ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 905
ตอนที่ 905 บนตัวมีแต่กลิ่นทอง
หยวนชูเฟินนิ่งเงียบ
เธอก้มหน้าลงไม่อยากให้หลงเซียวเห็นสีหน้าของตัวเอง แต่มือที่เธอกุมมือเขาอยู่นั้นกำลังสั่นเทาอยู่ ซึ่งการกระทำที่ละเอียดแบบนี้ไม่สามารถหลุดพ้นสายตาของหลงเซียวได้
หลงเซียวก้มหน้าลงเล็กน้อย และพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลข้างหูของเธอว่า “แม่ครับ ใครเป็นคนเปิดเผยความลับหรอครับ? แม่ไปพบใครที่ประเทศอังกฤษครับ?”
“แม่ไม่ได้ไปพบใคร” หยวนชูเฟินพูดปฏิเสธอย่างรวดเร็วขึ้น
หลงเซียววางกระเป๋าไว้อีกด้าน แล้วยื่นมือจับบนบ่าของเธอทั้งสองข้าง “พวกเขามีเงื่อนไขอะไรหรอครับ?”
หยวนชูเฟินเม้มปากด้วยสีหน้ากังวล พร้อมกับจ้องมองรองเท้าหนังของลูกชายไม่กะพริบตา เขาเพิ่งกลับมาจากสถานก่อสร้าง แต่บนรองเท้ากลับไม่มีฝุ่นเปื้อนอยู่ มีเพียงใต้รองเท้าที่มีฝุ่นเล็กน้อย “แม่ไม่รู้ว่าลูกหมายถึงอะไร?”
หลงเซียวเงยหน้ามองหลอดไฟคริสทัล ทั้งที่ไม่ได้เปิดไฟ แต่กลับรู้สึกแสบตา ไม่ต้องถาม เขาก็รู้คำตอบแล้ว สามารถงัดความลับที่ซุกซ่อนอย่างมิดชิดออกมาได้ แถมสามารถตกลงกับแม่ของเขาได้อีก นอกจากคนเหล่านั้นแล้ว เขาคิดไม่ว่าจะเป็นคนอื่นอีก
หลงเซียวไม่ได้ดูดตำหนิเลยสักคำ แต่ประคองแม่ที่นั่งยองบนพื้นขึ้นมานั่งบนโซฟาด้วยความเอ็นดู “แม่ครับ สิ่งที่พ่อได้รับ ผมจะเอาคืนกลับมาเป็นเท่าตัว ชีวิตของหลงถิง และสิ่งที่หลงถิงติดค้างต่อตระกูลมู่ของเรา ผมจะเอามันกลับมาเองครับ”
ในตอนนี้หยวนชูเฟินเงยหน้าขึ้น พร้อมกับน้ำตาที่คลอเบ้า “เซียวเอ่อ ขอโทษ…..แม่คิดอยากแก้แค้นให้กับพ่อมาก แม่อยากให้หลงถิงได้รับผลกรรมที่เคยก่อ! แม่อยากเอาทุกอย่างที่เป็นของพ่อลูกกลับคืนมา! แม่อยากให้หลงถิงตาย!”
หลงเซียวเช็ดน้ำตาตรงหางตาของเธอ “แน่นอนครับ”
“แต่ลูกจะทำยังไงต่อ? ได้ยินคนพวกนั้นบอกว่า….ลูกจะไปหาพวกเขาด้วยตัวเอง เซียวเอ่อ พวกเขาคือใครหรอ? ทำไมพวกเขาถึงรู้เรื่องมากถึงขนาดนี้? พวกเขาจะบีบบังคับลูกหรือเปล่า?” หยวนชูเฟินยิ่งคิดยิ่งกังวล ในตอนนั้นเพราะแรงพยาบาททำให้เธอไม่ทันไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วน ตอนนี้เมื่อกลับมาคิดก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้น
“พวกเขาทำอะไรผมไม่ได้หรอกครับ เพราะพวกเขากลัวผม เลยเอาแม่เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ส่วนเรื่องที่เหลือผมจัดการเองครับ แม่ดูแลรักษาสุขภาพดีๆนะครับ” หลังจากที่หยวนชูเฟินส่งลูกชายจากไปเสร็จ เธอก็กลับมานั่งบนโซฟาด้วยท่าทางทุกข์ใจ
หลงถิงสามารถโค่นล้มตระกูลมู่เพียงชั่วข้ามคืนได้ แล้วลูกชายของเธอจะทำอะไรได้บ้าง?
เซียวเอ่อ….ลูกอย่าทำเรื่องสิ้นคิดนะ!
……
หลังจากหลินซีเหวินอ่านประวัติอาการป่วยของหลงถิงจบ ก็พลิกปิดเอกสารแล้ววางบนขา ขณะเดียวกันก็กุมมือด้วยท่าทางกังวลเล็กน้อย “หลงจื๋อ คุณต้องเตรียมใจนะคะ”
“บอกมาเถอะ ผมนึกไม่ออกอีกแล้วว่า ยังมีสถานการณ์ไหนแย่ไปกว่าตอนนี้อีกแล้ว” หลงจื๋อแบมือออก พร้อมยิ้มมุมปากเล็กน้อย
หลินซีเหวินพูดอธิบายถึงอาการของหลงถิงให้เขาฟัง ถึงแม้ใช้ถ้อยคำสุภาพ แต่ไม่สามารถลดความกังวลของหลงจื๋อลงได้เลย
“แบบนี้นี่เอง….ผมทราบแล้วครับ”
มิน่าพ่อถึงรีบร้อนมอบอำนาจให้กับเขา
ภายในใจรู้สึกขื่นขมมาก ขมยิ่งกว่ากินทุเรียนดิบอีก
ตึบตึบตึบเสียงฝีเท้าจากรองเท้าหนังดังขึ้น คณะกรรมการไม่กี่คนและเหลียงจ้งซุนที่เป็นหัวหน้าพากันล้อมรอบหลงจื๋อ “ผู้บริหารครับ ตอนนี้บริษัทเกิดเรื่องแล้วครับ เชิญคุณกลับไปประชุมที่บริษัทด้วยครับ วิกฤติการณ์ครั้งนี้เร่งด่วนมากครับ”
เพราะอยู่ต่อหน้าหลินซีเหวิน เหลียงจ้งซุนไม่ได้พูดอย่างตรงไปตรงมา
“พ่อของผมยังอยู่ข้างในอยู่อีก เรื่องอะไรกัน รอให้เขาออกมาก่อนค่อยประชุมก็ได้” หลงจื๋อประเมินว่าพ่อสำคัญมากกว่าผลประโยชน์ของบริษัท
หลินซีเหวินเงยหน้ามองเหลียงจ้งซุน ยิ้มและพูดว่า “ผู้ช่วยเหลียง พวกคุณไปกันก่อน เดียวเขาตามไปค่ะ”
เหลียงจ้งซุนครุ่นคิดสักพัก “ครับ งั้นฝากคุณหมอหลินด้วยนะครับ”
หลังจากคนกลุ่มนั้นจากไป หลินซีเหวินก็จับมือหลงจื๋อ และพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “สิ่งที่พ่อของคุณหวงแหนมากที่สุดในชีวิตคือบริษัทMBK ที่เขามอบบริษัทให้กับคุณ เพราะหวังอยากให้คุณบริหาร หลังจากที่เขาไม่ไหวแล้ว คุณเป็นผู้บริหาร เป็นกัปตันของเรือ คุณต้องรับผิดชอบหน้าที่โดยลำพัง ไม่สามารถล้มเลิกบริษัทเพราะพ่อ พนักงานอีกตั้งแสนกว่าคนต้องการคุณมากกว่าพ่อของคุณอีก”
หลงจื๋ออ้าปากขึ้นด้วยสีหน้าเจ็บปวดใจ เขาทำได้เพียงสูบลมหายใจเข้า ไม่รู้จะตอบยังไง เพราะสิ่งที่เธอพูดมาถูกต้อง แต่เขากลับทำใจยอมรับไม่ได้
“ไปเถอะ เดียวฉันเฝ้าที่นี่เองค่ะ หากมีข่าวอะไรฉันจะรีบแจ้งคุณเลย ฉันกับพี่สาวลั่วเป็นหมอ ดังนั้นรู้เรื่องการรักษาคนไข้มากกว่าคุณ”
สุดท้ายหลงจื๋อก็รับปากกลับไปประชุมที่บริษัท “ซีเหวิน คุณเหมาะที่จะเป็นหัวหน้ามากกว่าผมอีก”
“โอเค ต่อไปเรื่องในบ้านฟังคำสั่งฉัน!”
จนถึงห้องประชุมแรกของบริษัทMBK หลงจื๋อยังคงหวนนึกถึงคำพูดของหลินซีเหวินอยู่ เรื่องในบ้านฟังคำสั่งของเธอ….ถ้าหากสามารถหลุดพ้นหมากนี้ เขาคิดว่าคงจะดีมาก เพราะสามารถใช้ชีวิตคู่ได้อย่างเรียบง่าย
“ผู้บริหาร? คุณคิดว่าแผนการนี้เป็นยังไงบ้างครับ?”
สมาชิกคณะกรรมการที่นั่งอยู่ด้านซ้ายมือคนแรกพูดเตือนขึ้น จึงจะสามารถนำหลงจื๋อกลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริง
หลงจื๋อเหลือบมองโปรเจคเตอร์ “ผมต้องการอ่านรายละเอียด ช่วยขยายให้หน่อยครับ”
ห้องประชุมขนาดใหญ่ มีสมาชิกคณะกรรมการอยู่สิบกว่าคน ส่วนใหญ่มีอายุมากกว่าหลงจื๋อ เขามีอายุน้อยที่สุด และเกิดสถานการณ์แย่แบบนี้อีก เลยทำให้เหล่าสมาชิกคณะกรรมการรู้สึกไม่ค่อยพอใจ
เหลียงจ้งซุนพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาจากด้านข้างว่า “เหล่านักข่าวรออยู่ใต้ตึก ตลาดหุ้นของวันนี้มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่มาก พวกเราต้องมีคำอธิบายที่สมเหตุสมผล อีกอย่างต้องทำแผนการล่วงหน้าด้วย ไม่เช่นนั้นคงเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ด้านลบแน่ครับ”
หลงจื๋อพยักหน้าเล็กน้อย และจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย “เริ่มกันเถอะ!”
——
จี้ตงหมิงกับกู้เยนเซินเบิกตากว้างขึ้น ทั้งสองคนจ้องมองตลาดหุ้นสีแดงเขียวอย่างนิ่งอึ้ง แล้วหันหน้ามาสบตากัน
“นายมองฉันทำไมกัน? บนหน้าฉันมีเงินหรอ?” กู้เยนเซินลูบบนใบหน้าเล็กน้อย ถูกเขามองแบบนี้เขาก็เขินอายเหมือนกัน
จี้ตงหมิงเอานิ้วชี้กับนิ้วโป้งวางซ้อนกัน “หัวหน้ากู้ วันนี้คุณดูหล่อกว่าปกติมากเลยครับ บนตัวมีกลิ่นทองด้วย”
“หน้าเงินจนเป็นบ้าแล้วหรอ? ฉันขอบอกคุณเลยว่า ทรัพย์สินของบ้านฉันลงทุนกับจุนหลินเทียนเซี่ยหมดแล้ว ตอนนี้ฉันไม่มีเงินแล้วจริงๆ ฉันต้องเก็บเงินซื้อนมผงอีก คุณอย่าปั่นหัวฉันได้ไหม?”
จี้ตงหมิงกลับไปนั่งที่เดิม เขาถือปากกาด้ามหนึ่งด้วยมือข้างซ้ายเคาะบนฝ่ามือข้างขวา “ถึงยังไงฉันก็ไม่เห็นด้วยที่จะเเตะต้องเงินก้อนนั้น”
“ไม่เช่นนั้นล่ะ? คุณต้องไปขายเลือด? ขายไต? หรือว่าขายตัวหรอ?” กู้เยนเซินทำปากมุ้ยขึ้น
จี้ตงหมิงไม่อยากพูดคุยประเด็นเรื่องที่ไร้สาระ แต่จู่ๆความคิดหนึ่งก็แล่นเข้ามา “หัวหน้ากู้ คุณมีความสัมพันธ์กับเจ้าชายเจมส์ยังไงหรอ? ครั้งก่อนไม่ใช่ว่าเขามอบเงินก้อนหนึ่งกับคุณย่าของคุณหรอกหรอ? ต่อมา…..”
“ถุย! หยุดความคิดนี้เลย ตอนนี้เจ้าชายเจมส์แทบไม่เจอฉันเลย และไม่สนใจฉันด้วย”
เรื่องที่ก่อที่โรงแรมครั้งก่อนยังไม่จบเลย จะไปขอยืมเงินเขาแล้วหรอ? รนหาที่ตายชัดๆ!
“โธ่ ทำไมถึงมายากจนกะทันหันแบบนี้ด้วย? เมื่อก่อนคุณนายหลงเป็นถึงผู้ร่ำรวยระดับต้นๆ!” กู้เยนเซินทุบหน้าอกเล็กน้อย พร้อมเงยหน้าและถอนหายใจยาวๆ
ขณะที่ทั้งสองคนยังกลุ้มใจอยู่นั้น หลงเซียวก็โทรศัพท์มาหา
จี้ตงหมิงหยิบโทรศัพท์ขึ้น “เจ้านาย ผมอยู่บริษัท ผมกลับมาจากทำธุระครับ”
“วันนี้นายช่วยบินไปสวิตเซอร์แลนด์หน่อย เรื่องนี้นายช่วยไปจัดการหน่อย”
“ด่วนมากเลยหรอครับ? ไม่สามารถครุ่นคิด….อีกสักหน่อยหรอครับ? เจ้านาย” จี้ตงหมิงกำลังขอร้องอยู่
“พวกเขาตามหาแม่ผมเจอแล้ว” หลงเซียวตอบอย่างเรียบง่ายขึ้น
แต่เมื่อจี้ตงหมิงได้ยิน กลับรู้สึกเลือดปรี๊ดขึ้นสมองทันที
“ครับ! ผมจะจองตั๋วเครื่องบินตอนนี้เลยครับ”
กู้เยนเซินดึงเนคไทออกเล็กน้อย “เกิดอะไรขึ้น? ทำไมนายถึงหน้าขาวซีดเหมือนเจอผีเลย?”
จี้ตงหมิงยัดโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกง แล้วรีบไปจัดเอกสารทันที “พวกเขาตามหาคุณนายเจอแล้ว!”
“ห่ะ! บ้าจริง!”
——
“การช่วยชีวิตยังไม่เสร็จ หมอก็ยังไม่ออกมา ฉันกังวลจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น” หลินซีเหวินเอาประวัติอาการป่วยของหลงถิงให้กับลั่วหาน
“ฉันรู้อาการป่วยของเขาแล้ว โชคดีที่เขาได้รับการรักษาทันเวลา ไม่เช่นนั้นวันนี้เขาคงออกมาไม่ได้” ลั่วหานพลิกอ่านผ่านๆหนึ่งรอบ เป็นอย่างที่คาดการณ์เลย
ผู้ป่วยแบบนี้เธอเคยเจอมามากพอสมควร อาการป่วยไม่แย่ไปมากมากกว่านี้แล้ว เช่นนี้หลงถิงจะสามารถสร้างปาฏิหาริย์ขึ้นมาได้อย่างไร?
“ข่าวบริษัทMBK ฉันดูแล้ว หลงจื๋อคงกดดันมากแน่เลย” หลินซีเหวินไม่รู้จะพูดอะไร รู้สึกเพียงน่าขำ
ตอนที่เธอเพิ่งรู้จักกับหลงจื๋อ เขาเป็นคุณชายรองที่มีแต่ความสนุกสนานและเสียงหัวเราะ หากไม่ใช่เพราะพ่อกับพี่ชายมีปัญหากัน เขาคงเที่ยวสุดขอบโลกอย่างมีความสุขแล้ว
ตอนนี้ล่ะ…..
“พี่สาวลั่ว คุณคิดว่าฉันเป็นกาลกิณีหรือเปล่า? เมื่อฉันมา เขาก็หมดสิ้นทุกอย่าง” หลินซีเหวินเผยสีหน้าอมทุกข์ขึ้น
“พูดจาเหลวไหล! เธอเป็นคนสำคัญของหลงจื๋อ! ไม่เช่นนั้นประชุมคณะกรรมการเขาคงไม่ไปหรอก จริงไหม?”
ลั่วหานอยู่เป็นเพื่อนหลินซีเหวินรอหนึ่งชั่วโมงกว่า จนในที่สุดหมอก็ออกมา
เป็นหมอผู้รับผิดชอบแผนกประสาท คุณหมอจ้าวเป็นหมอผู้เชี่ยวชาญที่สุดในเรื่องประสาท เขามีความรู้ความสามารถด้านการแพทย์เปี่ยมล้นมาก ซึ่งถือเป็นที่ยอมรับไปทั่ว
“หัวหน้าจ้าวค่ะ คุณหลงเป็นยังไงบ้างคะ?” ลั่วหานเดินเข้าไปซักถามทันที
คุณหมอจ้าวดึงหน้ากากลง โดยบนหน้าผากมีเม็ดเหงื่ออยู่ “ครับ สามารถรักษาได้แล้วครับ แต่ยังไม่พ้นขีดอันตราย ผู้ป่วยมีอาการไม่มั่นคง ต้องคอยเฝ้าอาการในห้องไอซียูตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงครับ”
ลั่วหานกับหลินซีเหวินถอนหายใจอย่างโล่งใจขึ้น “ค่ะ ต้องขอบคุณหัวหน้าจ้าวมากนะคะ”
หลงถิงยังไม่ถูกย้ายตัวออกมา โทรศัพท์ของหลินซีเหวินก็ดังขึ้น
“คุณหมอหลิน ห้องฉุกเฉินมีคนป่วยค่ะ ต้องการรับการผ่าตัด รองคณบดีถังอยู่ในห้องผ่าตัดค่ะ แต่การผ่าตัดยังไม่เสร็จสิ้น คุณไปดูแลหน่อยนะค่ะ”
หลินซีเหวินเหลือบมองในห้องฉุกเฉินเล็กน้อย “พี่สาวลั่ว……”
“เธอไปเถอะ ฉันเฝ้าที่นี่ให้”
“ค่ะ! ฝากด้วยนะคะ!”
หลินซีเหวินกลัวเสียเวลา เลยรีบเดินไปกดลิฟต์ลงไปทันที
ลั่วหานยืนตรงหน้าประตูนิ่งๆ และมองดูหลงถิงถูกคนเคลื่อนย้ายออกมา เขาสวมหน้ากากออกซิเจน มีสีหน้าขาวซีด และมีเครื่องแสดงการเต้นของหัวใจด้วย โดยที่เขานอนพิงอยู่บนเตียงอย่างหมดเรี่ยวแรง
“คุณหมอฉู่ ตอนนี้พวกเราต้องพาเขาเข้าห้องไอซีอยู่”
“ค่ะ ฉันจะไปกับคุณค่ะ”
ลั่วหานเดินตามรถเข็นเรื่อยๆ ระยะทางไม่ไกลมาก แต่ลั่วหานรู้สึกไม่เป็นตัวเอง
ใครจะไปรู้หลงถิงผู้ยิ่งใหญ่ ตอนที่อยู่ในสภาพใกล้จะตาย ด้านข้างกลับเป็นอดีตลูกสะใภ้คนนี้
อดีต….ลูกสะใภ้
ถ้าหากเขาฟื้นขึ้นมา ไม่รู้ว่าจะร้องไห้ เพราะเห็นความน่าสงสารของตัวเองหรือเปล่า
หลงถิงถูกส่งเข้าห้องไอซียู คุณหมอหนีบสายวัดระดับการเต้นของหัวใจอย่างแม่นยำ “ตอนนี้อาการป่วยของคุณหลงยังไม่มั่นคง คุณหมอฉู่ ที่นี่มีญาติของเขาไหมคะ? พอดีต้องมีลายเซ็นของญาติกำกับไว้ด้วย”
ลั่วหานมองรอบบริเวณ “ฉันนับว่าเป็นไหมคะ?”
คุณหมอยิ้มแห้งๆ “คือว่า….คุณหมอฉู่คิดว่ายังไงครับ?”
“เดียวฉันเซ็นชื่อเองค่ะ”
นอกประตูห้องไอซียู หยวนชูเฟินยืนอยู่ เธอสวมชุดกันหนาวหนาสีดำ บนหัวสวมหมวกขนแพะสีดำด้วย ซึ่งเผยใบหน้าผอมซูบครึ่งหนึ่งของเธอ
“แม่หรอ? แม่มาได้ยังไงคะ?”
หยวนชูเฟินผลักเปิดประตูเดินเข้ามา แล้วถอดถุงมือด้านขวาออก “เขาเป็นสามีของฉัน ฉันมีสิทธิ์เซ็นชื่อใช่ไหม?”
คุณหมอพยักหน้าต่อเนื่อง “แน่นอน คุณเซ็นชื่อตรงมุมด้านขวาตรงนั้นได้เลยครับ”
หยวนชูเฟินเซ็นชื่ออย่างคล่องแคล่ว “ค่ะ”
เมื่อลั่วหานเห็นลายเซ็นของเธอ ก็แอบเผลอคิดว่า สมกับเป็นผู้หญิงเก่งจริงๆ เพียงแค่ลายเซ็นสามารถทำให้คนรู้สึกนับถือได้เลย
หลังจากที่คุณหมอออกจากห้อง หยวนชูเฟินก็ถอดหมวกออก ลั่วหานช่วยเธอเก็บ
“ที่แม่มา แค่อยากดูว่าพวกเราสองคน ใครสามารถอดทนได้ดีกว่ากัน