ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 922
ตอนที่ 922 ลูกเขยแต่งเข้าบ้าน ฮ่าฮ่าฮ่า
วันรุ่งขึ้น อุณหภูมิลดลงอย่างรวดเร็วและพายุไต้ฝุ่นได้พัดเข้ามาในเมืองซึ่งอยู่ห่างออกไปหลายพันไมล์ มันส่งผลกระทบต่อเมืองหลวงอย่างมาก อุณหภูมิของเมืองหลวงลดลงอย่างกะทันหันถึงสิบองศา ทำให้ฤดูหนาวที่หนาวเย็นอยู่แล้วหนาวขึ้นกว่าเดิม
แต่สภาพอากาศที่หนาวเย็นนี้ไม่ได้ส่งผลต่อความคาดหวังและความกระตือรือร้นของหลินซีเหวิน วันนี้เธอกำลังจะไปจดทะเบียนสมรส!
เธอและหลงจื๋อกำลังจะกลายเป็นคู่สามีภรรยาอย่างทางการแล้ว! มาถ่ายภาพคู่ที่งดงามที่สุดแล้วปั๊มตราสำนักกิจการพลเรือนไว้จากนั้นเธอก็จะกลายเป็นคุณนายหลงอย่างเป็นทางการ!
ตราบใดที่คิดถึงสิ่งเหล่านี้ หลินซีเหวินก็ไม่สามารถเก็บรอยยิ้มในดวงตาและมุมปากของเธอไว้ได้
“แด๊ดดี๊ หม่ามี๊ ฉันไปแล้วนะคะ! ”
หลินซีเหวินเก็บสมุดทะเบียนบ้านเข้าชั้นในของกระเป๋าของเธอ เหมือนกับโจรที่แอบขโมยมรดกตกทอดของบ้านไป
สีหน้าของหลินเหว่ยเย่ไม่ค่อยดีนัก “ทำไมออกจากบ้านแต่เช้า?”
คุณนายหลินสังเกตเห็นบางอย่างเธอจ้องมองไปที่ลูกสาวตัวน้อยของเธอ “หนูเอาอะไรไป? หนูจะไปทำอะไร?”
หลินซีเหวินทำหน้าทะเล้นแกล้งคุณแม่ “แน่นอนว่า …… ไปเที่ยวสิคะ!”
เมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อคืนที่แด๊ดดี๊และหม่ามี๊ ตักเตือนเธอให้คิดดีๆ เรื่องที่จะแต่งงานกับหลงจื๋อ หลินซีเหวินไม่อยากให้พวกเขารู้ รอให้ทุกอย่างมันเข้าที่เข้าทางแล้วค่อยว่ากันดีกว่า!
“เหวินเหวิน ตอนนี้มีเรื่องลำบากเยอะมาก ทางบริษัท ยังมีข่าวด้านลบอีกมากมายที่ต้องจัดการ หนูอย่าหาเรื่องให้แม่เดือดร้อนอีกเข้าใจไหม? ” คุณนายหลินไม่แข็งกร้าวอีกต่อไป แต่ใช้วิธีอ่อนโยนกับเธอแทน
หลินซีเหวินสัญญากับแม่อย่างเชื่อฟัง “ค่ะหม่ามี๊!”
หลินเหว่ยเย่ยังคงไม่สบายใจ “ซีเหวิน เรื่องงานแต่งงานของหนูกับหลงจื๋อไม่ต้องใจร้อนนะ หนูต้องเชื่อฟังพ่อ โอเคไหมคะ?”
“โอเคโอเค หนูไปก่อนนะคะ! ”
ครึ่งชั่วโมงต่อมาหลินซีเหวินและหลงจื๋อพบหน้ากันที่หน้าประตูสำนักกิจการพลเรือน ลมแรงมากท้องฟ้าก็ขมุกขมัวราวกับว่าฝนหรือหิมะกำลังจะตก หลินซีเหวินสวมเสื้อกันหนาวขนเป็ดยาวๆ ข้างในนั้นเป็นกระโปรงผ้าฝ้ายสีแดงคอกลม
ด้านในเสื้อกันหนาวขนเป็ดของหลงจื๋อเป็นชุดสูท เห็นปกเสื้อสูทออกมาด้านนอกเสื้อกันหนาวเล็กน้อย ทั้งสองคนมองดูการแต่งกายที่ตั้งใจของอีกฝ่ายแล้วหัวเราะออกมาดังๆ
“นี่ทะเบียนบ้านของฉัน! ”
หลงจื๋อหยิบของตัวเองออกมาแล้วยื่นให้เธอ “นี่ของผม”
หลินซีเหวินเอาสมุดทะเบียนบ้านทั้งสองเล่มไว้ด้วยกัน และสูดจมูก “ว้าว ข้างนอกหนาวมาก เราเข้าไปกันเถอะ!”
หลงจื๋อพยักหน้า “นี่เป็นสัญญาก่อนสมรสของเราสองคน ผมเขียนตามคำร้องของคุณ ทนายรับรองเรียบร้อยแล้ว คุณลองเช็กดูอีกรอบสิ”
ทั้งสองเข้าไปในล็อบบี้ของสำนักกิจการพลเรือน หลินซีเหวินเปิดสัญญามาแล้วอ่านไปหนึ่งรอบ “อืม ไม่มีปัญหาอะไรแล้ว เซ็นชื่อ! ”
หลงจื๋อรู้สึกซึ้งใจไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดี เขามองดูมือของเธอที่กำลังตั้งใจเซ็นชื่อลงบนสัญญา
“ซีเหวินแต่งงานกับผมมันลำบากคุณหน่อยนะ”
“เอาแต่พูดจาไร้สาระ! แต่งงานกับประธานของMBK ยังเรียกว่าลำบากอีกหรือ? ถ้าอย่างงั้นผู้หญิงธรรมดาๆ เขาจะยังได้แต่งงานกันอยู่ไหม? นายอย่างหาเรื่องได้ไหม? ” หลินซีเหวินเซ็นสัญญาเสร็จแล้วก็ยื่นสัญญาให้หลงจื๋อ
หลงจื๋อยิ้มออกมาอย่างโง่ ๆ “อื้ม ก็ถูกอย่างที่คุณพูด! ถึงยังไงอย่างน้อยผมเป็นถึงประธานของMBK เลยนะ”
“เจ้าโง่!”
หลังจากทำตามขั้นตอนต่างๆ จนเสร็จ ทั้งคู่นั่งอยู่หน้ากล้องคนหนึ่งใส่กระโปรงสีแดงสด อีกคนใส่ชุดสูทสีดำผูกกับเนกไทลายทางสีแดงเข้ม นี่มันชุดคู่รักกันชัดๆ
ทั้งสองหันหน้าเข้าหากล้องแล้วทำหน้าทะเล้น ภาพถ่ายถูกบันทึกสำเร็จ
ไม่นานสมุดทะเบียนสมรสก็ทำเสร็จ คนละหนึ่งเล่มเป็นสีแดงสดใสที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหมายดีๆ ทั้งคู่เป็นกิ่งทองใบหยก บนทะเบียนสมรสนั้นเขียนชื่อผู้สมรส วันจดทะเบียนไว้ ทุกอย่างราวกับความฝัน เขาทั้งสองคนกลายเป็นครอบครัวเดียวกันอย่างมหัศจรรย์
“หลงจื๋อ ต่อไปนี้คุณเป็นสามีของฉันแล้วนะ มีความสุขไหม? ตื่นเต้นไหม?” หลินซีเหวินถือทะเบียนสมรสไว้แล้วจูบมัน เธอกอดหลงจื๋อไว้แล้วเขย่งเท้าไปจุ๊บที่คางของเขา
หลงจื๋อรู้สึกตื่นเต้นจนไม่รู้จะใช้คำพูดไหนมาอธิบาย เขากลายเป็นที่พึ่งพาใครสักคนไปแล้ว กลายเป็นสามีของเธอไปแล้ว ความเปลี่ยนแปลงของสถานะนั้นดีมากจนไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้ ความรู้สึกของความสุขเหมือนกับน้ำพุอุ่นๆ ที่ทำให้หัวใจของเขาอบอุ่นไปด้วย
“ดีใจครับ ตื่นเต้นครับ! ”
หลินซีเหวินดูทะเบียนสมรสอย่างถี่ถ้วนไปหลาย ๆ ครั้ง และมองหน้าเขาด้วยดวงตาที่แดงๆ “เรียกคำว่าภรรยาให้ฟังหน่อยสิ”
หลงจื๋อรู้สึกเขิน ปกติเขาเรียกเธอว่าภรรยาออกมาอย่าง่ายๆอยู่บ่อยๆอยู่แล้ว แต่วันนี้กลับเขินที่จะเรียกมันออกมา “คุณภ…..ภรรยา”
หลินซีเหวินหัวเราะออกมา “ไปกันเถอะ เราไปฉลองกัน!”
หลงจื๋อตะลึง “จะไปไหน?”
“ดินแดนสุดขอบฟ้า ไปไหม? ”
“ไปสิ! ”
เมื่อเดินออกจากประตูสำนักกิจการพลเรือนมา ข้างนอกมีเกล็ดหิมะเปราะบางลอยอยู่ หิมะเล็กๆ ที่ละเอียดจนมีขนาดเท่าผงลอยมาอยู่บนศีรษะและลำตัวจนทำให้ผมสีดำกลายเป็นสีขาว
หลินซีเหวินยืนอยู่กลางหิมะ รองเท้าบูตมาร์ตินของเธอปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาว “หลงจื๋อ เขาว่ากันว่าถ้าเราจับมือเดินในวันที่หิมะตก เราจะรักกันไปจนแก่เฒ่า”
หลงจื๋อโอบกอดเธอด้วยความซึ้งใจ แล้วจูบไปที่จมูกแดงๆเนื่องจากอากาศหนาวของเธอ “ครับ ใช่แล้วเราสองคนจะรักกันจนแก่เฒ่าอย่างแน่นอน”
หลินซีเหวินถ่ายรูปทะเบียนสมรสของทั้งคู่ไว้ แล้วส่งไปที่ข้อความส่วนตัวของลั่วหาน
“พี่สาวลั่วคะ วิลล่าที่คุยกันไว้อย่าลืมนะคะ!”
หลงจื๋อ “…….วิลล่า?”
“ใช่ พี่สาวลั่วบอกว่าจะให้ของขวัญงานแต่งงานของเราสองคนเป็นวิลล่าหนึ่งหลัง” หลินซีเหวินเป่าหิมะที่ปกคลุมบนทะเบียนสมรสออกไป แล้วเก็บเข้ากระเป๋าอย่างดี และเบะปากขึ้นมาอย่างภูมิใจ
หลงจื๋อคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ “สักครู่นะ”
เขาเองก็ถ่ายรูปทะเบียนสมรสไปเช่นกัน แล้วเขาก็ส่งไปที่ข้อความส่วนตัวของหลงเซียว
“พี่ใหญ่ครับ ขอของขวัญด้วยครับ ขอชิ้นที่ดีกว่าของพี่สะใภ้นะครับ”
“ฮ่าฮ่าฮ่า!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า!”
ณ รีสอร์ทหยีจิ่ง
ลั่วหานและหลงเซียวมองหน้ากัน……….
“จดทะเบียนสมรสกันแล้วหรือ?” ลั่วหานคิดว่าสิ่งที่ตัวเองเห็นเป็นรูปภาพตัดต่อ
หลงเซียวพยักหน้าตอบรับ “เรื่องจริงครับ วันนี้เสี่ยวจื๋อเขาสองคนไปจดทะเบียนสมรสกัน”
“……….” ลั่วหานไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดี
แต่เธออวยพรเขาสองคนจากใจจริง
“จริงๆ แล้วสองสามีภรรยาหลินเหว่ยเย่ไม่เห็นด้วยที่เขาสองคนคบหากันนะ แต่หลินซีเหวินยืนยันจะแต่งงานกับหลงจื๋อ เขาสองคนเซ็นสัญญาก่อนแต่งงานกันเรียบร้อยแล้ว เสี่ยวจื๋อให้ทนายของผมรับรองให้” หลงเซียวยิ้มออกมาอย่างอบอุ่น
ลั่วหานไม่รู้เรื่องอะไรเลย “สัญญาอะไรคะ?”
“หลินซีเหวินกลัวว่าวันข้างหน้าพ่อแม่ของเธอจะข่มขู่เขา เธอก็เลยเขียนบนสัญญาอย่างชัดเจนว่า ไม่ว่าจะหย่ากันด้วยสาเหตุใด ทรัพย์สินที่อยู่ภายใต้ชื่อของเธอจะชดเชยให้กับเสี่ยวจื๋อทั้งหมด ถ้าหากว่ามีฝ่ายที่สามพยายามใช้วิธีทางการธุรกิจบังคับให้หลงจื๋อรับผิดชอบเรื่องหนี้สิน เธอจะชดใช้ให้กับเขาเป็นสองเท่า เธอใช้วิธีนี้เพื่อปราบหลินเหว่ยเย่ที่เจ้าเล่ห์นั่นแหละ หลินซีเหวินฉลาดกว่าที่คุณและผมคิดไว้เสียอีก”
“พระเจ้า เจ้าหนูคนนี้เล่ห์กลเยอะจัง! คุณสามีคะ ต่อไปเราเป็นพี่น้องสะใภ้กัน ฉันกดดันมากเลยนะ” ลั่วหานเอาข้อความของหลินซีเหวินให้หลงเซียวดู
เพิ่งจะจดทะเบียนสมรสเสร็จก็มาขอของขวัญจากฉันแล้ว เจ้าหนูคนนี้ฉลาดคิดจริงๆ
หลงเซียวเอาโทรศัพท์ของตัวเองให้ลั่วหาน “หึหึ สมกับที่เป็นสามีภรรยากันจริงๆ”
ลั่วหาน “………”
เสี่ยวจื๋อได้รับผลกระทบไม่ดีจากหลินซีเหวินเร็วขนาดนี้เลยหรือ? ไม่เกาะพ่อแม่ แต่เกาะพี่ชายและพี่สะใภ้แทน!
หิมะตกหนักมาก ไม่นานด้านนอกก็ขาวไปหมด ต้นไม้เขียวขจีของสวนในบ้านนั้นได้ใส่เสื้อผ้าสีขาวที่สวยงาม ต้นไม้สีเขียวที่โผล่ออกมาด้านล่างราวกับขนมไส้มัทฉะที่อยู่ตรงกลางระหว่างวิปปิ้งครีมระดับไฮเอนด์
เจมส์ตื่นเต้นจนกระโดดขึ้นลง “หิมะตกแล้ว หิมะตกแล้ว อ๊าๆ! หิมะจริงๆ ด้วย”
อิสซามองบนด้วยสายตาที่ดูถูก “ตื่นเต้นอะไรกัน ไม่ใช่ว่าไม่เคยเจอหิมะสักหน่อย ไปสวิตเซอร์แลนด์ทุกปี ยังดูไม่พออีกเหรอ?”
“มันไม่เหมือนกัน! ที่นี่คือเมืองหลวง! เป็นบ้านของแอนน่า!” เจมส์พูดแก้ไขอย่างเคร่งขรึม
อิสซาแพ้ให้กับเขาแล้ว “แล้วแต่คุณละกัน ฉันไม่ชอบเลยสักนิด”
หิมะตก แผนการของเธอก็ต้องผลัดไปอีก
“ทำไมล่ะ?” ดวงตาสีฟ้าของเจมส์มองเธอด้วยสายตาคาดหวัง
“เพราะว่าเครื่องบินไม่สามารถบินได้” อิสซายักไหล่
เจมส์ไม่เข้าใจ “คุณจะไปไหน?”
“อิตาลีไง” อิสซาตอบตามตรงอย่างตั้งใจ
หลงเซียวได้ยินเช่นนี้ เขาก็เลิกคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย อิสซาจะไปอิตาลี? อาหย่งก็อยู่ที่นั่น…..
“คุณไปทำอะไรที่นั่น? ซื้อเสื้อผ้า? เครื่องประดับ?” ความเข้าใจที่เจมส์มีต่ออิตาลีมันไร้เดียงสาเกินไป!
อิสซาไม่อยากอธิบายให้เขาฟังมากเกินไป “ประมาณนั้น”
“แล้วแต่คุณเลย ผมจะไปเล่นหิมะกับAngel!” เจมส์เดินไปกระโดดไป จะไปทำลายฝันอันแสนหวานของชูชูแล้ว
หลงเซียวหันหลังไปหยิบกุญแจรถแต่ไม่ได้รีบออกจากบ้านไป “คุณไปอิตาลีเพื่อไปหาอาหย่งใช่ไหม?”
เขาดูเธอออกส่วนอิสซาก็ไม่ได้ปิดบัง เธอพยักหน้าทันที “ประเทศจีนน่าเบื่อเกินไป ฉันเองก็ต้องหาอะไรสนุกๆ เล่นบ้าง! ”
หลงเซียวชี้แนะเธออย่างอ้อมค้อมว่า “อาหย่งไปที่นั่นไม่ได้ไปเที่ยว มันไม่ได้สบายอย่างที่คุณคิด”
ริมฝีปากสีแดงของอิสซาก็ยิ้มขึ้นมาราวกับสุนัขจิ้งจอกจอมเจ้าเล่ห์ “คุณคิดว่าฉันอ่อนแอนักเหรอ? อิตาลีเป็นยังไงฉันรู้ดีคุณไม่จำเป็นต้องมาบอกฉัน”
หลงเซียวยิ้มแต่ไม่พูดอะไร
เมื่อเห็นว่าเขากำลังจะออกจากบ้านไป อิสซาก็พูดขึ้นมาจากด้านหลังว่า “หลงเซียวคุณโกหกฉัน ที่จริงแล้วสิ่งที่เควินพูดคือความจริงใช่ไหม? ”
สายตาของหลงเซียวมองออกไปที่ห่างไกล มองผ่านหิมะสีขาวและมองขึ้นไปบนท้องฟ้า ร่างกายของเขาไม่ได้ขยับ “แล้วยังไงต่อ?”
“แม้ว่าคุณจะโกหกฉันแต่ฉันก็เต็มใจที่จะเชื่อคุณ” อิสซาพูดอย่างขี้เล่น
“หื้ม? ” หลงเซียวไม่รีบร้อนเขารอคำตอบของเธออย่างใจเย็น
ตัวอิสซาเองก็ค่อนข้างสับสนในตัวเอง เธอยักไหล่แล้วกล่าวว่า “คุณสามารถทำให้ไอ้เจ้าโง่จางหย่งเต็มใจทำงานให้คุณได้ นั่นแสดงว่าคุณเป็นคนที่มีบุคลิกน่าดึงดูดและน่าเชื่อถือมาก บางทีคุณอาจมีเหตุผลที่ทำเช่นนี้ หรือคุณอาจจะมีปัญหาที่คุณไม่สามารถพูดออกมาได้ แต่ไม่ว่ายังไงในเมื่อคุณสามารถพิชิตใจของผู้คนได้แสดงว่าคุณไม่อ่อนแอ ฉันชื่นชมคุณ ”
หลงเซียวไม่ได้หันหน้ากลับไป เมืองหลวงที่ปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาวดูสว่างขึ้นมาทันตา
“ขอบคุณครับ”
…….
“บอสครับ สภาพร่างกายหลงถิงในตอนนี้ไม่สามารถขึ้นศาลได้ตามเวลากำหนด ศาลได้เลื่อนเวลาในการพิจารณาคดีออกไปแล้ว พวกเราสามารถรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติมได้อีก แต่ว่าข่าวนี้ได้แพร่กระจายออกไปแล้ว และหุ้นของMBK จะต้องร่วงลงมาอีกอย่างแน่นอน ”
จี้ตงหมิงรายงานไปอย่างกังวลใจ
“ไม่เป็นไร ราคาหุ้นขึ้นลงเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว สิ่งที่ทำให้ไม่สบายใจไม่ใช่ตัวหุ้น แต่เป็นการตัดสินใจของผู้นำบริษัทและพวกเขาอยู่ในสถานะอะไร แล้วจะใช้แผนฉุกเฉินอะไรในการแก้ปัญหา ในเมื่อฉันดำรงในตำแหน่งนี้ ฉันก็มั่นใจว่าสามารถทำให้ผู้ถือหุ้นรอต่อไปอย่างไม่กังวลใจได้”
หลงเซียวตรวจดูเอกสารงานที่สะสมเป็นเนินภูเขาต่อไป
ทันใดนั้นจี้ตงหมิงก็กระจ่างขึ้นมาทันที”ใช่แล้วครับ บอสครับบอสมองได้ก้าวไกลจริงๆ! ”
“อาหย่งมีข่าวอะไรบ้างไหม? ” หลงเซียวถามขึ้นมาอย่างกะทันหัน
หลังจากที่จางหย่งเดินทางไปอิตาลีเพียงลำพังแล้วเขาก็ไม่มีข่าวคราวใดๆ เลย
จี้ตงหมิงส่ายหัว “ไม่มีครับ เขาไม่ได้ติดต่อผมมาเหมือนกัน แต่ไม่มีข่าวก็ถือเป็นข่าวดีแล้วนะครับ”
หลงเซียวครุ่นคิด “อิสซากำลังจะไปอิตาลี ดูเหมือนเธอรู้ว่าอาหย่งกำลังจะทำอะไร”
จี้ตงหมิงอ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจอยู่นานโดยไม่ได้พูดอะไรเลย “เธอ … เธอ … เธอรู้ได้อย่างไรครับ? ”
หลังจากที่หลงเซียวเซ็นชื่อลงเอกสารเสร็จเรียบร้อย เขาก็ยื่นไปให้เขา “อิสซาเคยสืบอาหย่งมาก่อน แถมยังสืบอย่างละเอียดเสียด้วย คงจะสืบไปทั้งสามชั่วโคตรบนและล่างของเขาแล้ว”
“สามชั่วโคตรบนยังพอเข้าใจได้ แต่อาหย่งไม่มีสามชั่วโคตรล่างนะครับ? พ่อแม่ของเขาเสียไปแล้ว ตอนนี้ทั้งตระกูลเหลือเขาแค่คนเดียว “ดูเหมือนว่าจี้ตงหมิงจะโฟกัสผิดจุดนะ
หลงเซียวยิ้มอ่อนดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความชาญฉลาดเช่นผู้รู้ทุกอย่าง “สืบเรื่องลูกหลานของอาหย่ง ตัวอย่างเช่นลูกหลานของอาหย่งจะเป็นยีนที่แข็งแกร่งรึเปล่า และไอคิวของเด็กที่เกิดมาจะเป็นยังไง”
“… ผม … ไม่ค่อยเข้าใจครับ” ความคิดของจี้ตงหมิงไม่ได้ก้าวไกลขนาดนั้นและเขาไม่รู้จริงๆ ว่ามันมีความเกี่ยวข้องกันยังไง
“อิสซาชอบเขาเข้าแล้ว ถ้าพูดตรงๆก็ถือว่าเป็นความรักแหละ คนที่เธอจะแต่งงานด้วยในอนาคตแน่นอนว่าเธอต้องรู้จักเขาให้ทั่วถึงก่อน”
“รัก … เธอหลงรักอาหย่งเหรอ? อิสซาเป็นสมาชิกราชวงศ์นะ! อนาคตเขาจะมีความสัมพันธ์กับราชวงศ์เหรอ! โอ้แม่เจ้า อาหย่งช่างสุดยอดเหลือเชื่อจริงๆ! ”
จี้ตงหมิงไม่สามารถสงบอารมณ์ตัวเองต่อไปได้ แค่เขาคิดถึงภาพนั้นก็ตื่นเต้นมากแล้ว”เดี๋ยวก่อนนะ เพราะฉะนั้น อาหย่งจะต้องแต่งเข้าตระกูลเธอไปเป็นลูกเขยแต่งเข้าบ้านใช่ไหม? ”
หลงเซียว: “… ”
จี้ตงหมิงหัวเราะเสียงดังออกมา “แน่นอนอยู่แล้ว! เป็นชายแต่งเข้าบ้านหญิง ฮ่าฮ่าฮ่า! “(ผู้ชาย/ลูกเขยที่แต่งงานเข้าบ้านฝ่ายหญิง)