” ไม่นานเขาก็กล่าวปราศรัยอย่างกระฉับกระเฉง เห็นได้ชัดเจนว่าเขามีการเตรียมตัวล่วงหน้าแล้ว
ส่วนหลงจื๋อฟังพ่อพูดด้วยสีหน้านิ่งอึ้ง ซึ่งดูท่าทางไม่ค่อยดีเลย
เขาแทบไม่ได้เตรียมการเลย เขานึกว่าการมาวันนี้ของพ่อเขาหมายถึงการรับตำแหน่งผู้บริหารแทนของเขาได้จบสิ้นแล้ว เมื่อเห็นพ่อของตัวเองเข้าร่วมงาน เขายังรู้สึกดีใจอยู่เลย ในที่สุดตัวเองไม่ต้องยืนเป็นศัตรูกับพี่ใหญ่
ใครจะไปรู้ยังไม่ทันคาดเดาต้นเรื่องเลย ตอนจบยิ่งคาดเดาไม่ออกเลย
“พ่อ…..”
กู้เยนเซินกัดริมฝีปาก พร้อมกำหมัดอย่างแน่น หลงถิงทำอะไรลงไป? ตอนออกมาดูปฏิทินหรือเปล่า วันนี้เหมาะสมที่จะมอบตำแหน่งหรือเปล่า?
จี้ตงหมิงเผยสีหน้าแปลกใจขึ้น “ประธานกู้ หากในอนาคตพ่อของคุณจะมอบบริษัทให้คุณ คุณจะทำยังไงหรอ?”
“พูดจาเหลวไหล แน่นอนว่าไม่มีทาง! ไม่ถูกกฎเกณฑ์ และไม่สอดคล้องกฎเกณฑ์ด้วย เหล่าคณะกรรมการคงเกลียดพ่อฉันจนตายแน่”
“เช่นนั้น หลงถิงก็ยอมเสี่ยงถูกคนเกลียดชังเพื่อมอบตำแหน่งให้กับคุณชายรองตระกูลหลง คุณคิดว่าสาเหตุคืออะไรหรอ?”
กู้เยนเซินพูดขึ้นว่า “คุณกำลังบอกว่า หลงถิงมอบตำแหน่งให้คุณชายรองตระกูลหลง เพราะต้องการให้คุณชายรองตระกูลหลงได้รับการต่อต้านจากคณะกรรมการ? คุณจะบอกว่าเขาตบหัวแล้วลูบหลังหรอ?”
จี้ตงหมิงทำปากมุ้ย “ผมไม่คิดแบบนี้ คุณลองเดาดูสิ”
“……สีหน้ามึนงง!”
หลงจื๋ออยากทราบเหตุผลจากปากของหลงถิง “พ่อครับ ทำไมคุณถึง……”
หลงถิงตบบนบ่าของเขาเล็กน้อย และพูดให้กำลังใจว่า “ฉันรู้ว่านายจะพูดอะไร เวลานี้เหมาะสมที่สุดแล้ว––ตัดริบบิ้นเถอะ นายเป็นผู้บริหารบริษัทMBKแล้ว นายมีอำนาจเด็ดขาดแล้ว”
หลงถิงหยิบกรรไกรขึ้น แล้ววางบนมือของหลงจื๋อด้วยตัวเอง พร้อมจับมือเขาแน่น “หลงจื๋อ ต่อไปนายเป็นผู้บริหารของบริษัทMBK ฉันหวังว่านายจะบริหารบริษัทMBKให้มั่นคง และยกระดับบริษัทให้สูงมากขึ้น อีกอย่างจำไว้ว่า อย่าเชื่อใจใครง่ายๆ อย่าเมตตาผิดคน เข้าใจไหม?”
“คือผม….”
“นายไม่ต้องตอบฉันหรอก ทำตามหน้าที่ของตัวเองเถอะ การแข่งขันทางธุรกิจอันโหดร้ายกำลังจะมาหานายแล้ว”
หลงเซียวเดินเข้ามาหยิบกรรไกรด้วยสีหน้าเมินเฉย แล้วยื่นมือข้างหนึ่งจับริบบิ้น จากนั้นกรรไกรอันแหลมคมก็ส่งเสียงแครกเสียดสีขึ้น ขณะเดียวกันก็ได้ยินเสียงบาดหูดังขึ้นจากไมโครโฟนด้วย……
หลงจื๋อคลายมือออกด้วยท่าทางตื่นเต้น บนฝ่ามือของเขาเปียกชุ่มไปด้วยน้ำเหงื่อ ขณะเดียวกันเส้นเลือดบนฝ่ามืออันขาวนวลก็ปูดขึ้นอย่างชัดเจนด้วย ในตอนนี้เขามีท่าทางกังวลและลังเลมาก
หลงถิงจับมือหลงจื๋ออย่างแน่น ภายใต้กล้องถ่ายทอดสามารถเห็นรอยย่นและด่างดำบนผิวหนังหลังมือของเขาได้ชัดเจน
บนหน้าจอเริ่มดุเดือดอีกครั้ง :
“มือคู่นี้….มีค่ามากกว่าหนึ่งร้อยล้าน! เป็นมือของผู้ร่ำรวยระดับประเทศ!”
“ผู้บริหารเอาแต่ใจจริงๆ! ยกตำแหน่งให้กับลูกชายตัวโดยไม่สนใจใครทั้งสิ้น!
“คุณพ่อหลง คุณยังขาดแคลนลูกชายอีกหรอ?
ตอนนี้ลั่วหานรู้แล้วว่าทำไมผู้คนถึงพูดว่าปิดการแสดงความคิดเห็นเป็นเรื่องฉลาด…..
หลงถิงจับนิ้วมือของหลงจื๋ออย่างแน่น และบังคับให้เขาจับกรรไกรตัดริบบิ้น หลังจากเกิดเสียงแครกเสียดสี ริบบิ้นขาด กลีบดอกไม้ก็พลิ้วลอยกลางอากาศขึ้น……
คนที่อยู่ข้างล่างเวทีพากันปรบมือดังสนั่น หลังจากบทเพลงหนึ่งบรรเลงเสร็จ ในที่สุดพิธีตัดริบบิ้นก็เสร็จสิ้นอย่างราบรื่น
ถัดมาเป็นพิธีวางศิลาฤกษ์ หากยึดตามกฎระเบียบ คณะกรรมการบริษัทMBKต้องเป็นคนแรกที่รับจอบตักปูนที่พิธีกรเตรียมไว้ หยอดบนแผ่นศิลา
สายลมแรงพัดกระหน่ำทุกสารทิศ และพื้นที่ข้างนอกโล่งกว้างไม่มีอะไรกั้น สายลมพัดสาดบนใบหน้าเหมือนกับใบมีด
หลงจื๋อหันหน้ามองหลงเซียว จากนั้นก็พยักหน้ายิ้มเล็กน้อย
เหลียงจ้งซุนถือจอบมอบให้กับหลงจื๋อด้วยสองมือ “ผู้บริหารครับ ไม่ต้องออกแรงมากหรอกครับ นิดเดียวก็พอแล้วครับ”
หลงจื๋อรู้สึกว่าจอบมีน้ำหนักพันกรัมได้ หากเขารับ นั้นหมายความว่าในอนาคตเขาต้องร่วมชะตากรรมกับบริษัทMBK เขาต้องแบกรับภาระอันหนักอึ้ง ซึ่งเขาแทบไม่ได้เตรียมตัวเลย
“เสี่ยวจื๋อ?”
หลงถิงพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาเตือนเขาหนึ่งครั้ง ซึ่งสามารถดึงสติหลงจื๋อที่ลังเลกลับมาสู่ความเป็นจริง
ไม่รู้ว่าหลินซีเหวินมายืนอยู่ข้างหลังลั่วหานตั้งแต่เมื่อไหร่ เธอจ้องมองหลงจื๋อบนหน้าจอโทรศัพท์โดยไม่กะพริบตา มือของชายหนุ่มกับมือของชายวัยกลางคนไขว้กัน เหมือนกับศตวรรษมีการเปลี่ยนแปลง
คิดไม่ถึงว่าหลงถิงจะยอมยกตำแหน่งให้ก่อนเวลา ทั้งที่งานแต่งงานของพวกเขายังไม่ถึงเลย?
นี่มันหมายความว่าอะไรกัน?
กลัวว่าหลังจากที่พวกเขาแต่งงาน บริษัทMBKจะกลายเป็นทรัพย์สินหลังแต่งงานหรอ?
เธอไม่ต้องการทรัพย์สมบัติของตระกูลหลงเลย! เธอไม่ได้ขาดแคลนเรื่องเงิน เข้าใจไหม?
หลงจื๋อหลับตาลง และสูบลมหายใจเข้าลึกไป
จอบถูกเสียบลงบนพื้น รองเท้าหนังสีดำเหยียบลงบนจอบข้างหนึ่ง จากนั้นบนจอบก็เต็มไปด้วยดินเหลือง……
หลงเซียวยัดมือข้างหนึ่งไว้ในกระเป๋ากางเกง ชุดกันหนาวผ้าร่มถูกสายลมโบกสะบัดอย่างแรง แต่เขากลับทำเหมือนทุกอย่างไม่มีผลกระทบต่อเขาแท้แต่น้อยเลย ซึ่งสภาพจิตใจและท่าทางแทบไม่ต่างจากเมื่อกี้เลย
ผู้ช่วยของตู้หลิงเซวียนเดินเข้ามาจากข้างหลัง แล้วยกมือข้างหนึ่งวางใกล้หู และกระซิบพูดบางอย่าง จากนั้นตู้หลิงเซวียนก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ไม่นานเขาก็คลายออกอย่างรวดเร็ว “โอเค ทราบแล้ว”
ไม่นานตู้หลิงเซวียนก็หันหน้ามองหลงถิง พร้อมยิ้มมุมปากอย่างเย็นชาดั่งปลายมีด!
“พิธีวางศิลาฤกษ์ของจุนหลินเทียนเซี่ยเสร็จสิ้นอย่างราบรื่น!”
พิธีกรที่ถูกสี่คนที่เป็นบุคคลสำคัญแย่งซีนรีบตะโกนร้องปลุกผู้คนตื่นขึ้นมาจากภาพหลอน
ตึบตึบตึบ!
เสียงปรบมือดังสนั่นขึ้น ส่วนหลงเซียวกับตู้หลิงเซวียนเอามือมาตบประสานกันเบาๆ
“หลงเซียว เรื่องที่เกิดขึ้นมาวันนี้เกรงว่าคุณคงคิดไม่ถึงเหมือนกัน?” ตู้หลิงเซวียนยิ้มและพูดขึ้น
“อยู่นอกความคาดหมาย แต่ยังคงสอดคล้องกับสถานการณ์” หลงเซียวเหลือบตามองเล็กน้อย
ตู้หลิงเซวียนหยุดการสนทนาที่ไม่สนุกขึ้น
เหลียงจ้งซุนยื่นมือประคองหลงถิง “ผู้บริหารครับ พวกเรากลับกันเถอะครับ”
หลงถิงรู้สึกวิงเวียนศีรษะและตามัว และน้ำหนักทั้งหมดลงบนตัวของเหลียงจ้งซุน “เตรียมรถ เรียกหมอมาด้วย”
“ครับ”
หลงถิงพยายามอดกลั้นความรู้สึกเจ็บปวดที่ถาโถมเข้ามาดั่งคลื่นทะเล และพยายามฝืนตัวเองให้มีท่าทางปกติ แต่พละกำลังไม่สามารถคำจุ้นให้เขาเดินตลอดทางได้แล้ว หลังจากที่หันหลังเดินไปไม่ถึงสิบก้าว จู่ๆขาข้างขวาของหลงถิงก็โซซัดโซเซขึ้น!
“ผู้บริหาร…..”
“ไม่เป็นไร เดินต่อไปเถอะ”
……
“พี่ใหญ่ ประธานตู้ การก่อสร้างชานเมืองหลวงเริ่มขึ้นแล้ว ต่อไปคงต้องได้รับการสนับสนุนจากพวกคุณ ผมยังอ่อนต่อวงการนี้ หวังว่าพวกเราจะสามารถร่วมมือกันเติบโตนะครับ”
หลงจื๋อยื่นมือทักทาย พร้อมยิ้มแย้มด้วยสีหน้าประจบสอพลอ
ตู้หลิงเซวียนจับมือของเขา และพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลว่า “แน่นอนครับ”
หลงเซียวตบบนบ่าของเขาเบาๆ “อกผายไล่ผึ้งหน่อย”
หลงจื๋อนิ่งอึ้งชั่วขณะ จากนั้นก็ยิ้มแห้งๆ แล้วยืดอกยืนตัวตรงขึ้น “ครับ พี่ใหญ่”
……
“ผู้บริหาร!”
หลงถิงที่เพิ่งเดินออกมาจากฝูงชนที่กำลังคึกคัก ร่างกายก็หมดแรงล้มลง……
กล้องถ่ายทอดของเหล่านักข่าวที่เมื่อกี้กำลังถ่ายทอด”ความหล่อทังสาม”ของเมืองหลวงอย่างบ้าคลั่ง แต่เมื่อเห็นหลงถิงล้มหมดสติกะทันหัน ก็รีบยกกล้องเดินเข้ามาถ่ายหลงถิงกับเหลียงจ้งซุนอย่างไม่ละเลิก!
“พ่อครับ!”
หลงจื๋อสะบัดมือของตู้หลิงเซวียนออก พร้อมกับออกแรงเดินฝ่าฝูงชน หลงถิงที่อยู่เบื้องหน้าหลับตา และมีสีหน้าขาวซีดมาก
“พ่อครับ! คุณเป็นอะไรครับ?”
หลงเซียวเร่งฝีเท้าเดินเข้ามา โดยที่ฝูงชนให้ทางกับเขาอัตโนมัติ “เรียกรถพยาบาล! เร็ว!”
นักข่าวที่ตกใจจนลืมโทรศัพท์เรียกรถพยาบาลเพิ่งดึงสติกลับมา เลยรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาอย่างกระวนกระวาย
หลงเซียวก้มตัวลงนั่งใกล้กับหลงถิง แล้วยื่นนิ้วมือวางตรงจมูก “แค่เป็นอาการช็อก อย่าตื่นตระหนก––เหลียงจ้งซุน หมอส่วนตัวของเขาล่ะ? รีบเรียกหมอมาที่นี่เดียวนี้เลย”
“เรียกแล้วครับ หมอซุนคงกำลังอยู่ระหว่างทาง “เหลียงจ้งซุนก็คิดไม่ถึงว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น เขามีสีหน้าขาวซีดมาก
หลงเซียวขมวดคิ้วและกัดริมฝีปากเล็กน้อยเพื่ออดกลั้นความรู้สึกโมโหภายในใจ “บ้าจริง! ป่วยขนาดนี้แล้ว ทำไมไม่พาหมอมาอยู่ข้างกาย?”
หลงจื๋อไม่กล้าซักถาม แต่อยากถามว่า เมื่อกี้พี่ใหญ่ด่าพ่ออยู่หรอ?
ณ วิลล่าโรมัน
หลินเหว่ยเย่กับภรรยานั่งบนโซฟาอยู่ จากนั้นก็ปิดโทรทัศน์ลง
“หลงจื๋อรับตำแหน่งบริหารบริษัทMBK ดูเหมือนคุณจะคาดเดาถูกแล้ว”
หลินเหว่ยเย่จิบชาเล็กน้อย “ชาแดงรสชาติไม่เลวเลย ลองชิมดู?”
ภรรยาของเขามองบนใส่หนึ่งที
“อย่ามองผมแบบนี้สิ ผมบอกคุณตั้งนานแล้วว่า เปลี่ยนรสชาติบางทีอาจเหมาะกับคุณกว่า แต่คุณไม่หยุด ตอนนี้เป็นยังไงล่ะ? ดื่มชาเขียวไม่ได้แล้วอ่อ?”
……
“หลงถิงสลบหมดสติหรอ? พี่ลั่ว รถพยาบาลของโรงพยาบาลของเราเพิ่งออกไปเมื่อกี้ใช่ไหมคะ?”
ลั่วหานไม่ทันสังเกตเห็นหลินซีเหวินเลย ตอนที่เธอตะโกนถามข้างหูอย่างกะทันหันของตัวเอง เธอยังคงมึนงงอยู่ “รถพยาบาลอะไรหรอ?”
หลินซีเหวินมีท่าทางรีบร้อนใจมาก “เสียงร้องของรถฉุกเฉินที่ขับออกไปเมื่อกี้คงไปช่วยคนที่งานใช่ไหม!”
“……” ลั่วหานนิ่งเงียบ
นั้นหมายความว่า หลงถิงจะมารักษาที่โรงพยาบาลหวาเซี่ย?
หลินซีเหวินเผยสีหน้าอมทุกข์ “เดียวฉันไปรอที่ห้องฉุกเฉินก่อน!”