ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 941
ตอนที่ 941 ชายผู้มีภูมิคุ้มกันของตนเอง
วันที่สามมาถึงอย่างรวดเร็ว
เช่นเดียวกับเมื่อวาน ลั่วหานและหลงเซียวเดินลงไปชั้นล่าง เห็นเจมส์ในล็อบบี้ที่กำลังโอบกอดฟู้กุ้ยเพื่อปลอบใจเธอ ทั้งสามไม่ได้การพูดคุยกันระหว่างนั้น
ดวงตาสีฟ้าคู่นั้นของเจมส์ ราวกับมีอำนาจดึงดูดผู้ที่จ้องมองให้ดำดิ่งเข้าสู่ท้องสมุทรที่ซ่อนลึกอยู่ภายใน แต่ช่างน่าเสียดาย ไม่ว่าจะเป็นหลงเซียวหรือลั่วหาน พวกเขาล้วนมีภูมิคุ้มกันต่อสายตาคู่นั้นแล้ว
ไม่ใช่สิ หลงเซียวเป็นคนที่มีภูมิคุ้มกันของตัวเองอยู่แล้วต่างหาก
หลังจากมองดูคู่สามีภรรยาออกจากบ้านไป เจมส์นั่งลงบนพรม “ฟู้กุ้ย เธอได้ทำอะไรผิดหรือเปล่า?”
ฟู้กุ้ยยังคงลูบไล้ปอยผมกับหลังมือของเขาอย่างแผ่วเบา ปราศจากเสียงตอบรับใด ๆ
เจมส์เงยหน้าขึ้นมองโคมระย้าคริสทัลอย่างหนักใจ “หรือว่าวิธีของฉันนั้นไม่ถูกต้อง ฟู้กุ้ยพอจะมีวิธีอื่นอีกไหม?”
ฟู้กุ้ยเพียงแต่ไล่ใบหน้ากับฝ่ามือของเขาต่อไป โดยไม่แสดงความคิดเห็นใด ๆ และอีกทั้งเมื่อเช้าเธอทานอาหารมากไป จึงทำให้เธอรู้สึกเฉื่อยชา ต้องการที่จะนอนพักผ่อนเพียงอย่างเดียว
งั้นก็ได้ เขายอมแพ้ที่ซักไซ้น้องสาวหัวดื้อคนนี้แล้ว
ไม่เป็นไร เขายังสามารถขอความช่วยเหลือจากพี่สาวของเขาได้!
เจมส์กดหมายเลขโทรศัพท์ติดต่อหาอิสซา มือพลางบีบนวดให้กับฟู้กุ้ย พี่สาวของเขาดีไปหมดทุกอย่าง แต่เมื่อถึงเวลาสำคัญเช่นนี้ หล่อนมักจะหายตัวไปตลอด จุดนี้แหละที่ไม่ดีเอาเสียเลย!
โชคช่วยที่สุดท้ายอิสซาก็รับโทรศัพท์ “พี่อิสซา! พี่อิสซา!”
อิสซาอยู่ที่อิตาลี เมื่อได้ยินเสียงร้องของเจมส์เธอจึงชูโทรศัพท์ขึ้นสูงเหนือศีรษะ หล่อนหาวขึ้นพร้อมกับพูดว่า “ว่าไงเจ้าชายน้อยสุดหล่อของพี่?”
“พี่จะกลับมาเมื่อไหร่ครับ ผมคิดถึงพี่” เจมส์ใช้น้ำเสียงออดอ้อนพี่สาว เหมือนเมื่อคราวที่ยังเป็นเด็กอย่างไม่มีผิดเพี้ยน
อิสซายืดตัวบิดขี้เกียจ “อย่ามาเล่นมุกนี้นะ มีอะไรก็พูดออกมาตามตรงเลยดีกว่า อย่ามาใช้เสียงหวานกับพี่”
เจมส์หัวเราะแก้เก้อ “รู้อยู่แล้วว่าผมหลอกพี่ไม่ได้…งั้น ผมบอกพี่ก็ได้ แต่พี่ห้ามโกรธ และห้ามว่าผมด้วย”
“ได้ งั้นไม่ต้องบอกพี่แล้ว”
“เดี๋ยวก่อนสิครับ ยังไงผมก็จะบอกพี่อยู่แล้ว”
เจมส์เล่าเรื่องราวอันยากลำบากทั้งหมดที่ตนเองต้องเผชิญ พร้อมกับใส่สีตีไข่เข้าไปเล็กน้อย และเงียบรอความช่วยเหลือจากพี่สาว
อิสซาจับปอยผมหยักศกของเธอ “มีแค่นี้หรือ? หมดแล้ว?”
สวรรค์ของเจมส์พังทลายลงตรงหน้า “พี่อิสซา ผมทุกข์ใจ…”
“เจมส์…นายกำลังจะทำให้พี่ประสาทเสีย! พี่บอกเคยพูดแต่แรกแล้วว่า ผู้หญิงที่แต่งงานแล้วไม่เหมาะกับนาย อย่างนายต้องมองหาสาวใส ๆ วัยแรกรุ่น ถ้าว่าง ๆ ก็ลองไปมหาวิทยาลัยหรือโรงเรียนมัธยมดูสิ ลืมเรื่องคุณหมอแอนน่าของนายไปได้แล้ว”
“พี่อิสซา…พี่ไม่รักผมแล้ว! เหอะ!”
อิสซาทำตัวไม่ถูก “เด็กดี พี่มีงานที่ต้องทำ อย่าสร้างปัญหา ถ้าไม่มีความสุขก็กลับบ้านเสีย และถ้าเบื่อมากก็ออกไปเที่ยวหาอะไรสนุก ๆ ทำ สรุปก็คือ หลังจากนี้ห้ามพูดเรื่องแอนน่ากับพี่อีก!”
สายถูกตัดอย่างไร้เยื่อใย เจมส์โยนโทรศัพท์ทิ้งด้วยความเศร้าใจ ดวงตาของเขาเปล่งประกายขึ้น ราวกับคิดอะไรบางอย่างได้
“หาอะไรสนุก ๆ ทำ! ใช่แล้ว!”
ตึกบริษัท MBK
ไม่ใช่เรื่องแปลก ที่โทรศัพท์มือถือของหลงเซียวดังขึ้นก่อนเวลาเที่ยง
ชื่อที่กะพริบบนหน้าจอคือ หลินเหว่ยเย่
หลงเซียวยกมุมปากขึ้น ปรากฏรอยยิ้มบาง “ท่านประธานหลิน”
หลินเหว่ยเย่กำลังนั่งอยู่ในห้องทำงานของประธานบริษัทหลินซื่อ พร้อมกับคุณนายหลินที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาด้วยสีหน้าเดือดดาล หล่อนพยายามระงับความโกรธอย่างสุดความสามารถ
“หลงเซียว คุณยุ่งหรือเปล่า?”
“ท่านประธานหลินมีเรื่องอะไรครับ?” หลงเซียวยิ้มอย่างรู้ทัน
หลินเหว่ยเย่ยืดคอตรง “มาเจอกันหน่อยดีกว่า ผมมีของบางอย่างที่อยากจะมอบให้คุณ คิดว่าคงจะเป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับคุณ”
“ตกลง”
หลังจากวางสายโทรศัพท์ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มของหลินเหว่ยเย่ก็หายไป “วิธีการของหลงเซียวแย่กว่าที่ผมคิด เขายุยงให้ทางการกดดันผม ไปตายซะไอ้ชั่ว!”
คุณนายหลินโอบแขนตัวเอง ทิ้งตัวพิงกับโต๊ะทำงาน และมองลงไปที่หลินเหว่ยเย่ “เหอะ คุณแกว่งเท้าหาเสี้ยนเอง ฉันบอกคุณแต่แรกแล้วว่า อย่าดูถูกคมเขี้ยวของหลงเซียว แต่คุณก็ไม่ฟังฉัน”
สายตาของหลินเหว่ยเย่กวาดไปทั่วใบหน้าของเธออย่างเย็นชา “คุณจะไปรู้อะไร ในมุมมองของคุณ ถ้าไม่ได้เงินช่วยเหลือจากหลงเซียวแล้ว จะแก้ไขปัญหาการเงินของบริษัทอย่างไร?”
“การเงิน”
“คุณคิดจะทำอะไร?”
“โรงจำนำว่านเหาต้องการลงทุนเข้าร่วมหุ้นด้วย ฉันกำลังคุยรายละเอียดกับจ้าวไห่เซิงเมื่อเงินทุนเป็นไปตามคาด ปัญหาการเงินของบริษัทก็จะถูกแก้ไขไปโดยปริยาย” คุณนายหลินอธิบายอย่างเย็นชา หล่อนทนไม่ไหวกับท่าทีของหลินเหว่ยเย่อีกต่อไป
“ว่านเหา? คุณตรวจสอบเบื้องหลังแล้วหรือ? อีกฝ่ายต้องการอะไร?” หลินเหว่ยเย่จำเป็นต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ ยิ่งช่วงหน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้ ก็ยิ่งต้องระมัดระวังมากขึ้นอีกเท่าตัว
“คุณไม่ไว้ใจให้เรื่องที่ฉันจัดการขนาดนี้เลยหรือ? ลองมาทำเองไหม?” มาดามหลินแสดงความไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด
หลินเหว่ยเย่ยิ้มอีกครั้ง “บริษัทเป็นของคุณมาตั้งหลายปี ทำไมผมจะไม่ไว้ใจล่ะ?”
“ตกลง กลับบ้านเถอะค่ะ อีกเดี๋ยวหลงเซียวคงไปถึงแล้ว ส่วนคุณ ก็ควรสงบสติอารมณ์ด้วย!”
หลินเหว่ยเย่ส่ายศีรษะและถอนหายใจ “ผมคิดว่าแผนสามสิบปีสามารถช่วยผมได้ แต่ใครจะรู้ว่าคนคำนวณนั้นเทียบไม่ได้กับสวรรค์ลิขิต”
หลินเหว่ยเย่ออกจากบริษัทด้วยใบหน้าเศร้าหมอง
รถของหลงเซียวขับตรงไปยังวิลล่าโรมัน หลินเหว่ยเย่เปิดประตูต้อนรับเขาอย่างอบอุ่น คุณนายหลินก็เดินตามเขาไปด้วยท่าทีสุภาพอ่อนโยน
ลั่วหานจับแขนของหลงเซียว คู่สามีภรรยาเดินเข้าไปในวิลล่าด้วยความรักใคร่
นางหลินเข้าไปสวมกอดลั่วหาน “ในที่สุดพวกคุณก็มา! เชิญค่ะ เชิญเข้ามาด้านใน”
หลินเหว่ยเย่และหลงเซียวจับมือกันแบบสบาย ๆ แล้วทั้งสี่ก็เดินเข้าไปในห้องโถงด้วยกัน ซึ่งต่างคนก็ตกอยู่ในความคิดของตนเอง
คนรับใช้นำชามารินให้ ส่วนลั่วหานและหลงเซียวแสร้งทำเป็นดื่มชาโดยไม่รู้เรื่องอะไร
เครื่องลายครามชั้นดีที่ประดับด้วยทองดูประณีตงดงาม ดูเหมือนกับเป็นของสะสมของตระกูล ชาหลงจิ่งจากสมัยราชวงศ์หมิงที่ถูกรินไว้ในถ้วยน้ำชา แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจของหลินเหว่ยเย่ได้เป็นอย่างดี ลั่วหานสังเกตเห็นมัน แต่เขากลับไม่พูดอะไร
“ชานี้เป็นอย่างไร? ของแท้หรือไม่?” หลินเหว่ยเย่พูดกับเขา
หลงเซียวจิบชา แล้ววางถ้วยชาลง ราวกับว่าความสนใจของเขาไม่ได้อยู่ที่นี่อีกต่อไป “ประธานหลิน พวกเราสองสามีและภรรยามาหาคุณในครั้งนี้ ไม่ใช่มาเพื่อชิมชา ทุกนาทีมีค่า ทางที่ดีประธานหลินเข้าเรื่องมาเลยดีกว่า”
คุณนายหลินต้องการเล่นบทคนในครอบครัวเพื่อกระชับความสัมพันธ์ แต่ใครจะคิดว่าหลงเซียวจะพูดตัดบทขึ้นมาแบบนี้ “ใจเย็น ๆ ค่ะ ไม่ต้องรีบ ดื่มชาก่อน แล้วอยู่ทานมื้อเย็นด้วยกันนะคะ?”
ลั่วหานทราบท่าทีของหลงเซียว จึงกล่าวว่า “ไม่ต้องหรอกค่ะ เดี๋ยวจะรบกวนคุณนายหลิน พวกเรากำลังรีบ”
หลินเหว่ยเย่ยิ้มอย่างขออภัย “ตกลง…งั้นผมเข้าเรื่องเลย ที่จริง ผมควรขอโทษคุณหมอฉู่ ฮ่า ๆ ผมความจำค่อนข้างเลอะเลือน เกือบจะนำภาพวาดของคุณนายหลงออกมาขาย ความจำของผมช่างเลอะเลือนเสียจริง”
ลั่วหานยิ้ม ชื่นชมการแสดงของเขา
หลงเซียวยิ้ม แต่ไม่พูดอะไร
คุณนายหลินที่อยู่ด้านข้างแทรกเข้ามาเพื่อไกล่เกลี่ย “ไม่จริงน่า ฉันคงต้องตักเตือนคุณภายหลัง คุณนี่แก่เลอะเลือนเสียจริง พวกเราเป็นเพื่อนกับครอบครัวตระกูลหลงมานาน จะมาพูดถึงเรื่องเงินได้อย่างไรกัน!”
ลั่วหานยกมุมปาก “คุณนายหลินพูดอะไรคะ อยากทำธุรกิจอะไรก็พูดมาเลยดีกว่า”
หลินเหว่ยเย่รีบพูด “ไม่ใช่ครับ พวกเรามาคุยกันเรื่องทั่วไป ไม่ใช่คุยเรื่องธุรกิจ”
พูดเสร็จหลินเหว่ยเย่จึงวางถ้วยชาลง และขยับลุกขึ้น “หลงเซียว หมอฉู่ กรุณาตามผมมา”
โกดังส่วนตัวของหลินเหว่ยเย่อยู่บริเวณชั้นสามของวิลล่า ห้องขนาดใหญ่เต็มไปด้วยภาพวาดและศิลปะลายมือที่เป็นของสะสมจากหลายยุคสมัย บนชั้นวางของโบราณยังเต็มไปด้วยของสะสมหลายร้อยชิ้น ของทุกชิ้นได้รับการทำความสะอาดอย่างใหม่เอี่ยม และถูกจัดวางไว้อย่างเป็นระเบียบ เห็นชัดว่าหลินเหว่ยเย่มักจะทำความสะอาดและดูแลพวกของเหล่านี้เป็นอย่างดี
หลงเซียวมองดูสมบัติเหล่านั้น “ประธานหลินถือเป็นนักสะสมตัวยงจริง ๆ ของทั้งหมดในห้องนี้ล้วนเป็นของหายากทั้งนั้น”
หลินเหว่ยเย่รู้สึกหนักใจ “ฮ่า ๆ ดูเหมือนว่าเงินที่ได้มาทั้งหมดคงจะมาลงอยู่กับของเหล่านี้แหละครับ ช่างน่าขายหน้าเสียจริง”
ลั่วหานไม่ได้พูดอะไรต่อ เพราะท้ายที่สุดแล้วเขาก็เป็นแค่คนนอก แต่เมื่อคิดถึงปัญหาเรื่องการเงินของหลินเหว่ยเย่ เขาก็เกิดคำถามขึ้นมาในใจ ทำไม หลินเหว่ยเย่ไม่ขายของสะสมของเขาเพื่อชดเชยเงินที่เขาขาดไป?
อืม จริงสิ!
เขาได้ยินมาว่าหลินเหว่ยเย่เป็นคนที่หวงสมบัติยิ่งกว่าอะไรดี เหอะ!
“ตรงนี้แหละ”
หลินเหว่ยเย่เปิดกล่องไม้สี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ ขณะที่เขาปลดตัวล็อคทองเหลืองขนาดใหญ่ออกมา ความเก่าแก่ของประวัติศาสตร์ได้พรั่งพรูจากกล่อง จนคนที่อยู่บริเวณนั้นรู้สึกถึงมันได้
หลงเซียวมองสิ่งที่อยู่ตรงหน้าโดยไม่แสดงความรู้สึกใด ๆ แต่หัวใจของเขากลับเต้นระรัว
กล่องถูกเปิดออก ภายในเต็มไปด้วยม้วนกระดาษที่เรียงซ้อนกันไว้อย่างเป็นระเบียบ ประมาณด้วยสายตาอาจมีจำนวนมากกว่าร้อยชิ้น
“นี่เป็นผลงานของแม่ของคุณ ฉันได้เก็บรักษามันมากว่าสามสิบปี ตอนนี้ถึงเวลาที่พวกมันจะกลับไปหาเจ้าของเดิมแล้ว”
หลินเหว่ยเย่มอบกุญแจที่อยู่ในมือให้กับหลงเซียว ดวงตาของเขาสื่อความหมายลึกซึ้ง
หลงเซียวรู้ดีว่าคนที่มุ่งร้ายต่อหลินเหว่ยเย่คือเจิ้งเฉิงหลิน ความใจกว้างของเขาในวันนี้ ไม่มีสาเหตุใดอื่นนอกจากสถานการณ์บังคับ
“ประธานหลินพยายามอย่างหนักเพื่อรวบรวมผลงานเพื่อแม่ของผม ตระกูลหลงรู้สึกซาบซึ้งใจมาก ไว้วันหลังผมจะจัดงานเลี้ยงตอบแทนให้กับประธานหลินด้วยตนเองนะครับ นอกจากนี้ ผมอยากขอบคุณประธานหลินแทนคุณแม่ของผม ถ้าไม่มีประธานหลิน เกรงว่าพวกเราคงไม่มีโอกาสได้เห็นผลงานพวกนี้อีกแล้ว”
หลินเหว่ยเย่ตั้งใจฟัง ถึงแม้ว่าคำพูดที่หลงเซียวกล่าวจะดูไพเราะ แต่เขากลับรู้สึกว่าคำพูดเหล่านั้นได้เชือดเฉือนหัวใจของเขาอย่างรุนแรง “หลงเซียวคุณคิดมากเกินไปแล้ว”
ลั่วหานกวาดสายตาดูของสะสมภายในห้องอย่างชื่นชม “ฉันอิจฉาคุณหลินจริง ๆ ที่มีรสนิยมดีแบบนี้…ฉันขออนุญาตถามอะไรตรง ๆ หน่อยได้ไหมคะ ประธานหลินสะสมสมบัติเหล่านี้ เพื่อยกให้ซีเหวินในวันแต่งงานใช่ไหมคะ?”
“เรื่องนี้…พูดแล้วพูดอีก ซีเหวินยังเด็ก ดังนั้นจึงไม่รีบที่จะพูดเรื่องการแต่งงาน ฮ่า ๆ” หลินเหว่ยเย่พูดอย่างคลุมเครือ เขาไม่ต้องการพูดเรื่องการแต่งงานของซีเหวินให้มากความ
ลั่วหานยิ้มในใจ
คนรับใช้นำกล่องไปเก็บไว้ยังไว้ในท้ายรถของหลงเซียว จากนั้นทั้งสองก็ขึ้นรถและจากไป
ลั่วหานเบนหน้ามา เธอยิ้มขึ้นอย่างเฉยชาและกล่าวขึ้นว่า “ที่ฉันถามหลินเหว่ยเย่เมื่อครู่นี้ เรื่องยกสมบัติเหล่านั้นให้กับซีเหวินในวันแต่งงาน คุณได้สังเกตเห็นสีหน้าของเขาหรือเปล่า?”
“เห็นสิ”
“ฮ่า ๆ รู้สึกไหมว่าสีหน้าเขาเหมือนไปเหยียบเข้ากับแมงป่องมาอย่างไรอย่างนั้นแหละ?”
“เกรงว่าเหยียบแมงป่องก็คงไม่มีสีหน้าเจ็บปวดขนาดนี้หรอก”
ลั่วหานยักไหล่ “หลินเหว่ยเย่เจ็บปวดมานานกว่า 30 ปี เมื่อเข้าใกล้ความสำเร็จที่เขาเฝ้ารอ กลับถูกพวกเราคว้าไปต่อหน้าต่อตา คุณคิดว่าเขาจะยอมแพ้หรือเปล่า?”
“ไม่แน่นอน เขาถูกผมเอาเปรียบ คาดว่าคงจะเก็บความแค้นนี้ไปลงกับตัวหลงถิงอย่างแน่นอน” หลงเซียวลูบไล้ผมยาวสลวยของลั่วหาน พร้อมกับยกยิ้มบาง
“หา? ใช่แล้ว!งั้นพวกเราควรอวยพรให้ครอบครัวหลงโชคดีแล้วล่ะ!”
โรงพยาบาลหวาเซี่ย
หลงจื๋อไปเยี่ยมหลงถิงหลังจากเลิกงาน แพทย์อธิบายการผลรักษาของหลงถิงโดยละเอียด ผลลัพธ์ที่ได้ไม่เป็นไปตามคาด
“ตอนนี้ยังไม่สามารถระบุได้ว่าหลงถิงจะฟื้นขึ้นเวลาไหน แต่ท่านประธานไม่สามารถรับการกระตุ้นได้อีกแล้ว”
“ผมจะดูแลเขาเป็นอย่างดี”
เหลียงจ้งซุนเคาะประตู “คุณชายรอง”
หลงจื๋อรอให้หมอออกไปก่อน แล้วเอ่ยขึ้นว่า “มีอะไรหรือผู้ช่วยเหลียง?”
“คุณหลินอยู่ด้านนอก และต้องการพบประธาน คุณเห็นว่าอย่างไร?” เหลียงจ้งซุนไม่กล้าให้เขาเข้ามาโดยพลการ เนื่องจากเหลียงจ้งซุนยังคงไม่แน่ใจว่า หลินเหว่ยเย่คนนี้ มีจุดประสงค์ร้ายหรือดีกันแน่
หลงจื๋อขมวดคิ้ว “เขามาคนเดียวหรือ?”
“ใช่ครับ”
หลงจื๋อรู้สึกระแวงอยู่เล็กน้อย หลังจากปัญหาในคณะกรรมการบริหารของบริษัท MBK ความไว้วางใจที่เขามีต่อหลินเหว่ยเย่ก็ไม่เหมือนก่อน “ฉันจะออกไปหาเขาเอง”
“ครับ”
เมื่อหลงจื๋อออกไป เขาเห็นหลินเหว่ยเย่ยืนอยู่ตรงหน้าต่างบริเวณทางเดิน ทั้งสองประสานสายตากัน
“เสี่ยวจื๋อ คุณพ่อของคุณอาการดีขึ้นแล้วหรือยัง?”
หลงจื๋อเยาะหยันอย่างไร้อารมณ์ “ดีขึ้นมากแล้วครับ ลุงหลินมาหาคุณพ่อมีเรื่องอะไรหรือครับ?”
หลินเหว่ยเย่ยิ้มอย่างสุภาพ “ฉันเป็นเพื่อนกับพ่อของนายมาหลายสิบปี จะให้ฉันเข้าไปเยี่ยมเขาหน่อยไม่ได้เลยหรือ?”
หลงจื๋อจึงตอบกลับอย่างไม่อ้อมค้อม “ห้องผู้ป่วยหนักไม่ใช่สถานที่ที่เหมาะสมสักเท่าไหร่ ลุงหลินอย่าเข้าไปจะดีกว่า ถ้ามีอะไรพูดกับผมโดยตรงก็ได้ครับ”