ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 912
ตอนที่ 912 ดูดีจนหยุดหายใจ
เปิดหน้าข่าว หลินซีเหวินก็เกือบตาบอด
“อะไรเนี่ย? คัดเลือกหนุ่มรูปงาม? วอทเดอะฟัค กินอิ่มอยู่สบายแล้วยังหาเรื่อง?”
หลงเซียวที่อยู่ด้านบนสุดของรายการไม่อาจล่วงละเมิดได้ แค่หน้าด้านข้างก็ฆ่าผู้หญิงที่แต่งงานแล้วไม่รู้กี่คนต่อกี่คนไปจนถึงผู้ชายได้ในเสี้ยววิ ที่หนึ่งอย่างไม่ต้องเป็นห่วง
หลินซีเหวินเลื่อนลงล่าง “เอ่อ……รูปนี้ก็ดูใช้ได้เหมือนกัน”
รูปของหลงจื๋อถูกถ่ายในพิธีอุปกรณ์ก่อสร้างของบริษัทจุนหลิน แต่งชุดทางการ ดูมีความเป็นผู้นำ
“เกาจิ่งอาน? ไอ้หมอนี่ก็ขึ้นอันดับกับเขาด้วยเหรอ?”
“เกาจิ่งอานหล่อมากนะ แต่ก่อนเขาเคยมีข่าวคาวกับดาราเกรดซี หลายคนก็บอกว่าผู้หญิงคนนั้นได้เปรียบมาก อยากได้เงินเขาแล้วยังเจ้าชู้อีก!” พยาบาลโมโหเดือดดาล
“ครั้งที่แล้วเกาจิ่งอานมาอยู่เป็นเพื่อนพี่สาวที่โรงพยาบาล ฉันเห็นตัวจริงแล้ว ฉันไม่ได้โม้นะ เกาจิ่งอานตัวจริงหล่อกว่าในรูปอีก โดยเฉพาะตอนเขายิ้มนะ ว้าว มีเสน่ห์แปลกๆ ขี้เก๊ก แต่เขาดูดีจนหยุดหายใจเลย!”
หลินซีเหวินเบ้ปากเป็นเชิงดูถูก แล้วเลื่อนลงข้างล่าง ก็เห็นซุนปิงเหวิน!
“วอทเดอะฟัค! หูฟังพิการก็ติดอันดับด้วยเหรอ? เมืองหลวงไม่เหลือผู้ชายแล้วจริงๆ ด้วย!”
ซุนปิงเหวินในรูปภาพเป็นตอนที่ร่างกายยังสมบูรณ์ดี เขาตัวสูง หน้าตาที่ดีมากของเขาในท่ามกลางรอบๆ หัวกลมๆ นักธุรกิจวัยกลางคนก็ถือว่าโดดเด่นมาก ในวงการของนักธุรกิจ จริงๆ แล้วก็นับว่าอยู่อันดับต้นๆ
แต่พอหลินซีเหวินนึกถึงซุนปิงเหวินกับโม่หรูเฟยคู่รักหมาเน่าคู่นี้ บางอย่างในท้องก็ไม่มีที่ให้ระบาย อยากจะฆ่าแล้วดีใจทุกนาที
“ถุยเถอะ! เขาเนี่ยนะ? ทำไมหมอถังของพวกเราไม่ติดสามอันดับแรก? ตู้หลิงเซวียนนี่คืออะไร?”
เอ่อ……
แฟนคลับของตู้หลิงเซวียนกี่คนคัดค้าน “หมอหลิน คุณอย่ารุนแรงเกินไป หมอถังไม่ใช่นักธุรกิจสักหน่อย”
“คนหน้าตาดีไม่ได้มีแค่นักธุรกิจสักหน่อย หมอถังมีเสน่ห์กว่าตู้หลิงเซวียนแน่”
หลินซีเหวินปิดหน้าจอลง ผดุงความยุติธรรม “ตู้หลิงเซวียนดูหน้าก็ไม่ใช่คนดี ถ้าให้ดีพวกคุณอย่าไปบูชาเขานักเลย”
กี่คนตรงนั้น ชิชิชิ หน้าตาอะไร? ตู้หลิงเซวียนออกจะอบอุ่นอ่อนโยนสง่างามสุภาพบุรุษขนาดนี้!
……
ตู้หลิงเซวียนพ่นควันบุหรี่ที่ปลายนิ้ว “ประชุมบอร์ดบริหารชั่วคราวพรุ่งนี้ที่MBK จะไม่เรียบง่ายเกิน หลงเซียวมีความเคลื่อนไหวอะไรบ้าง?”
“หลงเซียวออกจากประเทศไปแล้ว ไปออสเตรเลีย ตอนนี้ยังไม่กลับมา” ผู้ช่วยกล่าว
ตู้หลิงเซวียนสูดควันเข้า ตามองไปที่จุดสีแดงที่กำลังเผาไหม้ “ออสเตรเลีย? นั่นไม่ใช่ฐานของหลงเซิ่งกับหลงยี่หรอกเหรอ? เขาไปที่นั่นทำไม?”
“ผมส่งคนไปตามรอบเขาแล้ว แต่พอถึงซิดนีย์ หลงเซียวก็สะบัดพวกเขาหลุดได้ เพราะงั้นเลยไม่รู้ว่าหลงเซียวไปที่ไหน คนของเราไปที่พักของหลงเซิ่งแล้ว แต่ไม่เห็นเงาคน”
ตู้หลิงเซวียนไตร่ตรอง “ไม่ง่ายขนาดนั้น ตอนนี้หลงเซียวอยากได้ตำแหน่งประธานบอร์ดบริหารของMBKมากที่สุด เขาจะต้องหาวิธีเอาหุ้นส่วนมาจากหลงเซิ่งแน่ๆ เขาไม่มีทางไม่ไปหาหลงเซิ่ง”
ผู้ช่วยก็ไม่กล้าไม่สนใจ “จริงๆ แล้วหลักการเดียวกัน พวกเราก็สามารถเอาหุ้นส่วนในมือของหลงเซิ่งมาได้ ที่เขาอยากได้มีแค่เงินเท่านั้น ให้เงินเขาไปสองเท่า เขาต้องขายแน่ๆ”
ตู้หลิงเซวียนพ่นควัน ไม่คิดสนใจ “หลงเซิ่งเป็นคนรอบคอบ เก็บหุ้นส่วนไว้เพื่อเพิ่มมูลค่าได้ พอเขาได้กอดต้นเงินแล้ว เขาจะไม่ปล่อยมือแน่ หลงเซียวก็อย่าได้คิดจะคว้าหุ้นส่วนนั้น”
“แต่ว่าหุ้นส่วนในมือของพวกเราน้อยเกินไป แม้แต่บอร์ดบริหารของMBKยังเข้าร่วมไม่ได้” ผู้ช่วยนำเอกสารหุ้นส่วนที่ซื้อมาได้ยื่นให้เขา
“ฉันรู้ แต่มีคนหนึ่งต้องใจร้อนกว่าฉันแน่”
“ประธานหมายถึงใครครับ?”
“หลินเหว่ยเย่”
……
หลินเหว่ยเย่บินจากประเทศMกลับเมืองหลวงข้ามคืน เพิ่งลงเครื่องก็ได้รับข้อความจากหลงจื๋อ
ความยากลำบากจากการบินระยะไกลหายไปทันที หลินเหว่ยเย่รู้สึกจิตใจแจ่มใส
“ลุงหลิน พวกเรามาลงรายละเอียดเรื่องการร่วมมือกัน”
พูดอย่างรวบรัด เพียงพอที่จะพิสูจน์ตำแหน่งของหลงจื๋อ คำของโฉหวั่นชิงค่อนข้างส่งผลกระทบต่อเขา เขาตามหาถูกคนแล้วจริงๆ ด้วย
“ได้ ฉันเพิ่งกลับมาจากเมืองนอก พวกเราหาที่นัดเจอกันเถอะ”
หลงจื๋อได้รับข้อความก็ต้อนที่ข้อความถูกส่งไปห้าชั่วโมงแล้ว ตอนนี้ท้องฟ้ามืดแล้ว มองจากห้องประธานของMBKลงไป ก็เห็นรถติดยาวเหยียดไปครึ่งเมือง ชีวิตกลางคืนที่วุ่นวายเปิดม่านออก
หลงจื๋อเพิ่งตระหนักรู้ว่าตัวเองทำงานอยู่ที่ออฟฟิศจนถึงตอนนี้ เพราะว่าพูดกับลูกน้องว่าไม่อนุญาตให้ใครเข้ามากวน เพราะงั้นประตูห้องเขาเลยไม่มีคนเคาะจนถึงตอนนี้
คลายไหล่ที่หนักอึ้ง หลงจื๋อก็หยิบกุญแจรถ
……
“แอนน่า มือเรื่องอยากคุยกับคุณ”
ลั่วหานเพิ่งเลิกงานกลับถึงบ้าน ก็ถูกอิสซาดึงมือไปที่ห้องนอน
แม้แต่รองเท้าลั่วหานก็ยังไม่ทันได้ถอด ตัวเธอล้มลงบนโซฟาทันที “มีเรื่องอะไรรีบร้อนขนาดนี้? คุณท้องเหรอ?”
“ฉันไม่ใช่ไส้เดือนสักหน่อย จะผลิตจำหน่ายเองได้เหรอ?” อิสซาพองแก้ม
เอาเถอะ ถือซะว่าเธอไม่ได้พูด
“พูดมาตรงๆ เถอะ ใครก่อเรื่องมา? เจมส์?”
“คนที่รับผิดชอบปกป้องโฉหวั่นชิงที่ประเทศMรายงานมาว่า มีคนจีนคนหนึ่งไปเยี่ยมเยือนเธอ ทั้งคู่คุยกันนานมาก เหมือนว่าจะมีความสัมพันธ์ที่ดี” อิสซายืดคอหงส์อย่างภาคภูมิใจ ทำหน้าเหมือนจะบอกว่าพี่สาวเก่งมาก
คนจีน? หรือว่าหลงถิงจะไปสืบสวนความในใจ?
“ใคร? ชื่ออะไร?”
“อีกฝ่ายไม่ได้บอกชื่อ”
ลั่วหานเหอะๆ “งั้นก็เท่ากับว่าไม่ได้บอกฉันใช่ไหม?”
“ฉันมีรูปนะ!” อิสซาเปิดโทรศัพท์ขึ้น ค้นหารูป
“ไม่รูปพูดล่ะ?!” ลั่วหานกลุ้มใจ
“คุณไม่ได้ถามนี่!”
“……” ดีมาก ไม่อยากคุยเกมคำศัพท์กับเพื่อนต่างชาติอีกต่อไปแล้ว
เห็นว่าคนในรูปคือหลินเหว่ยเย่ ลั่วหานมองยืนยันซ้ำอย่างสงสัย “เขา? คุณไม่ได้เอารูปให้ฉันดูผิดใช่ไหม? เขากับโฉหวั่นชิงไม่……”
เดี๋ยวก่อน เขาไม่ได้ไม่มีความสัมพันธ์ต่อกันเลย ลูกสาวของหลินเหว่ยเย่จะแต่งงานกับลูกชายของโฉหวั่นชิง พูดให้ถูกคือทั้งคู่มีความสัมพันธ์แบบครอบครัว
อิสซาฮึมฮัมอย่างภูมิใจ “เจออะไรไม่ชอบมาพากลรึยัง?”
ลั่วหานนิ่งคิดไตร่ตรอง เมื่อไปเชื่อมกับที่หลินเหว่ยเย่จู่ๆ ก็ให้หลินซีเหวินกับเสี่ยวจื๋อจดทะเบียนสมรสกันแล้ว……ก็รู้ว่าหลินเหว่ยเย่กำลังคิดอยากได้MBK
ตอนนี้หลงถิงล้มลงแล้ว หลงจื๋อยังเด็กอ่อนประสบการณ์ ในฐานะพ่อตาของหลงจื๋อ หลินเหว่ยเย่มีอำนาจในคำพูด อนาคตยังมีสิทธิ์ยื่นมือเข้าไปแทรกแซงกิจการของMBK
“ฉันเข้าใจแล้ว” ลั่วหานยัดโทรศัพท์คืนอิสซา ขาผอมเรียวหุ้มด้วยกางเกงยีนเดินอ้อมรอบโซฟาแล้วเดินออกประตูไป
เธอเคลื่อนไหวรวดเร็วมาก เร็วจนอิสซาที่เรียนศิลปะการต่อสู้ยังรู้สึกน่าเหลือเชื่อ
ลั่วหานมุ่งออกจากประตูไป อีกนิดเดียวจมูกก็เกือบจะชนกับเจมส์ ฝ่ายหลังโงนเงน “แอนน่า คุณทำอะไร? ฉันตกใจหมด”
“ฉันจะออกไปสักหน่อย” ลั่วหานเตะรองเท้าส้นสูงทิ้ง เปลี่ยนเป็นรองเท้าโลฟเฟอร์พื้นเรียบ คว้ากุญแจรถสปอร์ตเฟอร์รารี
ยังดีที่โรงจอดรถมีรถสปอร์ตจอดไว้อยู่ ตอนแรกหลงเซียวบอกห้ามไม่ให้เธอขับรถสปอร์ตอีกเด็ดขาดแล้วจะเอาเฟอร์รารีให้หลงจื๋อ แต่ว่าตอนนั้นหลงจื๋อก็เพิ่งซื้อรุ่นเดียวกันมา ก็เลยยกเลิกไป
เจมส์มาที่ประตูด้วยลมกระโชกแรง กางแขนออกบังทางลั่วหานไว้ “ฉันไปกับคุณด้วย!”
ลั่วหานมองสำรวจเข้าจากบนลงล่าง “คุณอะนะ?”
“ฉันมันทำไมล่ะ? ดึกขนาดนี้แล้ว ฉันจะตามไปปกป้องคุณด้วย!” เจมส์ทำท่าทีจริงจัง ไม่ได้รู้สึกเลยแม้แต่นิดว่าใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาพูดเรื่องอะไรพวกนี้แล้วตลกมาก
“ปกป้องฉัน? คุณมั่นใจ?” ลั่วหานฉวยเสื้อนอกตัวหนามาตัวหนึ่ง สวมไปพลางเดินออกไป
เจมส์เองก็ฉวยเสื้อโค้ตสีดำติดมือมาด้วย รีบสวมแขนเสื้ออย่างเร็ว “แน่นอน! ฉันเคยฝึกศิลปะการต่อสู้! เพื่อให้สุขภาพร่างกายแข็งแรง อาจารย์ของฉันก็เป็นคนจีน เป็นปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้ที่เก่งกาจ คุณรู้จักฮั่วหยวนเจี่ย บรูซลีรึเปล่า?”
ขี้โม้จริงๆ!
ลั่วหานมุ่งตรงไปโรงจอดรถ พอก้มตัวเข้าซูเปอร์คาร์เฟอร์รารีไป เจมส์ก็กระโดดเข้าไปในนั้นอย่างมีพละกำลัง
“เป็นไง? เชื่อรึยัง?”
“ไม่เชื่อ” ลั่วหานติดเครื่องยนต์ ซูเปอร์คาร์ขับออกจากลานของวิลล่าไปอย่างกับเสียงนกหวีด
หยวนชูเฟินตื่นตกใจเพราะเสียงนั่น ออกมาหน้าประตูก็เห็นอิสซา “ลั่วลั่วออกไปแล้วเหรอ?”
อิสซาอยากพูดความจริง แต่หยวนชูเฟินป่วยเรื้อรัง ไม่บอกเธอเหมือนเดิมดีกว่า “ใช่แล้ว เจมส์งอแงเป็นเด็กเล็ก ดึกๆ ดื่นๆ ก็จะออกไปกินมะเขือหม้อตุ๋นที่ร้านอาหารหรงเหยียนให้ได้ จนปัญญา เลยได้แต่ลำบากแอนน่าแล้วล่ะ”
หยวนชูเฟิน: “……”
……
“GOD! GOD! แอนน่าอย่าขับเร็วขนาดนี้สิ! นี่ไม่ใช่สนามแข่งรถนะ นี่มันถนนในเมือง คุณสอบผ่านใบขับขี่ของประเทศจีนแล้วไม่ใช่เหรอ! ความเร็วห้ามเกินสี่สิบ!”
“สี่สิบก็บ้าแล้ว ไม่อยากลงจากรถก็นั่งดีๆ อย่าขยับ” ลั่วหานเหยียบคันเร่ง รถพุ่งทะยานออกไป……
“อ๊า!! คุณบ้าไปแล้วๆๆ คุณจะไปที่ไหนกันแน่?”
เจมส์เป็นผู้ป่วยโรคหัวใจ ขอร้องล่ะช่วยเห็นใจเขาหน่อย
ไม่รู้ว่าความชำนาญพวกนี้ลั่วหานไปเอามาจากไหน จับพวงมาลัยมือเดียว เอาโทรศัพท์ออกมาปลดล็อกส่งให้เจมส์ “โทรหาเสี่ยวจื๋อ ถามว่าเขาอยู่ที่ไหน”
“อ้อ ได้ ฉันต้องพูดภาษาจีนหรือภาษาอังกฤษ?” เจมส์ถามอย่างกับตัวเองเป็นมืออาชีพ
“ภาษาอังกฤษ!”
ระดับภาษาจีนของเขา ลั่วหานจะคิดเอาซะว่าหลงจื๋อฟังไม่ออก
เจมส์จิตตกเล็กน้อย “โอเค”
ลั่วหานพลันใจอ่อน “เสี่ยวจื๋อเรียนที่ต่างประเทศ ภาษาจีนไม่แข็งแรง”
เจมส์กลับมามีชีวิตในพริบตา “จริงเหรอๆ งั้นโอเค ฉันพูดอังกฤษ!”
ลั่วหาน: “……”
เด็กน้อย ทำไมคุณบริสุทธิ์ขนาดนี้นะ? คุณรู้รึเปล่าว่าโลกข้างนากคนเลวเยอะขนาดไหน?
กดเบอร์โทรออกไป แต่ว่าไม่มีคนรับสาย เจมส์ลองไปสามครั้งแล้ว ครั้งแรกไม่มีคนรับ ครั้งที่สองถูกตัดสาย ครั้งที่สามปิดเครื่อง
“เวรเอ๊ย!”
ลั่วหานรู้สึกลางไม่ดี หลงจื๋อจะต้องอยู่กับหลินเหว่ยเย่แน่ๆ หลังหลินเหว่ยเย่กลับจากประเทศM ก็ไปหาเสี่ยวจื๋อทันที!
“โทรหาจางหย่ง”
เจมส์กะพริบตาปริบๆ “เขาไปต่างประเทศแล้วนี่ ตัวเขาอยู่บนเครื่อง”
ลั่วหาน: “……”
เจมส์ก็ไม่มีความผิด “แอนน่า คุณอย่าโกรธเลย ตอนคุณโกรธน่าตกใจมากนะ”
“ยังน่าตกใจได้มากกว่านี้อีก อยากเห็นไหม?” ลั่วหานรู้สึกโกรธนิดหน่อยก็จริง แต่เป็นห่วงมากกว่า พร้อมกันนั้นก็คิดถึงหลงเซียว ถ้าเกิดเขาอยู่……
“โทรหาหวังเค่ย”
“ได้!”
อารมณ์กังวลของเธอแพร่มาถึงเจมส์ ไม่มันรีรอรีบโทรไปหาหวังเค่ย
หวังเคยมองเห็นสายของลั่วหาน ก็ละกิจกรรมในมือมารับสาย “หมอฉู่ ว่าไง”
เจมส์อยากถามว่าให้ฉันพูดภาษาจีนหรืออังกฤษ ลั่วหานก็พูดขึ้นทันที “เอาโทรศัพท์มาไว้ข้างหูฉัน”
“อ๋า? โอเค!”
เจมส์เอาโทรศัพท์แนบกับหูของลั่วหาน
“หวังเค่ย คุณแฮ็กเข้าไปในGPSรถยนต์ของหลงจื๋อเดี๋ยวนี้เลย ดูว่าเขาอยู่ที่ไหน”
“โอเค รอสักครู่”
เจมส์เห็นลั่วหานกังวล ตัวเขาเองก็ไม่กล้าทำตัวสบาย ทำตัวเหมือนกำลังถ่ายหนัง มือยกอยู่อย่างนั้นไม่กล้าวางลง ตาจับจ้องไปที่ขนตาเรียวงอนและยาวของลั่วหาน ค่อยๆ มองเหม่อช้าๆ
ในภาษาอังกฤษมีศัพท์ที่บรรยายความสวยของหญิงสาวไม่หลากหลายไม่ครบถ้วน เจมส์หาคำจากกลอนของจีนมาโดยเฉพาะ เขาจำประโยคในนั้นประโยคหนึ่งได้อย่างลึกซึ้ง
เพียงชม้ายอายสรวลแสนยวนยล สาววิมลหกวังในไร้ทางสิรี
เขาไม่รู้ตำนาน แต่รู้ว่านี่คือคำชมว่าสวย
เสียงหวังเค่ยพิมพ์คีย์บอร์ดดังแต่กๆๆ อย่างรวดเร็ว ขนาดฟังผ่านคลื่นไฟฟ้าแม่เหล็กยังรู้สึกเลือดพล่าน ไม่นึกเลยว่าจะมีคนเคาะแป้นพิมพ์คอมพิวเตอร์อย่างออกรสชาติของการต่อสู้ รถถัง เครื่องบิน สนามรบอย่างนี้ ร้ายกาจจริงๆ
“ค้นเจอแล้ว เขาอยู่ที่ร้านชาลู่ถิง แต่ว่าอยู่มาครึ่งชั่วโมงแล้ว”
“เยี่ยม!”
เจมส์ยังมองเหม่อชื่นชมสาวงามล่มเมืองอยู่ ลั่วหานเหลือบตามอง “วางสายสิ!”
“อ๋า? อ้อ!”
เจมส์ควรเรียนรู้เพิ่มเติมวัฒนธรรมบนอินเทอร์เน็ตของคนจีนอีก อย่างเช่น——IQโดนหมาแดกไปแล้ว อะไรอย่างนี้