ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 924
ตอนที่ 924 ความคุ้นเคยที่มีต่อลูกชายที่คลาดกันมาหลายปี
ผู้จัดการได้รายงานเรื่องที่ลั่วหานจำนำเครื่องประดับส่วนตัวให้หลงเซียวฟังอย่างละเอียด
ตอนรายงานจบเขาพูดมาย่างสุภาพว่า “ท่านเซียว ราคารวมของเครื่องประดับที่คุณหญิงนำมาจำนำไว้ที่นี่คือห้าสิบล้านหยวน … แต่คุณสามารถมั่นใจได้ว่าทางเราจะส่งมอบของให้กับคุณโดยไม่แตะต้องมันเลยครับ”
ทุกคนในแวดวงธุรกิจต่างก็รู้ดีว่าการให้ของขวัญทั้งทางตรงและทางอ้อมนั้นมีกลต่างๆ ซ่อนอยู่
ถ้าเป็นพวกโรงรับจำนำละก็จะเป็นไปในทางตรงกันข้าม
จะมอบของให้หลงเซียวโดยที่ไม่แตะต้องเลย ก็เท่ากับมอบเงินสด 50 ล้านเป็นของขวัญให้กับเขา
มันเป็นเงินจำนวนไม่น้อย
ยอมจ่ายเงินมหาศาลเพื่อเอาใจเขา แน่นอนว่าต้องมีการแลกเปลี่ยนที่มีผลประโยชน์มากกว่าห้าสิบล้านหยวนหลายเท่าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้อยู่แล้ว
หลงเซียวแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจ “ฉันจะให้คนไถ่ของกลับมา ไม่ต้องลำบากให้ผู้จัดการจ้าวเดินทางมากเองก็ได้ครับ”
จ้าวไห่เซิงพยายามจะเอาใจเขา “จะทำแบบนั้นได้อย่างไรล่ะครับ? ผมต้องเอาของไปให้คุณกับมือของผมเองผมถึงจะสบายใจ นี่เป็นสิ่งของส่วนตัวเองคุณหญิงนะครับ ผมต้องรับรองว่ามันจะไม่เกิดข้อผิดพลาดใดๆ ผมไม่ไว้วางใจคนอื่น เพราะฉะนั้นผมต้องไปด้วยตัวเองครับ
ท่านเซียวครับ พวกเราต่างก็ทำธุรกิจเช่นกัน ผมเองก็ขอพูดอย่างตรงไปตรงมานะครับ อย่างที่เขาว่ากันนั้น ถ้าไม่มีผลประโยชน์ก็คงไม่พยายามขนาดนี้ ที่จริงแล้วผมมีเรื่องเล็กน้อยอยากจะขอความช่วยเหลือจากคุณครับ”
จ้าวไห่เซิงเปิดโรงรับจำนำมาหลายปีแล้ว และมีของสะสมมากมาย แต่ถ้าเขาต้องการสร้างความสัมพันธ์โดยตรงกับบุคคลอย่างหลงเซียวล่ะก็ มันยากยิ่งกว่าบินขึ้นฟ้าเสียอีก
วันนี้ภรรยาของหลงเซียวมาหาเขาถึงที่ เท่ากับว่าเธอให้บัตรที่สามารถก้าวเข้าไปในสังคมของหลงเซียวแล้ว เขาต้องจับหลงเซียวไว้ให้ได้ แล้วใช้ความสามารถของเขาเพื่อยืนขึ้นในวงการนี้ให้ได้ โรงรับจำนำและร้านสะสมโบราณของตระกูลหลินนั้นเป็นร้านชั้นนำในเมืองหลวง อดีตที่ผ่านมาตระกูลหลินแข็งแกร่งมาก เป็นการเป็นอยู่ที่เหมือนกับปี่เซียะ คุณหญิงหลินดูแลตระกูล หลินเหว่ยเย่ดูเหมือนว่าจะลอยนวลไม่ทำอะไรแต่ที่จริงแล้วเล่ห์เหลี่ยมเขาเยอะมาก
ถ้าหากคนนอกต้องการเข้ามาแทรกแซงธุรกิจของสะสมก็จะต้องลดตัวลงต่อหน้าตระกูลหลิน ตอนนี้มีข่าวออกมาว่าตระกูลหลินมีวิกฤติด้านการเงินภายใน ซึ่งมันเป็นโอกาสดีที่พวกเขาจะได้แทรกแซงเข้าไปและเป็นใหญ่ในวงการนี้
แม้ว่าต้องเสียเงิน 50 ล้านไปอย่างเจ็บปวด แต่ตราบใดที่เขาเก็บส่วนแบ่งทางการตลาดของตระกูลหลินมาได้ การที่จะเอาเงินทุนคืนกลับมามันใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้นเอง!
จ้าวไห่เซิงตัดสินใจเรียบร้อยแล้ว เขาเตรียมการมาอย่างเต็มที่ ความรุ่งเรืองของตระกูลหลินกำลังจะสิ้นสุดลง
โรงจำนำว่านเหา?
นิ้วของหลงเซียวจิ้มไปที่มุมโต๊ะเรื่อยๆ
เขาเคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน
ว่านเหาเริ่มต้นจากการเป็นนักสะสมของเก่า ต่อมาตระกูลหลินก็กวาดล้างตลาดไปจนหมด บริษัท เล็ก ๆ หลายแห่งถูกซื้อกิจการไปบ้างล้มละลายไปบ้าง มีบางเจ้าเปลี่ยนไปเป็นโรงรับจำนำ ระดับของมันร่วงลงมาเยอะมาก แต่หลายปีที่ผ่านมานี้ตระกูลหลินทำเงินได้เยอะมากและอยู่อย่างเงียบๆ ภายนอกนั้นดูถ่อมตนอย่างมาก แต่จริงๆ แล้วเขากินตลาดนี้ไป 90% แล้ว
หลินเหว่ยเย่เชี่ยวชาญช่องทางการค้า การตลาด การจัดหาสินค้า การขายและการถ่ายโอนกำไรทั้งหมดในนี้เข้ากระเป๋าของบริษัทหลินซื่อไปทั้งหมด
จ้าวไห่เซิง… อิจฉาตาร้อนอย่างมาก
“ถ้าอย่างงั้น … ก็รบกวนผู้จัดการจ้าวด้วยนะครับ”
หลงเซียวตอบตกลง
“ไม่รบกวนครับ! ท่านเซียวท่านยุ่งก่อนได้เลยครับ”
สำหรับจ้าวไห่เซิงแล้วนี่เป็นสัญญาณของการได้รับชัยชนะตั้งแต่การต่อสู้ครั้งแรก!
ดูเหมือนว่าสิ่งที่หลงเซียวทำ……ไม่ค่อยดีต่อหลินเหว่ยเย่มากนัก!
สิ่งที่ข่าวพูดออกมานั้นไม่ได้ไร้เหตุผล หลินเหว่ยเย่อยากจะใช้การเงินของMBK เพื่อปกปิดช่องโหว่ของบริษัท แสดงว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง
จ้าวไห่เซิงวางโทรศัพท์ลง แล้วมีแผนบางอย่างในใจ
……………
ลั่วหานมีเช็คห้าสิบล้านอยู่ในกระเป๋า เธอรู้สึกไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่ แม้ว่าเงินในธนาคารจะไม่น้อย แต่มันต่างจากเช็คไปเยอะมาก
เธอมักจะเอามือไปแตะกระเป๋าโดยไม่รู้ตัว และยังกลัวว่าคนรอบข้างจะมองไปที่กระเป๋าแล้วรู้สึกสงสัย
ลั่วหานกำลังดูถูกตัวเองอยู่ในใจอย่างแรง แหม่มเป็นถึงภรรยาของท่านประธาน MBK แต่กลับกระวนกระวายมากเพราะเงินเพียง 50 ล้าน เธอมันไม่ได้เรื่องจริงๆ!
ลั่วหานคิดไปเยาะเย้ยตัวเองไป แล้วเธอก็มาถึงที่รีสอร์ทหยีจิ่ง
หลังจากที่อิสซาจากไป เจมส์ก็ใช้ชีวิตอย่างมีระเบียบทุกวัน ตอนเช้าเขาไปเดินเล่นกับฟู้กุ้ย ตอนกลางวันก็นอนเป็นเพื่อนชูชู ตอนเย็นพาฟู้กุ้ยไปเดินเล่น เวลาว่างระหว่างวันนั้นล้วนใช้ในการเรียนรู้ภาษาจีนและวัฒนธรรมจีน เขากลายเป็นคนละคนไปแล้วไม่เหมือนกับเจ้าชายที่เย่อหยิ่งคนเดิมในตอนแรก
ตอนแรกลั่วหานไม่ค่อยชินกับการที่อยู่ดีๆ เจมส์ก็กลายเป็นคนที่นิ่งเงียบแล้วเป็นคนดี แต่ผ่านไปหลายวันเธอเห็นว่าเขายังคงพยายาม เธอเองก็ยอมรับเขาแล้ว
เจมส์กำลังอ่านหนังสือภาษาจีนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่สองที่ไม่รู้ว่าเขาได้มาจากไหนอยู่ เขาตะโกนขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ยืดยาว “หน้าเตียงแสงจันทร์กระจ่าง ประดุจว่าน้ำค้างแข็งบนพื้นดิน เงยหน้ามองดูจันทร์สว่าง ก้มหน้าลงคะนึงถึงบ้านเกิด! ”
เขารู้สึกว่าตัวเองอ่านได้ดีมาก คนใช้และแม่บ้านฟังแล้วรู้สึกปวดหัวเป็นอย่างมาก พวกเขาพูดภาษาจีนมาหลายสิบปี สำเนียงของพวกเขาเกือบจะเพี้ยนไปตามเจมส์แล้ว เพี้ยนกลับไปถึงเกาะชวาเลยทีเดียว
สิ่งที่ยังคงเหมือนเดิมคือตราบใดที่เขาเห็นลั่วหานกลับมา เจมส์จะกลายเป็นม้าที่หลุดจากคอกออกไป วิ่งเข้าไปทักทายอย่างมีความสุข “แอนน่า แอนน่าวันนี้คุณไม่ได้ทำOTเหรอ! ”
ลั่วหานมีความรู้สึกสับสนที่แปลกและโรคจิตนิดหน่อยเกินขึ้น เหมือนว่าเจมส์เป็นลูกชายที่คลาดกันไปหลายปีของเธอ
วันนี้ลั่วหานไม่ได้ยื่นกระเป๋าให้เจมส์ แต่ถือไว้ในมือของตัวเอง “วันนี้ไม่ได้ทำOT นายฝึกกลอนได้กี่บทแล้ว? กลอนที่ท่องเมื่อวานก็เป็นกลอน “ความคิดคำนึงในคืนเงียบสงบ” วันนี้ยังเป็นกลอนเดิมอีกเหรอ? ในเมื่อคุณคิดถึงบ้านขนาดนี้ กลับไปที่ประเทศMไม่ดีเหรอ! ”
เจมส์เถียงด้วยเหตุผล “ไม่ไม่ วันนี้ผมท่องได้แล้วจริงๆ เดี๋ยวผมฉันจะท่องให้คุณฟัง”
ลั่วหานนึกถึงสำเนียงการออกเสียงเมื่อสักครู่นี้ …
“ไม่เป็นไรดีกว่า ฉันเชื่อนาย นายท่องได้ดีมาก เปลี่ยนไปท่องกลอนใหม่ได้แล้ว” ลั่วหานก้าวขึ้นบันไดไปอย่างเร็วแล้วเข้าบ้านไป ถอดรองเท้าออก บนชั้นวางรองเท้าไม่มีรองเท้าหนังสีดำที่หลงเซียวสวมตอนที่เขากำลังออกจากบ้านไป เขายังไม่กลับมา
บนชั้นวางรองเท้าที่ถูกอิสซาทำลายไว้ ตอนนี้กลับมาสะอาดเช่นเคยแล้ว คนรับใช้เอารองเท้าหมุด รองเท้าบูทที่ประดับไปด้วยเพชรของเธอไปเก็บทั้งหมด
เจมส์ถือหนังสือเรียนของเด็กประถมไปอย่างภูมิใจ ราวกับว่าตัวเองได้ทำอะไรที่ยอดเยี่ยมลงไป “แอนน่า ผมเรียนเก่งขนาดนี้ คุณทำอาหารให้ผมทานสักมื้อนะ มาตรฐานของผมไม่ได้สูงมาก ผมขอแค่ทำเนื้อสันนอกตุ๋นมันฝรั่ง แล้วก็เนื้อแกะตุ๋นให้ผมกิน อืมอื้มอืม … ถ้ามีซุปซี่โครงหมูตุ๋นฟักด้วยล่ะก็…..มันจะดีมาก! ”
ความฝันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเจมส์ในทุกๆ วันคือการที่ลั่วหานทำอาหารให้เขาทาน ส่วนความผิดหวังที่มากที่สุดก็คือหลังจากนั้นมาเธอก็ไม่เข้าครัวทำอาหารอีกเลย!
ลั่วหานมองดูเจมส์ ดวงตาที่ใสสะอาดของเธอเข้าใจทุกอย่างในทันที “เมื่อสักครู่นี้ที่คุณท่องบทกวีเพื่อให้ฉันทำอาหารให้ทานสักมื้อเท่านั้นหรือ? ”
แน่นอนว่าให้ตายยังไงเจมส์ก็ไม่ยอมรับ ” ผมไม่ใช่คนเหลาะแหละสักหน่อย”
ผมเนี่ยเป็นถึง…… เจ้าชายเลยนะ!
ลั่วหานยักไหล่ “ถ้าอย่างงั้นก็แล้วไป ถ้าเกิดว่าเป็นรางวัลสำหรับการท่องจำบทกวี ฉันลงมือทำอาหารให้ทานได้ แต่ … ”
“ใช่ใช่ ถือว่ารางวัล! แอนน่า แอนน่าคุณตกลงแล้วใช่ไหม?! ” ใบหน้าอันหล่อเหลาของเจมส์เมื่อยิ้มขึ้นมานี่นับว่าเป็นสามีแห่งชาติได้เลย หน้าเขานุ่มนิ่มซะจนสามารถบีบคอลลาเจนออกมาได้
ไม่เหลาะแหละงั้นเหรอ? หึหึ
ลั่วหานใจอ่อนขึ้นมา “ได้”
ที่บ้านไม่มีเนื้อสันนอกและเนื้อแกะ คนรับใช้กำลังจะออกไปซื้อแต่โดนเจมส์ห้ามไว้ก่อน
“แอนน่า การทำอาหารคุณต้องทำเองทุกอย่างตั้งแต่จัดหาวัตถุดิบไปจนถึงลงมือทำด้วยตัวเอง วัตถุดิบที่พวกเขาเลือกมาผมไม่ไว้วางใจ ผมไปซื้อผักเป็นเพื่อนกับคุณได้ไหม? ” ดวงตาสีฟ้ากลมโตของเจมส์กระพริบอย่างจริงใจ
ลั่วหานหัวเราะหึหึ “ถ้าอย่างนั้นฉันจะต้องเปิดฟาร์มเลี้ยงวัวเลี้ยงแกะเลี้ยงหมู แล้วเปิดฟาร์มอีกหนึ่งแห่งเพื่อปลูกมันฝรั่งแครอทและมะเขือเทศด้วยใช่ไหม? ”
เจมส์พยักหน้าอย่างเคร่งเครียดและจริงจังเป็นอย่างมาก “ใช่แล้ว! ทำไมผมคิดไม่ถึงเลย! แอนน่าคุณพูดถูก เราต้องเลี้ยงไก่เป็ดและห่านอีกด้วย อื้ม เราจะได้กินไข่เป็ดและไข่ไก่และเนื้อเป็ดเนื้อไก่ที่สดๆ ………. ไม่ไม่ ต้องมีบ่อเลี้ยงปลาอีกหนึ่งบ่อ! เลี้ยงปลาดาบเงิน! ”
ลั่วหานเอามือกอดอกไว้แล้วพิงอยู่ตรงประตู เธอกัดไปที่มุมปากล่างซ้าย และเสียงที่แหบและหยาบดังออกจากลำคอของเธอ “คุณยังจะกินข้าวเย็นอยู่หรือเปล่า?”
เจมส์กำลังคิดภาพพิมพ์เขียวให้ตัวเอง ทันใดนั้นเขาก็ห้วนคิดกลับมาได้ “กินสิกินสิ! เราไปซื้อผักที่ซูเปอร์มาร์เก็ตกันเถอะ! ”
ลั่วหานเป็นคนขับรถ เจมส์นั่งอยู่ตรงที่นั่งข้างคนขับ ความเร็วของรถคงที่มาก
เจมส์มีรู้สึกกลัวเล็กน้อย “แอนน่า คุณเคยขับรถแข่งจริงๆ หรือ?”
“คุณอยากลองอีกครั้งเหรอ? ” ลั่วหานเหล่มองเขา
เจมส์ส่ายหัวรัวๆ “ผมแค่สงสัยว่า ช่วงเวลาสองปีที่ผ่านมาที่คุณอยู่ในสหรัฐอเมริกา คุณใช้ชีวิตอย่างไร? ทำไมคุณถึงได้ฝึกอะไรเยอะแยะมากมาย? ทั้งการแพทย์ ภาษา การแข่งรถและทำธุรกิจ”
ลั่วหานเหลือบมองเขา “อยากรู้หรือ? ”
“ใช่! ผมอยากฝึกไปพร้อมกับคุณ!” เจมส์กำลังคิดว่าเขามาอยู่ที่ประเทศจีนหนึ่งปีครึ่ง และถ้าเขากลับไปที่ประเทศM เขาอยากเก่งทุกๆ ด้านเหมือนเธอ และทำให้พวกเขาตกตะลึง
ลั่วหานหัวเราะออกมา”ฉันมีไอคิวสูง”
เจมส์: “…… ”
ดีมาก เป็นคำตอบที่ดีอย่างไม่มีที่ติ ทำให้เขาไม่สามารถโต้ตอบได้
ที่ไม่ไกลจากวิลล่าเป็นซูเปอร์มาร์เก็ตสินค้านำเข้า ที่มีฉลากออแกนิค ปลอดสารพิษปลอดสารตกค้างต่างๆ และราคาก็แพงมากเช่นกัน
แต่ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในบริเวณนี้ไม่ได้สนใจเรื่องราคาเลย รวมถึงลั่วหานที่ถูกหลอมรวมไปด้วย
ตอนที่เจมส์อยู่ประเทศMเขาเคยไปสำรวจชุมชนชาวบ้านกับพ่อของเขา และเมื่อเปรียบเทียบราคาต่อหน่วยของอาหารทั้งสองประเทศแล้ว เจมส์ถึงกับผงะจนพูดไม่ออก
ในขณะเดียวกันเจมส์ก็ได้ข้อสรุปว่า:คนจีนร่ำรวยมาก ไม่น่าแปลกใจเลยที่มีคนบอกว่าพวกเขามาประเทศจีนเพื่อหาเงิน ประเทศจีนสร้างผู้มีอิทธิพล และผู้มีอิทธิพลนั้นมีเงินไม่ขาดมือ
เป็นเช่นนี้จริงๆ ด้วย!
ถ้าลั่วหานรู้ว่าเจมส์คิดอะไรอยู่ในใจ เขาคงจะพาเขาไปเดินดูที่ตลาดเกษตรกรแถวชานเมือง
เจมส์สวมหมวกเบสบอลไว้ เพื่อลดความน่าดึงดูดของใบหน้าอันหล่อเหลาของเขา ส่วนลั่วหานก็ใส่เสื้อกันหนาวแบบสบายๆ ทั้งคู่คุยกันอย่างสบายๆ
แต่ว่าการที่ชายหนุ่มรูปงามและหญิงสาวสุดสวยมาเดินด้วยกันนั้นยังคงดึงดูดสายตาของลูกค้าเป็นจำนวนมาก ทุกคนต่างพากันชื่นชมและอิจฉาเขาทั้งสอง ไม่นานทั้งสองก็กลายเป็นจุดเด่นไปแล้ว
ลั่วหานหยิบผักสดใหม่ลงในรถเข็นช็อปปิ้งแล้วรีบพาเจมส์ออกไปจากที่นี่ “ฉันซื้อเสร็จแล้ว ไปกันเถอะ”
เจมส์สงสัยกับซูเปอร์มาร์เก็ตของประเทศจีนเป็นอย่างมากเขาอยากจะเดินเล่นอีกสักพัก “ผมอยากไปดูของเล่นเด็ก ผมอยากซื้อของเล่นให้เบบี๋”
เจมส์มองไปที่โซนของเล่นเด็กอย่างไม่อยากจะจากไป แต่เขาถูกลั่วหานบังคับแล้วดึงไปที่บริเวณจุดชำระเงิน “ไม่ต้องดูแล้ว ของเล่นที่คุณเคยให้ชูชูไว้แค่ชิ้นใดชิ้นเดียวก็สามารถซื้อของเล่นทั้งหมดนี้ได้”
ลั่วหานและเจมส์เข้าแถวรอชำระเงินอย่างเงียบ ๆ ในที่สุดก็ชำระเงินเป็นที่เรียบร้อย
เจมส์ยังช้อปไม่พอ “แอนน่านี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้มาเดินซูเปอร์มาร์เก็ตที่ประเทศจีน คุณจะไม่ปล่อยให้ผมได้เดินเที่ยวให้หนำใจหน่อยเหรอ”
ลั่วหานหมุนกุญแจรถและสตาร์ทรถ “นี่คือซูเปอร์มาร์เก็ตสินค้านำเข้าโดยเฉพาะ ไม่มีสินค้าจากจีนเข้าใจไหม? อีกอย่างทำไมถึงไม่คาดเข็มขัดนิรภัย? ”
เจมส์ถือผักชีฝรั่งไว้ในมืออีกข้างหนึ่ง: “…ผม… ลืมเก็บมันลงหลังรถ”
ลั่วหานอยากจะบีบคอเขาให้ตายจริงๆ!
เธอจึงต้องหันไปหาเขาแล้วก้มลงเพื่อช่วยเขาคาดเข็มขัดนิรภัยให้ดี
ต่อไปนี้ฉันจะไม่พาเพื่อนต่างชาติมาเที่ยวซูเปอร์มาร์เก็ตอีกแล้ว!
แต่สิ่งที่ลั่วหานและเจมส์ไม่รู้ก็คือ พวกเขาถูกจับตามองอย่างเงียบ ๆ ตั้งแต่ที่พวกเขาเข้ามาซื้อของในซูเปอร์มาร์เก็ตแล้ว
เมื่อขับรถกลับไปถึงบ้าน คนรับใช้ก็ช่วยเตรียมอาหารช่วยล้างผัก ส่วนลั่วหานก็ใส่ผ้ากันเปื้อนแล้วเตรียมลงมือทำอาหาร
หลังจากล้างมือเสร็จแล้วเธอถึงจะนึกขึ้นได้ว่าผมของเธอยังพาดอยู่บนไหล่ เธอก็เลยต้องเช็ดมือแล้วไปหานางยางมามัดผมก่อน
เจมส์สะบัดยางรัดผมในมือ “แอนน่าคุณกำลังมองหาสิ่งนี้ใช่ไหม? ”
“เอามาให้ฉัน”
“คุณยืนนิ่งๆ อย่างขยับ ผมจะช่วยคุณมัดผม ผมเคยมัดให้ลูกพี่ลูกน้องของผมแล้ว เชื่อใจในฝีมือของผมได้” เจมส์อาสาเข้าไปหวีผมให้เธอ
ผมของลั่วหานหนามาก ผมนุ่มรื่นยิ่งกว่าผ้าไหมชั้นดีเสียอีก ผมเธอม้วนงออยู่บนไหล่ ผมสีน้ำตาลเป็นเหมือนคลื่นทะเลที่อยู่ภายใต้แสงพระอาทิตย์
เจมส์หยิบผมยาวๆ ของเธอขึ้นมาอย่างระมัดระวัง แล้วพันเข้ากับที่ยางรัดผมไปหนึ่งรอบ
“เสร็จหรือยัง?”
“อย่ารีบสิ……”
ฝีเท้าของหลงเซียวหยุดอยู่ตรงหน้าประตู สายตาที่เยือกเย็นราวกับดาบที่แหลมคมมาเห็นภาพตอนที่เจมส์มัดผมให้ลั่วหานพอดี