ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 944
ตอนที่ 944 ฉันรักเขา ดังนั้นฉันจึงเชื่อเขา
“ทำไมจู่ ๆ ท่านพ่อก็ถามถึงหลงเซียวขึ้นมา?”
เจมส์ลงจากลิฟต์ แล้วเดินไปยังที่จอดรถ
“ลุงของลูกบอกว่า … และผู้ร้ายคือเหลียงหยู้คุน แต่มีรายงานว่า เหลียงหยู้คุนมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับหลงเซียว ทั้งสองเคยเป็นหุ้นส่วนกัน ลูกอาศัยอยู่บ้านของเขา ไม่พบอะไรผิดปกติเลยหรือ?”
เจมส์รู้สึกหงุดหงิดในเล็กน้อยที่พ่อของเขาสงสัยอะไรไม่เข้าเรื่อง “พ่อครับ หลงเซียวเป็นนักธุรกิจมือสะอาด ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจมืดพวกนั้น!”
“เจมส์ ลูกช่างไร้เดียงสา ยังมีอีกหลายเรื่องที่ลูกยังไม่เข้าใจ อย่างชายที่ชื่อหลงเซียวคนนี้ เขานั้นไม่ธรรมดา เขาสามารถเกลี้ยกล่อมพี่สาวของลูกให้ผู้หญิงที่ชื่อโฉหวั่นชิง สามารถเข้ามาขอลี้ภัยที่ประเทศของเราได้สำเร็จ นี่ก็แสดงให้เห็นถึงฝีมือของชายคนนี้แล้ว”อีกฝ่ายมีความกังวลอะไรบางอย่างอย่างเห็นได้ชัด
“ท่านพ่อ ท่านคิดมากเกินไปแล้ว ผมขอรับประกันด้วยเกียรติและชีวิตของผม หลงเซียวและแอนน่าต่างเป็นคนดี! ผมไม่อนุญาตให้ท่านพ่อสงสัยเพื่อนของผม!”
ปิ๊บ !
เจมส์ตัดสายพ่อของเขาด้วยความโกรธ
ในตอนเย็น ณ รีสอร์ทหยีจิ่ง
เจมส์พยายามผูกมิตรกับลั่วหานอีกครั้ง มีอะไรแปลก ๆ เกิดขึ้นตลอดทั้งวัน ความตื่นเต้นของเขาไม่มีที่ให้ระบาย เขารู้สึกดีใจจนอยากกระโดดโลดเต้นขึ้นมา
หลังจากเดินเล่นด้านนอกกับฟู้กุ้ย กลับมาก็กอดชูชูไม่ยอมปล่อย เกือบจะฉกผ้าขี้ริ้วของอาเซียงมาทำความสะอาดเช็ดถูโต๊ะและพื้นด้วยตัวเองแล้ว
ตรงกันข้ามกับความตื่นเต้นดีใจของเจมส์ สภาพจิตใจของลั่วหานกลับหดหู่ลงเล็กน้อย
“หลงเซียว ฟางหลิงหยู้ตายแล้ว”
หลังจากได้รับแจ้งจากโรงพยาบาล ลั่วหานไม่ได้ตกใจ หรือรู้สึกเสียใจใด ๆ แต่ส่วนหนึ่งภายในใจของเธอกลับรู้สึกเบาโหวง เหมือนมีบางอย่างขาดหายไป
ฟางหลิงหยู้ถูกตระกูลเสิ่นทรมานทางจิตใจจนเป็นบ้า หลังจากที่ฉู่ซีหรานถูกคุมขัง หล่อนก็ได้มาอาศัยอยู่ในโรงพยาบาลจิตเวช เมื่อเกิดอาการคลุ้มคลั่ง หล่อนจึงพุ่งเข้าชนกำแพงเพื่อหวังที่จะปลิดชีพตนเอง และได้เสียชีวิตก่อนที่จะถูกส่งไปยังห้องฉุกเฉิน
คิดไปคิดมา ใครจะคิดว่าฟางหลิงหยู้จะจบชีวิตของเธอด้วยวิธีเช่นนี้
หยวนชูเฟินตกตะลึงและทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ “ไม่น่าเชื่อเลยว่า…แม่ยายของลูกชายจะฆ่าตัวตาย เมื่อก่อนเธอเคยเป็นผู้หญิงที่ดูดีและเข้มแข็ง ครอบครองบริษัทฉู่ซื่อแต่เพียงผู้เดียว มีคนมากมายที่อิจฉาในความโชคดีของเธอ”
ลั่วหานยิ้มอย่างขมขื่น “ในตอนนั้น ดูเหมือนว่าหล่อนจะเป็นคนที่โชคดีมาก แต่เมื่อมาคิดดูตอนนี้ กลับตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง ถ้าหากฟางหลิงหยู้ไม่ได้ยึดบริษัทฉู่ซื่อมาจากมือของพ่อฉัน บางทีผลลัพธ์ที่ออกมาอาจไม่เป็นอย่างวันนี้ก็ได้”
หยวนชูเฟินมองผ่านรอยยิ้มนั้น “เมื่อมีทุกข์ก็มีสุขได้ และเมื่อมีสุขก็มีทุกข์ได้เช่นกัน ไม่มีใครรู้จนกว่าจะถึงบั้นปลายสุดท้ายของชีวิต แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตามฟางหลิงหยู้ก็ถือเป็นแม่บุญธรรมของลูก ซึ่งเป็นสมาชิกของตระกูลฉู่ งานศพของเธอ ก็ควรจัดให้อย่างสมเกียรติ”
หลงเซียวโอบกอดไหล่ของลั่วหาน” ผมจะอยู่เคียงข้างคุณ เรื่องงานศพผมจะให้คนจัดการให้”
ลั่วหานพยักหน้า “พรุ่งนี้ฉันจะไปที่เรือนจำ เพื่อไปเยี่ยมฉู่ซีหราน ฉันหวังว่าที่นั่นจะอนุญาตให้หล่อนได้เจอกับฟางหยิงหยู้เป็นครั้งสุดท้าย ส่วน… ”
“ฉันจัดการเอง วางใจเถอะ” หลงเซียวแบกรับความหนักอึ้งของลั่วหานด้วยความอ่อนโยน
ลั่วหานรู้สึกไม่สบายใจ เธอเอนตัวเข้าสู่อ้อมแขนของหลงเซียวอย่างเหนื่อยล้า “ผ่านไปไม่กี่วัน มีคนตายถึงสองคน เกิดอะไรขึ้นกับฤดูหนาวปีนี้?”
ถึงแม้ลั่วหานจะเป็นหมอที่เห็นความตายมานับไม่ถ้วน แต่นี่มันเกินรับไหวไปหน่อย
หลงเซียวลูบไล้ปอยผมของเธอ “ การเกิดและตายเป็นสิ่งที่เหนือการควบคุม แต่สำหรับใครบางคน การตายถือเป็นทางออก”
…
หลงเซียวติดต่อกับทางเรือนจำ จ่ายเงินประกันตัว เพื่อใช้ปล่อยตัวฉู่ซีหรานออกมาชั่วคราว
ซีหรานที่ไม่ได้เห็นโลกภายนอกมานาน เธอยืนชะงักอยู่ที่ประตูเรือนจำด้วยความงุนงง สิ่งที่เธอเห็นคือน้องสาวแสนสวยในเสื้อคลุมขนสัตว์สีเบจ และหลงเซียวที่ยังคงความหล่อเหลาเป็นพิเศษ
เพียงแค่ละสายตาก็ราวกับพวกเขาอยู่กันคนละซีกโลก เวลาไม่กี่เดือนราวกับผ่านไปครึ่งชีวิต
ผิวพรรณของเธอแย่ลงมาก เสื้อผ้าของเธอยับยู่ยี่เนื่องจากไม่ได้รีด ผมถูกตัดสั้นเหนือหู เมื่อไร้แป้งปกปิด ทำให้มองเห็นฝ้ากระและถุงใต้ตาบนใบหน้าของเธอได้อย่างชัดเจน
ริมฝีปากของเธอแห้งแตก จนแทบไม่สามารถอ้าปากพูดได้
ความอัปยศอดสูเช่นนี้ เธอไม่มีทางยอมรับได้
“ไปกันเถอะ ไปดูแม่ของเธอเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะถูกเผา”
ลั่วหานไม่ได้ทำตัวสนิทสนม แต่ก็ไม่ได้ทำตัวห่างเหิน เธอบอกเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างเรียบเฉย
น้ำตาของฉู่ซีหรานกลิ้งไหลลง ไหล่ของหล่อนสั่นอย่างรุนแรง “อืม … ”
หลงเซียวโอบไหล่ของลั่วหานแน่น “ขึ้นรถกันก่อน”
ลั่วหานและหลงเซียวขึ้นรถ ในขณะที่ฉู่ซีหรานขึ้นรถตำรวจพิเศษ โรลส์รอยซ์สีดำนำอยู่ด้านหน้า และมีรถตำรวจสีขาวตามอยู่ด้านหลัง
ถนนเส้นเดียวกัน พระอาทิตย์ดวงเดียวกัน แต่ฉู่ซีหรานรู้ดีว่า หล่อนและฉู่ลั่วหานไม่ได้อยู่ในโลกใบเดียวกันอีกต่อไป
ร่างของฟางหลิงหยู้ถูกส่งไปยังสถานที่เผาศพเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่เพื่อให้ฉู่ซีหรานได้ดูเป็นครั้งสุดท้าย เจ้าหน้าที่จึงเลื่อนเวลาเผาออกไป
ลั่วหานและหลงเซียวไม่ได้เข้าไป ทั้งสองยืนอยู่ด้านนอกประตู มองดูฉู่ซีหรานที่วิ่งเข้าไปอย่างบ้าคลั่ง ไม่นานก็ได้ยินเสียงร้องโหยหวนของเธอ
เสียงร้องไห้ผสมปนเปไปกับเสียงตะโกนที่ฟังไม่ได้ศัพท์ เสียงของเธอขาดห้วงเป็นพัก ๆ ฟังความได้ประมาณว่าแม่ทิ้งฉันไปได้อย่างไร แม่จากไปแล้ว แล้วฉันจะทำอย่างไร?
ลั่วหานถอนหายใจเบา ๆ “ฉู่ซีหรานช่างโง่เสียจริง ฟางหลิงหยู้วางแผนทำอะไรหลาย ๆ อย่างลับหลังเธอ ตอนนี้เมื่อฟางหลิงหยู้จากไปแล้ว ส่วนสำคัญของเธอก็หายไปเช่นกัน”
หลงเซียวกลับไม่รู้สึกเจ็บปวดใด ๆ เขาจะไม่มีวันให้อภัยกับสิ่งที่ฉู่ซีหรานทำกับลั่วหาน “ลั่วลั่ว คนที่น่าสงสารก็มีส่วนที่น่ารังเกียจเช่นกัน”
เขาเอ่ยขึ้น
แต่จะให้ลั่วหานจะเพิกเฉยต่อน้ำตาของฉู่ซีหรานได้อย่างไร?
“ครั้งนี้เธอคงเจ็บปวดจริง ๆ ฉันเชื่อว่าหล่อนคงจะกลับตัวกลับใจได้” ลั่วหานถอนหายใจ ประสานนิ้วของเธอเข้ากับนิ้วเรียวของหลงเซียว
“จะกลับตัวได้หรือไม่ได้ พวกเราก็คงต้องรอดูต่อไป รอดูวันที่เธอได้ออกจากเรือนจำ พวกเราจะรอดูเมื่อวันนั้นมาถึง” หลงเซียวไม่ได้ทำลายความคาดหวังของเขา ก็หวังว่าฉู่ซีหรานจะสามารถกลับตัวกลับใจได้
เพราะในท้ายที่สุดแล้วเธอก็คือญาติที่เหลืออยู่คนเดียวของลั่วลั่ว
ในระหว่างการเผาร่างของฟางหลิงหยู้ ฉู่ซีหรานร้องไห้จนเสียงแหบแห้ง ถ้าไม่ได้ลั่วหานคอยฉุดเธอไว้ กังวลว่าเธออาจจะถูกเผาไปพร้อมกับฟางหลิงหยู้
“ แม่ … อย่าทิ้งหนูไว้คนเดียว!”
“แม่ พาหนูไปด้วย!ทำไมไม่พาหนูไปด้วย! แม่ … ”
“แม่จากไปแล้ว หนูจะทำอย่างไร? หลังจากนี้หนูจะทำอย่างไร? จะใช้ชีวิตอยู่อย่างไร?”
ลั่วหานและพนักงานหญิงช่วยกันรั้งแขนของฉู่ซีหรานไว้ ปล่อยให้เธอตะเกียกตะกายได้อย่างเต็มที่
อย่างน้อยในช่วงเวลานั้น ลั่วหานก็ได้เห็นความเจ็บปวดของฉู่ซีหราน
“ฉู่ซีหราน เธอยังมีลูก คิดหน้าคิดหลังหน่อยสิ เธอก็เป็นแม่คนเหมือนกัน!” ลั่วหานกระซิบบอกฉู่ซีหรานด้วยความโกรธ ในที่สุดร่างที่ดิ้นพล่านก็สงบลง
แต่เธอยังคงร้องไห้ต่อไป “เธอไม่เข้าใจ เธอไม่มีทางเข้าใจ! เธอมีความสุขขนาดนี้ จะมาเข้าใจความเจ็บปวดของฉันได้อย่างไร!”
หลงเซียวขมวดคิ้ว “ ลั่วลั่ว ปล่อยเธอไปเถอะ”
ฉู่ซีหรานร้องไห้ตั้งแต่ต้นจนศพเผาเสร็จ แต่โชคดีที่เธอได้รับการพยุงไม่ให้ล้มลงไป แต่เมื่อเธอได้เห็นโกศใส่อัฐิ เธอก็ไม่สามารถคงสติของตัวเองได้ เป็นลมล้มพับไปในอ้อมแขนของลั่วหาน
…
“พี่ลั่วหาน ฉันไม่ได้หวังอะไรมากมาย ขอเพียงอย่างเดียว ฉันขอให้พี่นำอัฐิของแม่ฉันฝังไว้ข้าง ๆ กับหลุมศพของพ่อบุญธรรม ขอเพียงพื้นที่เล็ก ๆ ก็พอแล้ว”
หลังจากที่ฉู่ซีหรานตื่นขึ้น ประโยคแรกที่หล่อนเอ่ยเมื่อเห็นลั่วหาน คือร้องขอที่ฝังอัฐิให้กับแม่ของเธอ
ช่างน่าเจ็บปวด
แต่ลั่วหานไม่เห็นด้วย พ่อและแม่เป็นเป็นสามีภรรยากัน ดังนั้นหลุมฝังศพของทั้งสองจึงวางอยู่ติดกันมาตั้งแต่แรกแล้ว ไม่สามารถวางอัฐิของฟางหลิงหยู้เพิ่มได้อีก
“ฉันได้เลือกสุสานให้แม่ของเธอแล้ว ซินแสเป็นผู้เลือกให้ อาจจะปกป้องคุณจากชีวิตที่เหลือของเธอให้อยู่อย่างสงบสุขได้”
ฉู่ซีหรานยังอยากที่จะวิงวอนเธอ แต่เนื่องจากสถานะที่ต่ำกว่าทำให้หล่อนไม่กล้าที่จะเอ่ยปากพูด
ภายในใจกลับรู้สึกสังเวชอย่างท่วมท้น เธอพูดกับตัวเองด้วยรอยยิ้มที่บิดเบี้ยวว่า “ไม่คิดเลย แม่ต่อสู้มาทั้งชีวิต แต่งงานกับครอบครัวที่ร่ำรวย แต่สุดท้ายหล่อนกลับไม่มีที่ฝังศพเป็นของตัวเอง แม่แต่งงานถึงสองครั้งสองครา แต่กลับไม่มีคนไหนที่อยู่กับแม่จนแก่เฒ่า”
ฉู่ซีหรานกุมใบหน้าของตนเอง น้ำตาไหลซึมออกมาจากร่องนิ้ว เข็มบนหลังมือถูกเธอกระชากออก เลือดสีแดงสดไหลซึมผ่านผ้าพันแผลของหล่อน
ฟางหลิงหยู้ไม่ได้ทิ้งพินัยกรรม ไม่ได้ทิ้งอะไรไว้ หล่อนจากไปอย่างสงบสุขและเรียบง่าย หายไปอย่างสมบูรณ์
“เธอพักผ่อนเสีย แค่ไปร่วมงานศพหลังจากนี้สามวันก็พอแล้ว” ลั่วหานช่วยเธอดึงเข็มออก ยาในเข็มไหลออกเกือบหมด รอยเข็มถูกปิดด้วยเทปปิดบาดแผล
ฉู่ซีหรานสะอึกสะอื้น “ทำไมฉันถึงไม่เป็นอย่างเธอ? ทำไมกัน ในเมื่อฉันพยายามขนาดนี้ ต่อสู้มาขนาดนี้ แต่สุดท้ายฉันก็ยังไม่ได้ดีเท่าเธอ!”
ร่างบางของลั่วหานยืนอยู่ตรงหน้าเตียงผู้ป่วย ดวงตาสุกใสของเธอกลับเปี่ยมไปด้วยความเฉยเมย “ฉู่ซีหราน เธอเล่นไม่ซื่อ จนถึงตอนนี้เธอยังไม่สำนึกผิดอีกหรือ?”
ฉู่ซีหรานฝังใบหน้าของเธอกับผ้าห่ม หล่อนร้องไห้จนเตียงสั่น “ฉันผิดหรือ? ฉันใช้วิธีของฉันต่อสู้เพื่อให้ได้ชีวิตที่ดีกว่า ฉันผิดตรงไหน?!
ตระกูลเสิ่นล้มละลาย เงินสักแดงเดียวฉันก็ไม่ได้! เสิ่นเหลียวทำเรื่องเลวร้ายมากมาย ฉันกลับถูกลากเข้าไปเกี่ยวข้องและต้องติดคุก!
ติดคุก! ฉันอายุยังน้อย ชีวิตฉันจบแล้ว มันจบแล้ว …
แม่ของฉันถูกทำร้ายจนเป็นบ้า และตอนนี้…ทำไม! ทำไมพระเจ้าถึงทำกับฉันแบบนี้? ”
“ความพยายามของเธอมันผิดวิธี เธอฝากความหวังไว้กับคนอื่น ยืมมือผู้ชายเพื่อที่จะทำลายฉัน แต่เธออย่าลืมนะว่า ผู้ชายที่ต้องการแค่ร่างกายของเธอ ไม่ช้าก็เร็วเขาก็จะเบื่อหน่าย เพราะไม่ว่ายังไงก็จะมีคนอายุน้อยกว่าเธอเสมอ สดใหม่กว่าเธอ ” ลั่วหานรู้สึกเวทนาต่อความโชคร้ายของหล่อน แต่อีกด้านหนึ่งกลับรู้สึกโกรธที่หล่อนไม่พยายาม
ฉู่ซีหรานเงยหน้าขึ้น ดวงตาแดงก่ำที่ผ่านการร้องไห้อย่างหนักหน่วง มองไปยังแสงสว่างของลั่วหานทั้งน้ำตา “แล้วเธอล่ะ? ทำไมเธอถึงคิดว่า หลงเซียวจะรักเธอตลอดไป”
“ฉันเชื่อเขา เพราะฉันรักเขา”
สามวันต่อมา ณ งานศพของฟางหลิงหยู้
ฝนเริ่มโปรยปรายลงมาตั้งแต่ช่วงเช้าของวัน ฝนของฤดูหนาวนั้นช่างหนาวจับใจ ลมหนาวที่พัดพาหยาดฝนปะทะมายังใบหน้า แหลมคมราวกับใบมีด
สุสานของฟางหลิงหยู้อยู่ทางตะวันตกของเมืองหลวง เป็นหนึ่งในสุสานที่ราคาสูงที่สุดในเมืองหลวง
งานศพค่อนข้างเงียบเหงา มีคนเพียงไม่กี่คน
มีหลงเซียวและภรรยาของเขา ฉู่ซีหราน หยวนชูเฟิน พ่อที่แก่ชราของฟางหลิงหยู้ พร้อมกับห้าวห้าวในอ้อมแขนของเขา
กลุ่มเพื่อนที่สนิทกับฟางหลิงหยู้เมื่อคราวที่เธอยังมีชีวิตอยู่ไม่มาร่วมงาน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเหล่าผู้หญิงสูงศักดิ์ที่มักจะจิบชายามบ่ายและไปดูโอเปร่ากับเธอ พวกหล่อนไม่โผล่หน้ามาแม้แต่คนเดียว
สายฝนที่โปรยปรายลงมาถูกแหวกออก ดูราวกับเป็นม่านตาข่ายบาง ๆ ภายใต้ร่มสีดำ และร่างสีดำ
มีเพียงต้นสนและต้นไซเปรสที่ยังคงสีเขียวชอุ่มท่ามกลางสุสานที่หนาวเย็น แต่มันกลับทำให้เกิดความรู้สึกโดดเดี่ยวและเหี่ยวเฉามากขึ้น
บนศิลาหินที่ตั้งอยู่โดดเดี่ยว ปรากฏใบหน้าที่งามของฟางหลิงหยู้
ฉู่ซีหรานถือร่ม ร้องไห้หลายครวญครางจนเสียงแหบแห้ง “ แม่ … อย่าทิ้งหนู … อย่าทิ้งหนู … “
หยวนชูเฟินถอนหายใจ เธอไม่พูดอะไรแม้แต่ประโยคเดียว
หล่อนสุขภาพไม่ค่อยดี หลงเซียวให้หยังเซินพาหล่อนกลับขึ้นรถก่อน
ฝนตกหนักขึ้น และในไม่ช้าก็เหลือเพียงสามคนที่ยืนอยู่หน้าหลุมศพ
ฉู่ซีหรานคุกเข่าลงกับพื้นโคลน ดอกเบญจมาศสีขาวสดเปียกฝน ร่วงโรย และเน่าเปื่อยในบ่อโคลน
หลงเซียวถือร่มไว้ในมือข้างหนึ่ง อีกข้างโอบไหล่ของลั่วหานไว้” ไปกันเถอะ”
ลั่วหานรู้สึกไม่สบายใจ “เพียงเท่านี้เองหรือ…ฟางหลิงหยู้จากไปเพียงเท่านี้เองหรือ”
เมฆมืดครึ้มกลั่นตัวเป็นหยาดฝน ตกกระทบเข้ากับร่มจนเกิดเสียง ละอองน้ำฝนจับตัวกันไหลลงมาตามร่ม หยดลงสู่พื้นและปะทะเข้ากับแอ่งน้ำ หยาดน้ำบางส่วนสาดกระเซ็นเข้ากับกางเกง เปียกปอนไปทั้งรองเท้าและกางเกง
แต่กลับไม่มีใครสนใจ
หลงเซียวกอดลั่วหานไว้กับอกของเขาแน่น “ ชีวิตนี้เพียงแค่คุณเรียกหล่อนว่าแม่ ถือว่ามีค่าสำหรับหล่อนมากแล้ว หล่อนไม่ได้สูญเสียอะไร”