ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 936
เราจะทยอยไล่แก้ให้ยามว่างอยากให้แก้เรื่องไหนคอมเมนต์ไว้นะคะ
แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
ตอนที่ 936 นายแพ้แล้ว
หลงเซียวใช้กระดาษทิชชูเปียกเช็ดมือ ก่อนจะเบือนสายตาไปยังใบหน้าของเจมส์ “อ้อ? แน่ใจนะ?”
เจมส์ถูกเขามองด้วยสายตาแบบนั้นแล้วก็เกิดความประหลาดใจขึ้น แต่ก็ยังมั่นใจว่าตนเองที่ออกกำลังกายมานาน เพื่อที่จะยืนหยัดในการออกกำลังกายเขาทำทุกอย่างแม้แต่ต่อยมวยก็เคยฝึกมาก่อน เรื่องออกกำลังการยิ่งไม่ใช่เรื่องยาก ไม่ยอมแพ้ให้แก่หลงเซียวแน่นอน
“แน่นอน! กลัวว่านายจะไม่ยอมรับความพ่ายแพ้น่ะสิ!”
“ล้อเล่นอะไร ผมไม่เคยไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ ถ้าหากคุณแพ้ล่ะ เวลาที่เหลือเป็นของผม ส่วนคุณจะไปที่ไหนก็ได้ แต่ต้องไม่ใช่ที่นี่” เจมส์ทำเป็นบิดคอเบาๆ
“แล้วถ้าหากนายแพ้ล่ะ?” หลงเซียวยืดตัวขึ้น ก่อนจะสำรวจมองเจมส์ที่กำลังได้ใจอยู่
เจมส์ไม่เชื่อว่าตนเองจะเป็นฝ่ายแพ้ ดังนั้นเลยกล้าจะพูดโม้ขึ้น “ถ้าหากผมแพ้ ผม……”
“ย้ายออกไปจากบ้านฉัน” หลงเซียวรีบช่วยเติมประโยคหลังให้กับเจมส์
ในปากของลั่วหานมีเห็ดอยู่ ก่อนที่ดวงตาแสนฉลาดนั้นจะมีรอยยิ้มขึ้น
เจมส์ลังเลเพียงวินาทีเดียว “นี่ไม่ยุติธรรม คุณแพ้แล้วผมแค่ให้คุณจากไปครึ่งวัน ผมแพ้คุณกลับให้ผมย้ายออกจากบ้าน ไม่ได้ๆ!”
ชุดกระต่ายสีขาวที่หลงเซียวสวมอยู่ดูบริสุทธิ์เหลือเกิน แต่พลังที่แผ่ออกมาจากตัวเขากลับน่ากลัวพิลึก ความบาดคมไม่ได้หักลดลงแม้แต่น้อย “ดูเหมือนคุณชายจะไม่มีความมั่นใจ”
หลงเซียวพูดจบก็นั่งลงอย่างเชื่องช้า
เจมส์นึกคิดแล้วคิดอีก “ถ้าหากผมแพ้แล้ว ผมจะไม่พูดกับแอนน่าหนึ่งสัปดาห์ แบบนี้พอไหม?”
อย่าพนันไว้สูงมาก เพราะก็ไม่ได้มีความมั่นใจขนาดนั้น ใครจะไปรู้ว่าหลงเซียวอาจจะเป็นมือฉมังก็ได้ เพราะเขาเก่งจริงๆ
หลงเซียวไม่ค่อยพอใจกับข้อเสนอนี้ “ยังไม่พอ”
เจมส์ขยี้หัวตัวไปมา ก่อนจะกัดฟัน “ถ้าอย่างนั้น……หนึ่งเดือน!”
หลงเซียวหลับตาลง “นายอยากจะอยู่ที่บ้านฉันหนึ่งเดือน?”
ลั่วหานกินเห็ดย่างหมดไปหนึ่งไม้ ก่อนจะหยิบเห็ดเข็มทองขึ้นมาอีก “เจมส์ หนึ่งเดือนหลังจากนี้ พ่อนายอาจจะลืมไปแล้วว่าเคยมีลูกชายอยู่ก็ได้”
“ถ้างั้น……ผมจะไม่พูดคุยกับแอนน่าหนึ่งอาทิตย์ ไม่ขึ้นไปชั้นสอง พอหรือยัง! นี่เป็นจุดสูงสุดของผมแล้ว คุณจะแข่งไม่แข่ง!” ลำคอของเจมส์แข็งขึ้น มือกำหมัดแน่น
ลั่วหานถูกความเป็นเด็กของเจมส์ยั่วจนหมดความโกรธแล้ว “สามี คุณเล่นเป็นเพื่อนเขาสักตาให้เขาตายใจ ไม่อย่างนั้นคืนนี้เขาคงไม่ยอมหยุดแน่”
เจมส์เริ่มไม่พอใจแล้ว “ผมตั้งใจมาก แอนน่า ผมตั้งใจมาก!”
ลั่วหานพยักหน้า “โอเคๆ ๆ นายตั้งใจมาก อย่าลืมว่านายหัวใจไม่ค่อยแข็งแรงนะ อย่าฝืน การออกกำลังกายที่เกินตัวจะทำให้หัวใจทำงานหนักได้ นายคอยควบคุมเอาเองแล้วกัน”
เจมส์ขมวดคิ้วขึ้น เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าความป่วยนี้เป็นอะไรที่น่าอับอายสิ้น ครั้งแรกที่อยากให้ตนเองเป็นผู้ขายที่แข็งแรงแข็งขัน
“ผมรู้แล้ว”
กฎการแข่งง่ายมาก วัดจำนวนครั้ง
เจมส์เริ่มเอามือยันพื้น เกร็งหน้าท้องแน่น ก่อนจะใช้สายตาอาฆาตมองไปยังหลงเซียว “หึ!”
ลั่วหานเกือบจะหัวเราะกับเสียง หึ ของเขา “เริ่มได้!”
……
ที่โรงพัก
เจิ้งซิ่วหยาขยี้ผมไปมาอย่างเคร่งเครียดก่อนจะ ใช้แรงทึ้งผมไปมา “หัวหน้า คดีนี้ปิดได้หรือยัง?”
เฉินเจาเป่าปากแก้วกระจก เป่าให้ใบชาที่ลอยอยู่พัดออกมา “ผมรู้ว่าคุณไม่ยินยอม แต่ว่าเป็นคำสั่งของเบื้องบน โฉหวั่นชิงถูกคนประเทศMพาตัวไป แบกข้อหาค้าขายมนุษย์และฆ่าคนตาย ผู้ต้องสงสัยหยวนชูเฟินถูกยกเลิกไปทันที คุณยังต้องการอะไรอีก?”
เจิ้งซิ่วหยาหยิบคุกกี้บนโต๊ะขึ้นมา ก่อนจะกัดลงไปหนึ่งคำ “ฉันไม่ได้ต้องการอะไร ก็แค่ไม่สงบใจ!”
เฉินเจารู้จักนิสัยของเธอดี พยายามมาตั้งนาน ตอนนี้กลับไม่มีผลอะไร ทำได้เพียงแค่ปลอบใจเธอก่อน “ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาหาข้อผิดของหยวนชูเฟิน อีกทั้งหยวนชูเฟินป่วยขนาดนั้นแล้ว คุณหาจุดอ่อนของเธอได้แล้วจะอย่างไรอีก? หรือจะให้ผู้ป่วยโรคมะเร็งเข้าคุก? คุณพอได้แล้ว”
ในปากของเจิ้งซิ่วหยาเต็มไปด้วยคุกกี้ กินหมดจดไม่เหลือ “หัวหน้า พวกเราเป็นตำรวจ ต้องการแค่ความจริง ความถูกต้อง ส่วนเรื่องที่ว่าคนผิดจะรับไหวหรือเปล่า นั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง”
“เรื่องนี้พลิกล็อกแล้ว พอใจหรือยังคนสวยของผม! ตอนนี้คดีที่สำคัญที่สุดก็คือหลงถิง คดีผู้ต้องสงสัยเมื่อสามสิบปีที่แล้วตกเป็นของเขาทั้งสิ้น คุณจดจ่อกับเรื่องนี้ดีกว่า คดีการนองเลือดของตระกูลมู่ ต้องถูกไขกระจ่างสักที!” เฉินเจาพูดจบอย่างหนักแน่น ก่อนจะตบไหล่ของเจิ้งซิ่วหยาสองที
เจิ้งซิ่วหยารู้สึกมีภาระหนักแน่นมาก จึงไม่ได้โวยวายต่อ นั่งลงนิ่ง “ฉันรู้ แต่ว่าหลงถิงยังไม่ได้สติ เวลาการขึ้นศาลก็ถูกเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด คนสำคัญในคดียังหมดสติอยู่ ฉันจะรีบร้อนไปก็ไม่ช่วยอะไร”
เฉินเจาคิดหนัก ก่อนจะมองออกไปนอกหน้าต่าง “ผมมักจะรู้สึกว่า คดีของหลงถิงไม่ได้ง่ายขนาดนั้น ถ้าสืบลึกลงไปอีก ต้องมีคนที่ยังไม่ได้ถูกขุดคุ้ยอีกแน่”
“หัวหน้ารู้สึกว่ามีอะไรที่ต้องสงสัยอีก?” เจิ้งซิ่วหยาสงบสติลงแล้ว
เฉินเจาดื่มชาไปหนึ่งคำ ก่อนเอ่ย “ตอนนั้นหลงถิงเป็นแค่คนวัยรุ่นอายุยี่สิบกว่า การงานเพิ่งจะเริ่มต้น ยังไม่ทันมั่นคงเลย เขาจะมีความสามารถในการฆ่าคนตระกูลมู่ตั้งสิบกว่าคนได้อย่างไร และไม่ลงเหลือหลักฐานอะไรไว้ด้วย? เขามีความสามารถที่จะจัดการกับคดีความในโรงพักอย่างไร และทำอย่างไรถึงทำให้คดีจบไปอย่างขอไปทีแบบนั้นได้”
“ถูกต้อง มีส่วนที่น่าสงสัยมากมาย เรื่องพวกนี้ล้วนต้องรอให้หลงถิงเล่าเอง ไม่อย่างนั้นก็คงไม่มีใครรู้ความจริง” นิ้วมือของเจิ้งซิ่วหยามีเสียงกรอดขึ้นมา
“คุณพ่อของหมอถังเป็นอย่างไรบ้าง? ดีขึ้นมาหรือยัง”
“อ้อ……ยังเลย ถังจิ้นเหยียนยังอยู่ที่อเมริกาอยู่เลย ผมคิดว่าเขาคงต้องการปลุกตนเองอย่างรวดเร็ว”
ตอนนี้ทั้งสองกำลังพูดคุยกันอยู่นั้น ตำรวจในเครื่องแบบก็เคาะประตูเข้ามา “หัวหน้า วันนี้โจวจั่นจะออกจากโรงพยาบาล พวกคุณจะไปดูไหม?”
“ไป! ฉันเกือบลืมไปสนิทเลย!” เจิ้งซิ่วหยาหยิบกุญแจรถแล้วเดินออกไปทันที
เฉินเจาวางแก้วชาลง ก่อนจะทำเอกสารตกลงอย่างไม่ตั้งใจ
เขารีบเก็บขึ้นมาทันที ก่อนจะเห็นรูปภาพหนึ่งอย่างไม่ได้ตั้งใจ
ห้องหนังสือที่บ้านของหลงถิง บนชั้นหนังสือเต็มไปด้วยหนังสือ ด้านข้างถูกแขวนไว้ด้วยภาพที่มีชื่อเสียงระดับโลก หนึ่งในนั้นมีภาพที่เขารู้จักอยู่ เป็นภาพผลงานที่สูญหายไปของPosti ตอนนั้นถูกปั่นราคาขึ้นสูงมาก ก่อนจะถูกนักสะสมประมูลไป
รูปสุดท้ายที่เข้าร่วมการประมูลคือประมาณสิบปีที่แล้ว ถูกนักธุรกิจต่างประเทศประมูลไปในราคาหนึ่งร้อยล้านดอลลาร์
คนที่ประมูลไปไม่ได้เปิดเผยตัวตน ถูกคนวิจารณ์ไปต่างๆ นาๆ มีคนลือว่าเขาคนนั้นมีตัวตนที่ลึกลับไม่ธรรมดาเลย ต่อมา ภาพนี้ก็ไม่เคยเข้าร่วมการประมูลอีกเลย
ทำไมรูปภาพถึงอยู่ในมือหลงถิง?
ให้ตายเถอะ ทำไมเขาไม่เคยสังเกตมาก่อน?
“ซิ่วหยา”
เฉินเจารีบส่งรูปภาพต่อไปให้เจิ้งซิ่วหยาด้วยความรวดเร็ว “ไปสืบเกี่ยวกับรูปภาพนี้มา ดูว่ามีบันทึกประวัติการซื้อขายไว้ไหม อย่าให้มีรายละเอียดใดขาดตกไปล่ะ”
“เกี่ยวข้องกับคดีความ?” เจิ้งซิ่วหยาดูออกว่าเป็นห้องหนังสือของหลงถิง ส่วนรูปภาพ เธอไม่ได้สังเกตมาก่อน คงจะเป็นของสะสมของคนมีเงิน เธอก็ไม่ได้สนใจ
“อาจจะเกี่ยวข้อง ยังไงก็ไม่ควรประมาท”
“รับทราบ!”
……
หลงเซียวมองไปยังเจมส์ที่กำลังหอบหายใจอยู่ที่พื้น ก่อนจะลุกขึ้นยืนอย่างสวยงาม “คุณชาย นายแพ้แล้ว”
เจมส์ที่นอนอยู่ทาพื้นร้องโว้ยวายขึ้น “ผมไม่ยอม! ผมไม่ยอม!! ผมทำไปแล้วสองร้อยครั้ง!!! สองร้อย!”
เหนื่อยเหมือนหมา ไม่รู้ว่าตนเองอดทนมาได้อย่างไร เอาชีวิตเขาเป็นเดิมพันก็แล้ว ไม่รู้ทำไมถึงยังแพ้อีก
หลงเซียวไม่หอบหายใจเลย หน้าก็ไม่แดงด้วย “ฉันรู้ ดังนั้นฉันเลยทำไปสองร้อยหนึ่งครั้ง”