ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 904
ตอนที่ 904 อาเฟินหาหลักฐานของฆาตกรเจอแล้ว
การถ่ายทอดสดยังคงดำเนินต่อ ข่าวเรื่องหลงถิงป่วยจนสลบหมดสติแพร่งพรายไปทั่วหมดแล้ว และเกิดการลุกฮือในวงการอสังหาริมทรัพย์ และวงการเงินด้วย!
หลังจากวินาทีที่หลงถิงประกาศยกตำแหน่งผู้บริหารบริษัทMBKให้กับลูกชายก็มีผู้ถือหุ้นบางส่วนเกิดความผิดหวังยอมขายหุ้นทิ้ง และกลับไปอยู่ในอ้อมกอดของบริษัทฉู่ซื่อ ในตอนนั้นเปิดราคายังไม่ถึงสามชั่วโมง หุ้นของบริษัทฉู่ซื่อก็พุ่งทะยานขึ้น จนติดท็อปสิบของวงการหุ้นเกรดเอ และใบหุ้นตกลงขายสูงกว่าเดิมสามเท่าด้วย
ในทางกลับกัน บริษัทMBK ใบหุ้นเคยเพิ่มขึ้นพุ่งสูงอยู่ที่ห้าร้อย เพียงชั่วพริบตากลับตกฮวบลงมาที่สี่ร้อยสิบ ถึงแม้ราคาหุ้นก่อนปิดตลาดหุ้นตัวเลขไม่ได้แย่มาก แต่ระดับที่ลดลงได้เกินขอบเขตที่สามารถยอมรับได้
วินาทีที่หลงถิงขึ้นบนรถพยาบาล วงการการเงิน วงการซุบซิบนินทา อภิปราย นิตยสาร สถานีโทรทัศน์ล้วนเกิดข้อสงสัยต่อการพัฒนาในอนาคตของบริษัทMBK และมีประเด็นที่น่าสนใจจากชาวเน็ตว่าจะเกิดผลกระทบอะไรบ้าง หลังจากที่หลงเซียวออกจากบริษัทMBK
หากไม่มีการเปรียบเทียบก็ไม่มีการเจ็บตัว การคาดเดาเองของชาวเน็ตทำให้หลายคนคิดถึงประโยคกรรมตามสนองขึ้น
หลงถิงป่วยสาหัสแบบนี้ เหล่าบริษัทขนาดเล็กที่อยู่ภายใต้ร่มเงาของบริษัทMBKทั้งหมดก็เริ่มเชิดหน้าขึ้น คิดอยากฉวยโอกาสตอนที่ผู้อื่นตกอยู่ในสภาวะวิกฤติหาผลประโยชน์กับตัวเอง
บริษัทอึนเคอ บริษัทซุน ผู้ค้ารายใหญ่ด่านอสังหาริมทรัพย์ของเมืองเจียงไม่กี่แห่งล้วนพากันหันหน้าโจมตีบริษัทMBK
หลงจื๋อขึ้นบนรถพยาบาลไปโรงพยาบาลเหมือนกัน ส่วนหลงเซียวขับรถตามมาข้างหลัง
จี้ตงหมิงเอาไอแพดให้กับเขา “เจ้านายครับ ข่าวเพิ่งออกมาไม่กี่นาที หุ้นของบริษัทMBKตกฮวบต่อเนื่องเลยครับ ตอนนี้ตกลงมาที่สี่ร้อยแล้วครับ เห็นได้ชัดเจนว่าเหล่าผู้ถือหุ้นไม่มีความเชื่อมั่นในความสามารถบริหารของคุณชายรองตระกูลหลง ขณะเดียวกันมีผู้ถือหุ้นหลายรายมาแย่งกันซื้อหุ้นบริษัทฉู่ซื่อครับ พวกเราต้องเพิ่มหุ้นหนึ่งล้านดีครับ? ส่วนการต่อรองทางนั้นเดียวผมไปจัดการเองครับ”
หลงเซียวอ่านรายการตลาดหุ้นอย่างรวดเร็ว และเปิดอ่านข่าวไม่กี่หน้าด้วย ขณะเดียวกันก็ดีดนิ้วบนหัวเข่าเล็กน้อย “ซื้อหุ้นของบริษัทMBK ฝ่ายตรงข้ามขายทิ้งเท่าไหร่ พวกเรากวาดซื้อมาให้หมด”
“ครับ! แต่ว่า…..พวกเราไม่ได้มีงบมากขนาดนั้นครับ เงินทุนหมุนเวียนได้ลงทุนกับโครงการจุนหลินเทียนเซี่ยทั้งหมดแล้ว หากรวมคนที่ขายทิ้งหุ้นของบริษัทMBKแล้วถือเป็นจำนวนมากเหมือนกันครับ อย่างน้อยพวกเราต้องเตรียมงบประมาณสักห้าสิบล้าน ไม่เช่นนั้นหากซื้อหุ้นแล้ว แต่เงินหมุนเวียนของบริษัทคงขาดแคลนแน่ครับ”
หลงเซียวขมวดคิ้วอย่างแน่น และพูดขึ้นว่า “หุ้นของบริษัทMBKต้องซื้อทั้งหมดแน่นอน คนที่ฉวยโอกาสเล่นงานมีเยอะมาก ผู้ถือหุ้นขายหุ้นทิ้งก็เยอะมากเหมือนกัน เป้าหมายของพวกเขาต้องการฉวยโอกาสเล่นงานบริษัทMBK ตอนหุ้นตกต่ำ ดังนั้นเราต้องอุดช่องโหว่นี้”
จี้ตงหมิงเห็นด้วย พยักหน้าและพูดว่า “เจ้านายมีแผนรับมือแล้วใช่ไหมครับ?”
หลงเซียววางนิ้วลงบนหัวเข่าอีกครั้ง แล้วหันหน้ามองทิวทัศน์นอกหน้าต่างกันลม พร้อมขับรถด้วยความเร็ว ทิวทัศน์ถอยหลังตามความเร็วของรถยนต์ จนเงาต้นไม้กลายเป็นภาพเดียวกัน จากนั้นเขาก็พูดด้วยน้ำเสียงมั่นคงว่า “เปิดบัญชีธนาคารสวิสแล้วเอาเงินทั้งหมดเก็บไว้”
จี้ตงหมิงฟังจบ ก็รีบรถด้วยความเร็วสูง หากไม่ใช่เพราะขับรถแทนเจ้านาย เขาไม่กล้ารับประกันว่าตัวเองจะขับรถชนอะไรหรือเปล่า
ณ ธนาคารสวิส!
เช่นนั้นเงินข้างใน….คง…..หมดเกลี้ยงแน่เลย!
“เจ้านาย เสี่ยงเกินไปแล้วนะครับ! ตอนที่โครงการชานเมืองหลวงต้องการเงินงบประมาณ คุณแทบไม่เตะต้องเงินเหล่านี้เลย ตอนนี้พวกเราได้ผ่านวิกฤตไปแล้ว คุณ…หาวิธีการอื่นดีไหมครับ?”
เพียงไม่กี่วินาทีบนฝ่ามือของจี้ตงหมิงเปื้อนเต็มไปด้วยเหงื่อ ภายใต้เสื้อเชิ้ตที่คลุมด้วยชุดสูทก็เปียกชุ่มเหมือนกัน
หลงเซียวหลับตาลงด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “ทำตามสิ่งที่ผมพูด”
“ไม่ได้ครับ! เจ้านาย หุ้นของบริษัทMBKพวกเราไม่เอาก็ได้ครับ แต่หากคุณเตะต้องบัญชีนั้น ก็หมายความว่า…..คุณยังมีความเกี่ยวข้องกับคนเหล่านั้นนะครับ เมื่อกี้คุณเพิ่งโยนความวุ่นวายให้กับเหลียงหยู้คุน ทำไมต้องหาความวุ่นวายใส่ตัวเองด้วยครับ?”
จี้ตงหมิงเริ่มอารมณ์ร้อนแล้ว เขาค่อนข้างรู้ดีว่าเงินก้อนนั้นหมายถึงอะไร!
อีกอย่างหากคำนวณแล้วเงินก้อนนี้ถูกเก็บไว้นานแปดปีแล้ว โดยที่หลงเซียวไม่เคยพูดถึงมาก่อนเลย
ในตอนนั้นหลงเซียวนำพาบริษัทMBKผ่านพ้นวิกฤติการเงิน จนสร้างความสนใจต่อวงการการเงินมาก แม้แต่คนที่ทำงานด้านมืดยังอยากเชิญเขาเข้าพวกเพื่อวางแผน แต่หลงเซียวตัดขาดจากพวกเขา และประกาศว่าตัวเองไม่มีวันแปดเปื้อนธุรกิจสกปรก
เพื่อเอาชนะหลงเซียว ฝ่ายตรงข้ามเก็บเงินก้อนหนึ่งในธนาคารสวิส จำนวนไม่ทราบแน่ชัด แต่ต้องไม่ใช่จำนวนน้อยแน่นอน
เจตนาของพวกเขาค่อนข้างชัดเจนมาก นี่เป็นสัญญายินยอมทำงานร่วมกับพวกเขา หลงเซียวสามารถใช้เงินก้อนนี้ได้ตลอดเวลา แต่หากแตะต้องเงินแล้ว นั้นหมายความว่าเขาต้องก้าวเข้าไปในโลกของฝ่ายตรงข้าม
เสี่ยงเกินไป! ไม่ได้!
ภายในรถยนต์ที่โล่งกว้าง รัศมีรอบกายของหลงเซียวกดดันบรรยากาศภายในรถ จี้ตงหมิงยังคงมีท่าทางตื่นตระหนกเหมือนเมื่อกี้อยู่ เพียงแต่ขยับแหวนทองบนนิ้วเล็กน้อยไปมา
“เสี่ยวจื๋อปกป้องบริษัทMBKไม่ไหวหรอก ฉันไม่สะดวกเข้าไปทำงานบริษัทMBKเป็นพนักงานระดับสูง แต่ถ้าหากต้องการกอบกู้บริษัทMBK นี่ถือเป็นวิธีการที่รวดเร็วที่สุด ในตอนนี้ฉันมีหุ้นของบริษัทMBKจำนวนหนึ่ง หากสามารถซื้อหุ้นที่ผู้ถือหุ้นขายทิ้งก็สามารถดำรงตำแหน่งแทนเสี่ยวจื๋อแล้ว นายคงเข้าใจเจตนาของฉันใช่ไหม?”
“ผมเข้าใจครับ ผมเข้าใจแผนการของเจ้านายดีครับ แต่เจ้านาย หากคุณแตะต้องเงินก้อนนั้น แล้วฝ่ายตรงข้ามให้ข้อเสนอที่มากเกินไป…..”
“อาหย่งตัดสินใจไปประเทศอิตาลี เขาต้องการสืบเรื่องเมื่อสิบปีก่อน เงินก้อนผมใช้หรือเปล่า ยังไงผมก็ไม่สามารถตัดขาดจากพวกเขาได้แน่นอน” หลงเซียวพูดเพิ่มเติมขึ้น
แครก!
จี้ตงหมิงพยายามควบคุมอารมณ์ของตัวเอง สุดท้ายก็ล้มเหลว รถยนต์ขับรถอย่างรวดเร็ว และอันตรายมาก
แรงกระแทกผลักจี้ตงหมิงกระแทกบนเก้าอี้ แล้วดันกลับมาอีกครั้ง เขาออกแรงทั้งหมดจับพ่วงมาลัยไว้อย่างแน่น “คุณ….ไม่ห้ามปรามเขาหรอ?”
“สิ่งที่เขาจะทำ สุดท้ายก็ต้องทำ ฉันห้ามปรามไม่ได้ และไม่ต้องห้ามปรามด้วย”
ในตอนนี้จี้ตงหมิงหัวร้อนจนแทบจะระเบิด “เลอะเลือน! ก่อนหน้านี้ฉันเคยบอกเขาแล้วว่า ไม่ควรเกี่ยวข้องกับพวกนั้น! ทำไมเขาไม่ยอมเชื่อฟัง! เจ้าคนนี้….เขาออกเดินทางเมื่อไหร่แล้วหรอ?”
“ไม่กี่วันมานี้ขับรถยนต์ตลอดเลย เรื่องที่ยังไม่เกิด ตอนนี้จะมากังวลทำไมกัน?” หลงเซียวหลับตา “ฉันเคยรับปากหลงจื๋อมาก่อน อำนาจทั้งหมดของบริษัทMBK ฉันจะแข่งขันกับเขาอย่างยุติธรรม”
จี้ตงหมิงอยากพูดบางอย่าง แต่ก็เข้าใจนิสัยของเจ้านายดี หากเขาตัดสินใจแล้ว ต่อให้ตัวเองพูดมากแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์ แต่ยังคงพูดด้วยความยืนหยัดว่า “ไม่ว่าเจ้านายจะตัดสินใจยังไง ผมพร้อมร่วมสู้รบไปกับเจ้านาย! อำนาจทั้งหมดของบริษัทMBK พวกเราต้องนำกลับคืนมาให้ได้ ส่วนเรื่องทางนั้น พวกเราเองก็ต้องปกป้องตัวเอง คงต้องทำสงครามอีกสักครั้งแล้ว!” รถยนต์คันสีดำขับรถด้วยความเร็วมุ่งตรงไปที่โรงพยาบาลหวาเซี่ย
……
หลังจากหลงถิงมาถึงโรงพยาบาลก็ถูกส่งตัวไปที่แผนกศัลยกรรมประสาททันที โดยที่ระหว่างทางมีผู้ช่วยและบอดี้การ์ดส่วนตัวคอยคุ้มกัน ลั่วหานยังไม่เจอหลงถิงเลย ไม่กี่นาทีต่อมา หลงถิงถูกส่งเข้าห้องฉุกเฉิน ระเบียงทางเดินว่างเปล่า โดยที่สองข้างทางมีบอดี้การ์ดคอยคุ้มกันอยู่ สร้างความตื่นตระหนกต่อหมอและพยาบาลมาก
ระเบียงทางเดิน ลั่วหานเห็นหลงจื๋อยืนนอกห้องฉุกเฉินอย่างโดดเดี่ยว ถึงแม้จะอยู่ห่างกัน แต่ยังสามารถมองเห็นสีหน้าเจ็บปวดอยู่ การป่วยกะทันหันของพ่อสร้างความสะเทือนใจต่อเขาไม่น้อยเลย
“พี่สาวลั่ว ทำอย่างไรดี? แม้แต่ฉันก็เข้าไปไม่ได้เลย” หลินซีเหวินรีบร้อนใจอยากไปอยู่เป็นเพื่อนหลงจื๋อ แต่บอดี้การ์ดไม่ยอมให้ใครเข้าไปเลย แม้แต่ว่าที่ภรรยาของคุณชายรองตระกูลหลงก็ไม่ละเว้น
ลั่วหานจับแขนของเธอไว้ “อย่ารีบร้อน หลงเซียวคงอยู่ข้างหลัง”
ขณะที่พูดคุย รูปร่างสูงใหญ่ของหลงเซียวก็เดินเข้ามาพอดี พร้อมกับใบหน้าทุกข์ใจอันมืดครึ้ม จากนั้นเขาก็เอ่ยปากพูดขึ้นว่า “ให้เธอเข้าไป”
บอดี้การ์ดก้มหน้าหน้าด้วยสีหน้าลำบากใจขึ้น “พวกเราไม่สามารถฝืนคำสั่งได้ครับ”
หลงเซียวจ้องมองเขาด้วยสีหน้าเย็นชา “คำสั่งของใครหรอ? รับคำสั่งจากใครหรอ?”
บอดี้การ์ดหันหน้ามองข้างใน และกลับมามองหลงเซียว “ครับ….แต่ถ้าหากผู้บริหารถามขึ้นมาล่ะครับ?”
หลงเซียวยิ้มประชดขึ้น “ต้องให้ผมเตือนคุณหรอว่า ว่าที่ผู้บริหารของบริษัทMBKคือใคร?”
ในที่สุดบอดี้การ์ดก็ยอมโดยดี เกือบมีปัญหากับว่าที่ภรรยาของผู้บริหารแล้ว!
หลินซีเหวินก้าวเท้าเดินกระโจนเข้าไปทันที “หลงจื๋อ คุณเป็นยังไงบ้าง? คุณไม่เป็นไรใช่ไหม?”
หลงจื๋ออยากยิ้มออกมา แต่ยิ้มไม่ออก อยากกอดเธอ แต่รู้สึกไม่เหมาะสม เลยทำได้เพียงลูบบนหัวของเธอ “ผมไม่เป็นไรครับ ผมเป็นห่วงพ่อ”
“ฉันจะรอเป็นเพื่อนคุณเอง ตอนที่ได้รับประวัติการรักษาของผู้ป่วย เดียวฉันจะอธิบายให้กับคุณอย่างละเอียดเอง”
……
“การถ่ายทอดสดของวันนี้ฉันดูหมดแล้ว พิธีวางศิลาฤกษ์ผ่านไปอย่างราบรื่น” ลั่วหานอยู่ตรงหน้าหลงเซียว และช่วยเขาจัดเสื้อผ้าที่ยับเหยินของเขา ตอนที่รีบตามมาที่นี่
“คุณรู้เรื่องป่วยของหลงถิงมานานแล้วหรอ?” หลงเซียวเปิดประเด็นซักถามขึ้น
“รู้มาตั้งนานแล้วค่ะ ครั้งก่อนที่หลงถิงคิดจะเล่นงานโรงพยาบาลหวาเซี่ย ฉันเอาอาการป่วยของเขามาข่มขู่เขา คิดไม่ถึงว่าเขาจะอดทนมาถึงขนาดนี้ คิดไม่ถึงจะยืนหยัดจนถึงวันนี้จนสลบหมดสติ อาการป่วยของเขาหนักมาก เป็นโรครากประสาทถูกกดทับ ถ้าหากฉันเดาไม่ผิด การเปลี่ยนแปลงของโรคจะเหมือนกับอาการแม่ของพวกเรา และอาจจะหนักกว่านั้นด้วย”
ลั่วหานรู้ว่าเขาอยากถามอะไร เลยพูดอธิบายต่อว่า “ฉันรับปากเขาแล้วว่า ไม่บอกเรื่องนี้กับใคร เลยไม่ได้บอกกับคุณ ตอนนี้เป็นไงล่ะ ทุกคนรู้กันหมดแล้ว”
“……คุณสะใจมากเลยใช่ไหม?”
“ห่ะ? เปล่าสักหน่อย!”
แสดงออกมาชัดเจนขนาดนั้นเลยหรอ?
โทรศัพท์ของหลงเซียวที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงสั่นเล็กน้อย เขาเคลื่อนสายตาออกจากใบหน้าอันสงบนิ่งของลั่วหานมองบนหน้าจอโทรศัพท์ และพบว่าเป็นหมายเลขโทรศัพท์ของแม่ “แม่ครับ ผมอยู่โรงพยาบาลครับ”
“แม่รู้แล้ว แม่เห็นรถของลูกในโทรศัพท์แล้ว แม่แค่อยากบอกว่า แม่หาหลักฐานเจอแล้ว”
“อะไรนะครับ?” หลงเซียวเบิกตากว้างขึ้น!
“ตอนนี้หลักฐานอยู่ในมือของแม่ ทั้งเอกสารร่วมมือกับทางประเทศอังกฤษและเอกสารอื่น หลงถิงซ่อนไว้ในตู้เซฟ หลักฐานที่เขาขโมยกรรมสิทธิ์จากพ่อของลูกและทำร้ายพ่อของลูกในตอนนั้น แม่หาเจอแล้ว!”
หลงเซียวหันหน้าสบตากับลั่วหานสักพักใหญ่ “ผมจะไปหาแม่ตอนนี้เลยครับ”
เมื่อเห็นหลงเซียววางสาย ลั่วหานก็ซักถามขึ้นว่า “มีอะไรหรอคะ?”
“แม่ตามหาหลักฐานพบแล้ว สามารถพิสูจน์ได้ว่า หลงถิงเป็นฆาตกรในตอนนั้น” หลงเซียวเผยสีหน้าสงบนิ่ง แต่ดวงตาเป็นประกายแวววับมาก
ลั่วหานตื่นเต้นมาจนเผลอโผล่กอดเขาทันที โดยไม่สนใจสถานการณ์ “ดีมากเลยค่ะ! ดีจริงๆค่ะ สามี เดียวฉันคอยเฝ้าดูสถานการณ์ทางนี้เอง!” หลงเซียวลูบบนแก้มอันผอมซูบของลั่วหานเบาๆ “ครับ ผมไปก่อนนะครับ”
“ค่ะ! ไปเถอะค่ะ”
หลงเซียวลูบใบหูของลั่วหานอย่างไม่เหมาะสมอีกครั้ง “ผมไปนะครับ”
ลั่วหาน : “……”
……
“เซียวเอ่อ สิ่งเหล่านี้คือกรรมสิทธิ์ของบริษัทพ่อลูก ต่อมาถูกหลงถิงช่วงชิง ส่วนหนังสัญญา แม่ไหว้หวานให้คนจากอังกฤษช่วยทำสำเนาไว้ หลงถิงเอาทรัพย์สินที่ได้รับแบ่งออกเป็นสองส่วน ซึ่งสิ่งนี้สามารถกล่าวได้ว่าเขาละเมิดสิทธิของผู้อื่น!”
หลงเซียวอ่านเอกสารทั้งหมดอย่างละเอียดเสร็จก็เดินกลับไปนั่งบนโซฟา “ละเมิดสิทธิไม่สามารถโค่นล้มเขาได้”
“แล้วสิ่งเหล่านี้ล่ะ?”
หยวนชูเฟินยื่นปืนที่ห่อด้วยผ้าเช็ดหน้าให้กับหลงเซียว
เมื่อหลงเซียวเห็นปืนก็เบิกตากว้างทันที “ปืนของเขาหรอครับ?
“แม่แสร้งทำเป็นสูญเสียความทรงจำ เพื่อให้เขาไม่หวาดระแวงต่อแม่ ไม่เช่นนั้นแม่คงไม่รู้หรอกว่ารหัสตู้เซฟของเขาคืออะไร เพียงแค่แม่คิดไม่ถึงว่าเขาจะเก็บของเหล่านี้อยู่อีก”
กระสุนปืนของปืนรุ่นเอ็มหนึ่งเก้าหนึ่งหนึ่งกับกระสุนปืนที่พบในถังเผาเหมือนกัน
หยวนชูเฟินยื่นมือจับมือของลูกชายอย่างสั่นเทา นิ้วมือที่เย็นเฉียบของเธอดึงมือของเขาวางบนฝ่ามือ “เซียวเอ่อ รับปากกับแม่ อย่าปล่อยเขาไปเด็ดขาด! รับปากแม่นะ!”
หลงเซียวห่อปืนกลับอย่างเรียบร้อย แล้ววางในกล่อง พร้อมกับเอกสารเหล่านั้น แล้วล็อกเก็บไว้อย่างมิดชิด “ผมรับปากแม่ครับ แต่แม่ต้องบอกผมว่า แม่ไปทำอะไรที่ประเทศอังกฤษ?”