ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 958
ตอนที่ 958 นิทรรศการภาพวาดที่ไม่เคยมีมาก่อนประสบความสำเร็จ
“มาแล้วๆ คือคุณหยวนชูเฟิน!”
“ทางนี้!เห็นคุณหยวนชูเฟินแล้ว!”
นักข่าวที่จมูกไวเห็นหยวนชูเฟินที่ถูกหลงเซียวกับลั่วหานด้านซ้ายด้านขวาคุ้มกันเอาไว้ ก้าวขาวิ่งจะไปสัมภาษณ์ ปฏิกิริยาตอบสนองของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยไวกว่า ขวางทางเอาไว้ได้ก่อนที่นักข่าวจะรายล้อมหยวนชูเฟิน
“ทุกท่าน ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาสัมภาษณ์ กรุณาให้คุณหยวนชูเฟินเข้างานก่อน”
นักข่าวทั้งหลายไม่กล้าผลีผลาม ระงับความใจร้อนถอยไปข้างหลังหลายก้าว เครื่องบันทึกภาพที่อยู่ในมือปรับความยาวโฟกัสถ่ายภาพทั้งครอบครัวที่งดงามปรองดองสามัคคีเก็บเอาไว้
ช่างภาพของบริษัทเทียนเซี่ยก่อนหน้านี้นานมากเคยสัมภาษณ์หลงเซียว ตอนนี้ถ่ายภาพทั้งครอบครัวใส่ไว้ในภาพเดียวกันได้ แรงกระทบกระเทือนทางจิตใจใหญ่ยิ่งกว่าเมื่อก่อนเสียอีก อีกทั้งภายในภาพคิดไม่ถึงว่ายังจะปรากฏหนูน้อยของตระกูลมู่ที่พบเจอได้ยาก!
มู่ชูเฉิน!
เด็กผู้หญิงคนนี้ที่ถูกขนานนามว่าCentury Baby ก็คือมู่ชูเฉินที่ไม่เคยถูกสื่อสำนักไหนถ่ายภาพหน้าตรงได้มาก่อน!
ชื่อของห้างสรรพสินค้าครบวงจรเมืองแห่งนางฟ้าก็ตั้งชื่อด้วยชื่อภาษาอังกฤษของเธอ เจ้าหญิงน้อยที่ได้รับความรักใคร่เอ็นดูจากทุกคน!
“ถ่ายเด็กน้อย!หากสามารถเห็นหน้าตรงได้ พวกเราก็จะสามารถได้รับสิทธิ์การรายงานเพียงแค่ที่เดียว!ไว กล้องตามเข้าไป!”
“Angel!เด็กที่ท่านเซียวอุ้มคือลูกสาวของพวกเขา!รีบถ่ายหน่อย!กล้องล่ะ เอากล้องมา!”
นักข่าวและช่างภาพมุ่งจุดสนใจไปยังเด็กน้อยในอ้อมแขนของหลงเซียวด้วยความตื่นเต้น มุมกล้องหมุนเคลื่อนไหวอย่างชำนาญ พยายามใช้ทิศทางต่างๆอย่างสุดความสามารถอยากจะเห็นใบหน้าด้านตรงของชูชู แต่ทว่าที่ทำให้พวกเขาผิดหวังก็คือ ไม่ว่าพวกเขาจะพยายามยังไง หลงเซียวก็ไม่ประมาท
เด็กน้อยเผยออกมาเพียงแค่แผ่นหลังเล็กๆเท่านั้น บนศีรษะสวมหมวกหูกระต่ายสีฟ้าสดใสที่น่ารัก นอนคว่ำอยู่ในอ้อมแขนของแด๊ดดี้ที่รักอย่างนุ่มนิ่มบ้องแบ๊ว ใบหน้ายิ้มคลอเคลียอยู่ที่หน้าแผ่นอกของหลงเซียว ตั้งแต่ต้นจนจบไม่มีเงยหน้าขึ้นมา แล้วก็ไม่ได้ร้องไห้งอแง
ลั่วหานจับมือของหยวนชูเฟินเอาไว้ สีหน้าสูงศักดิ์เย็นสงบไม่มีรอยยิ้มที่เกินขึ้นมาเลยแม้แต่น้อย สุภาพ มีมารยาท มีความรู้สึกเหินห่างที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ
ฝีเท้าของหยวนชูเฟินหยุดลงอย่างกะทันหัน
เธอมองเห็นป้ายผ้าแขวนแนวนอนขนาดใหญ่ภายในห้องโถงใหญ่ศูนย์นิทรรศการ บนแบนเนอร์ที่เป็นขอบสีทองเขียนว่า “งานแสดงผลงานภาพวาดเขียนตัวอักษรส่วนตัวของคุณหยวนชูเฟิน”
ความช็อกที่มหาศาลทำให้หยวนชูเฟินนิ่งอึ้งอยู่กับที่ราวกับอยู่ในความฝัน เธอถึงขั้นไม่กล้าอ่านตัวอักษรที่อยู่ด้านบน กลัวจะเป็นความฝันที่ว่างเปล่า!
งานนิทรรศการภาพวาด?
ของเธอ?
เป็นไปได้ยังไงกัน?
เธอไม่ได้สร้างผลงานมาหลายปีแล้ว ผลงานเมื่อหลายปีก่อนก็ร่อนเร่ไม่รู้ไปอยู่ที่ไหนมาตั้งนานแล้ว
ลั่วหานในที่สุดก็เลิกแสร้งทำเป็นไม่รู้อีกต่อไป “แม่ นี่คืองานแสดงผลงานส่วนตัวของแม่ค่ะ อีกสักครู่แม่ก็จะได้เห็นของขวัญที่พวกเราตั้งใจเตรียมให้แม่เป็นพิเศษแล้ว”
“พวกเธอ…ทำไมถึง…” หยวนชูเฟินสะอึกสะอื้นเล็กน้อย
หลงเซียวประคองเธอจากทางด้านหลัง “นิทรรศการภาพวาดอยู่ด้านในครับ”
“พวกเธอพาฉันมาที่หางโจว ที่จริงแล้วก็เพราะนิทรรศการภาพวาด?” หยวนชูเฟินหยาดน้ำตาเป็นประกาย มือสั่นเบาๆอย่างเกิดความรู้สึก ดึงแขนเสื้อของลูกชายถาม
“ผลงานของแม่ถูกนักสะสมคนหนึ่งเก็บรักษาเอาไว้ ผมก็เพิ่งได้รับข่าวก่อนหน้านี้ไม่นาน ผลงานทั้งหมดที่อยู่ในมือของเขาต่างก็อยู่ที่นี่ คือลั่วลั่วที่คิดไอเดียออก หวังว่าผลงานของแม่จะเป็นที่รู้จักต่อสาธารณะ เติมเต็มความฝันของแม่”
หยวนชูเฟินกุมมือของลั่วหานเอาไว้แน่นอย่างช้าๆ “เด็กดี เธอจะให้แม่พูดอะไรดีล่ะ? เธอคนนี้ไม่พูดไม่จาคิดไม่ถึงว่าจะ…ขอบคุณจ๊ะ แม่ขอบคุณเธอลั่วหาน”
ลั่วหานรับมือกับสถานการณ์แบบนี้ไม่ค่อยเป็น หัวเราะโง่ๆอย่างเก้ๆกังๆ “แม่คะ หนูถูกแม่พูดจนไม่รู้ว่าจะทำยังไงดีแล้ว พวกเราเข้าไปกันเถอะค่ะ”
“จ้ะ เข้าไป เข้าไปดูหน่อย”
การมาถึงของหยวนชูเฟินทำให้ห้องโถงนิทรรศการที่เสียงดังโหวกเหวกอยู่แล้วยิ่งกระพือความบ้าคลั่งขึ้น คนวัยกลางคนจำนวนหนึ่งเห็นตัวจริงของเธออดไม่ได้ที่จะน้ำตารื้นขึ้นมา จำนวนไม่น้อยโชคดีเคยเห็นผลงานชิ้นเอกของเธอในปีนั้น เสียใจต่อการหยุดสร้างผลงานของเธอเป็นอย่างมาก
ตอนนี้เห็นผลงานของเธอปรากฏต่อสายตาของสาธารณชนอีกครั้ง ความรู้สึกยินดีปรีดาเอ่อล้นกว่าจะแสดงออกมาเป็นคำพูด
ผู้เข้าชมที่อายุน้อยส่วนมากคืออยากรู้อยากเห็นในพรสวรรค์ของคุณนายผู้ดูแลบ้านตระกูลหลงและออร่าในตัวเธอ หลังจากที่มองเห็นตัวจริงแล้วยิ่งเพิ่มความเคารพศรัทธา
หยวนชูเฟินและคนอื่นๆเดินเท้าเข้าสู่ห้องโถงใหญ่ของงานแสดงนิทรรศการ แขกที่ได้รับเชิญได้มาถึงทั้งหมดเป็นเวลานานแล้ว ทุกคนวนเวียนอยู่กับความหมายแฝงของผลงานภาพวาด สรรเสริญจิตวิญญาณเจ้าของผลงานเป็นเสียงเดียวกัน
“ผลงานภาพเหล่านี้ดูเหมือนดินแดนในอุดมคติเลย สะอาดบริสุทธิ์ไม่มีมลทินเลยแม้แต่น้อย ล่องลอยมากงดงามมาก”
“คำแนะนำเจ้าของผลงานที่อยู่ด้านหน้าเขียนอยู่ว่า คุณหยวนชูเฟินเกิดในครอบครัวนักวิชาการ ตั้งแต่เล็กก็ได้รับอิทธิพลทางวัฒนธรรมที่ดีมาก แม้ว่าจะเติบโตที่อเมริกา แต่ศิลปะสี่แขนงไม่มีด้านไหนที่ไม่ชำนาญ คือผู้หญิงที่ไม่ธรรมดารุ่นที่หนึ่งล่ะ!”
“ยังมีผลงานการเขียนพู่กันของเธอ ทุกที่ต่างก็มีเสน่ห์ของภูมิทัศน์เจียงหนาน ไม่ได้ทำตัวเป็นจุดสนใจเลยแม้แต่น้อย ลายมืองดงาม การเชื่อมต่อกันระหว่างขีดก็เหมือนสะพานเล็กๆและสายน้ำไหลภายใต้ฝนปรอย”
“พระเจ้า ฉันโตมาขนาดนี้เป็นครั้งแรกที่เห็นว่ามีคนเขียนตัวอักษรสวยยิ่งกว่าวาดรูปเสียอีก!”
ได้ยินคำชื่นชมจากความรู้สึกที่แท้จริงของผู้เข้าชม รอบดวงตาของหยวนชูเฟินก็เปียกชื้นขึ้นมา
เธอไม่กล้าคิดจริงๆว่า ผลงานของเธอยังสามารถปรากฏซ้ำได้อีก เธอสามารถมองเห็นฉากนี้ได้อีกครั้งก่อนตาย
ยิ่งคิดไม่ถึงว่า ผลงานที่เธอทุ่มเทความคิดทั้งหมดในปีนั้นยังมีผู้ติดตามมากมายขนาดนี้
“แม่คะ ผลงานเหล่านี้แม่ต่างก็ยังจำได้ทั้งหมดหรือเปล่าคะ?”
ลั่วหานก็เป็นครั้งแรกที่เห็นผลงานที่แสดงออกมาทั้งหมดเช่นเดียวกัน มองไปรอบๆ ทั้งห้องจัดแสดงต่างก็ถูกสไตล์ความเป็นจีนที่งดงามแทรกซึม อ่อนช้อยงดงามอย่างหาที่เปรียบไม่ได้!
ฉายาที่สวยงามผู้หญิงมากความสามารถที่หนึ่งแห่งเคมบริดจ์สมคำร่ำลือจริงๆ!
หยวนชูเฟินเช็ดน้ำตาด้วยความตื่นเต้น ปากพึมพำว่า “จำได้ จำได้ทั้งหมด ฉากหลัง เรื่องราวของภาพทุกภาพ ฉันต่างก็จำได้”
“แม่ยินดีที่จะนำเรื่องราวที่อยู่เบื้องหลังบอกกับทุกคนไหมคะ?” ลั่วหานประคองหยวนชูเฟินยืนด้านหน้าภาพๆหนึ่งที่อยู่ในนั้น
เจียงหนานที่ใช้วิธีการวาดโดยไม่ลงสี ที่วาดคือสาขาหนึ่งของคลองชลประทานขนาดใหญ่ซูหาง ความรู้สึกของภาพที่ไอน้ำลอยขึ้นปกคลุมอยู่บนแม่น้ำฉินหวาย แสงจันทร์สาดส่องชายฝั่งริมแม่น้ำ ถูกกั้นด้วยกระดาษเซวียนจื่อก็ยังสามารถได้กลิ่นไอหมอกดอกไม้หอมของช่วงเวลากลางฤดูใบไม้ผลิ ทั้งภาพต่างก็มีชีวิตขึ้นมา
“นี่เป็นภาพที่วาดตอนไปเที่ยวที่เจียงหนานในครั้งแรกที่กลับประเทศ เวลานั้นคือฤดูใบไม้ผลิ ฝนเพิ่งจะตกเสร็จ ฉันกับพ่อของเซียวเอ๋อออกไปเดินเล่น เห็นฉากนี้ ครู่เดียวก็จำได้แล้ว กลับถึงโฮมสเตย์จับปากกาและหมึกวาดลงมาในทันที”
ในดวงตาของหยวนชูเฟินเปล่งประกายสว่างไสว ราวกับล้มกลับเข้าไปในการมีความรักที่หอมหวาน
ชั่วพริบตา ก็กลับเข้ามาสู่ความเป็นจริงอีกครั้ง
ลั่วหานหันกลับไปมองอดีตที่ผ่านมาด้วยกันกับเธออย่างมีความสุข “แม่คะ หลังจากที่นิทรรศการภาพวาดจบลง พวกเราออกอัลบั้มภาพอัลบั้มหนึ่ง เขียนเรื่องราวของภาพทุกภาพออกมาด้วย ถือเป็นที่ระลึกไปตลอดกาล ดีไหมคะ?”
หลงเซียวก็มีความคิดนี้เช่นเดียวกัน พยักหน้าเห็นด้วย
หยวนชูเฟินส่ายหน้าอย่างเก้อเขิน “ไม่ต้องแล้วมั้ง? งานนิทรรศการภาพวาดนี้ฉันก็พอใจมากแล้ว”
“แม่ ของที่สวยงามต้องแบ่งปันค่ะ คราวนี้หนูเป็นผู้เขียนบทความวิจารณ์หลัก แม่บรรยาย พวกเรานำเรื่องราวเขียนออกมาอย่างครบถ้วนสมบูรณ์แบบ!” ลั่วหานตัดสินใจให้เธออย่างเผด็จการ หมายมั่นปั้นมือเขียนเรื่องราวความรักสักเรื่อง!
หยวนชูเฟินไม่ยืนกรานอีกต่อไป “โอเคจ้ะ…”
ผลงานภาพเหล่านี้ คือวัยรุ่น ความรัก ครอบครัว มิตรภาพ…คือเส้นทางทีละก้าวๆที่ผ่านมาของเธอ
ส้งชิงเซวี๋ยนยืนอยู่ที่ด้านหน้าภาพสีน้ำที่วาดเป็นภาพทิวทัศน์ของเคมบริดจ์ เขาจำเบื้องหลังการสร้างผลงานภาพนี้ได้ลางๆ
ในปีนั้นเขากับมู่เส้าเอินไปหาหยวนชูเฟินที่เคมบริดจ์ด้วยกัน ทั้งสามคนเดินเที่ยวชมสวนของมหาวิทยาลัย เดินมาถึงลานชมวิวหนึ่ง หยวนชูเฟินหยุดฝีก้าวลง
“เส้าเอิน มุมนี้ดีไหมคะ?”
หยวนชูเฟินที่อยู่ในชุดกระโปรงยาวผ้าชีฟองเอ่ยถามมู่เส้าเอิน
“ไม่ใช่แค่มุมดี แสง องค์ประกอบก็ดีเช่นเดียวกัน”
“ฉันกลับไปจะเอาที่นี่วาดลงมา!” หยวนชูเฟินคล้องแขนของมู่เส้าเอินราวกับนกน้อยยังไงอย่างงั้น
ส้งชิงเซวี๋ยนเสนอในทันที “ในเมื่อจะวาด สู้วาดตอนนี้เลยจะดีกว่า!ผมกับเส้าเอินช่วยคุณถือขาตั้งรูป!”
วัยรุ่นสามคนต่างก็อยู่ในช่วงอายุที่เลือดลมกำลังข้น บอกว่าจะทำอะไรก็ลงมือทำในทันที
ส้งชิงเซวี๋ยนลูบเคราเล็กน้อย “ไวจริงๆ…ครึ่งชีวิตได้ผ่านไปแล้ว”
เกาจิ่งอานเดินไปเดินมาเดินถึงส้งชิงเซวี๋ยนทางนี้ เห็นเขาวิจัยจนตกสู่ภวังค์ แสร้งทำเป็นเอ่ยขึ้นอย่างเชี่ยวชาญมาก “ตอนเด็กๆคุณปู่สอนวัฒนธรรมประเทศให้กับผม เคยเอ่ยถึงคุณน้าหยวน บอกว่าประเทศจีนขาดนักประพันธ์หญิงระดับปรมาจารย์คือความเสียหายที่ยิ่งใหญ่ และก็คือความเสียหายที่ยิ่งใหญ่ของสุนทรียศาสตร์ด้วยเช่นเดียวกัน ศาสตราจารย์ส้งรู้จักคุณน้าหยวนมาตั้งนานมาก ถ้างั้น…ตอนที่คุณน้าหยวนเป็นสาวสวยมากขนาดนั้นจริงๆหรอครับ??”
ส้งชิงเซวี๋ยนเหลือบมองเงาร่างที่สูงใหญ่ของเกาจิ่งอาน ดวงตาเลื่อนไปเห็นหยวนชูเฟิน ภายใต้หมวกสีแดงเลือดหมู กำลังพูดคุยกับคนอื่นๆด้วยรอยยิ้ม
อย่าพูดถึงตอนที่ยังสาว หยวนชูเฟินในตอนนี้ก็ยังสวยมาก
“สวยคำๆนี้สิ่งที่ใช้ในการแสดงออกมีขีดจำกัดมากจนเกินไป แต่สำหรับบางคน ตัวเธอเองก็มีรสชาติร้อยพัน” ส้งชิงเซวี๋ยนเก็บกลับสายตา มือทั้งสองข้างไขว้ไปที่ด้านหลังเอ่ยขึ้นอย่างสบายๆ
เกาจิ่งอานก็เลียนแบบท่าทางของเขาชื่นชมผลงานศิลปะ แต่ว่าเขาดูความหมายแฝงอะไรที่ลึกซึ้งไม่ออก
“คะแนนการประเมินที่ศาสตราจารย์ส้งมีต่อคุณน้าหยวนสูงจริงๆ ผมลองตั้งใจดู!”
ส้งชิงเซวี๋ยนไม่ได้สนใจเขาอีกต่อไป มือทั้งสองข้างไขว้หลังเดินจากไป
“ศาสตราจารย์ส้งมีความในใจใช่หรือเปล่า? พูดจาอย่างกับเขียนบทกลอน” เกาจิ่งอานดูรสชาติร้อยพันอะไรไม่ออกจริงๆ เขาคือคนไม่แตกฉานทางด้านศิลปะ ตอนเด็กๆถูกคุณปู่บังคับเรียน ก็เรียนไม่ได้อะไร
กู้เยนเซินที่ยืนอยู่ด้านข้างครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “คงจะไม่ใช่มีความรักแล้วหรอกมั้ง? คนที่ตกอยู่ในความรักไม่ใช่คนบ้าก็คือนักกวี!”
เกาจิ่งอานเหมือนถูกฟ้าผ่า “WTF ศาสตราจารย์ส้งอายุขนาดนั้นแล้ว อย่าพูดมั่ว!”
“ใครว่าอายุมากก็ไม่สามารถมีความรักได้แล้ว? อายุมากมีความรักยิ่งมีความหมาย ก็แค่ไม่รู้ว่าที่ศาสตราจารย์ส้งชอบนั้นเป็นใคร” กู้เยนเซินคิดวิเคราะห์อย่างจริงจัง ท่าทีที่ลึกซึ้งจนคาดการณ์ไม่ได้ราวกับหมอดูตามสะพานลอยยังไงอย่างงั้น
“น่าจะเป็นแก”
“ไสหัวไป!”
งานนิทรรศการยังคงดำเนินต่อ ผู้เข้าชมเข้าๆออกๆไม่ขาดสาย
คนจำนวนมากได้ยินว่าครอบครัวของหลงเซียวสามคนอยู่ด้านในทั้งหมด บอกต่อกันจากหนึ่งเป็นสิบจากสิบเป็นร้อย เรียกเอาเพื่อนๆในหางโจวเข้ามากันทั้งหมด จำนวนคนไม่ลดกลับเพิ่มขึ้นแทนเสียด้วยซ้ำ
จี้ตงหมิงเดินเข้าไปรายงานสถานการณ์กับหลงเซียวอย่างเร่งรีบ “บอส คนที่เข้าร่วมงานนิทรรศการในวันนี้ได้เกินจำนวนที่พวกเราคาดการณ์เอาไว้ ตอนนี้ยังคงเพิ่มขึ้นไม่หยุด ต้องควบคุมสักหน่อยใช่หรือเปล่าครับ?”
หากคนเยอะมากๆ เกรงว่าจะก่อให้เกิดปัญหาเรื่องความปลอดภัยที่ไม่จำเป็นขึ้นมาได้
“อืม หลังจากนี้ครึ่งชั่วโมงพวกเราออกไปจากที่นี่ เตรียมรถสำหรับคุณนายและคุณนายหญิงให้เรียบร้อย” หลงเซียวคุ้มกันลั่วหานและชูชู บริเวณที่ทั้งสามคนอยู่ไม่มีใครกล้ามารบกวนตามอำเภอใจ แต่การถ่ายรูปไม่มีขาด
“ครับ บอส”
เพื่อให้งานนิทรรศการภาพวาดได้รับการบอกต่ออย่างไร้ขีดจำกัด ในสถานที่ไม่ได้ติดตั้งคำเตือนห้ามถ่ายรูป รูปภาพแพร่กระจายไปยังแอปพลิเคชันสนทนาขนาดใหญ่ต่างๆภายในเวลาสั้นๆไม่กี่สิบนาที
ไม่ถึงสิบนาทีจำนวนการส่งต่อรูปภาพได้ทะลุหนึ่งล้านครั้ง อีกทั้งยังสูงขึ้นอย่างรวดเร็วจนน่าตกใจ
สื่อทางด้านประเพณีและวัฒนธรรมยิ่งเผยแพร่โฆษณาอย่างสนุกสนานไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยต่องานนิทรรศการครั้งนี้ เสิร์ชเอนจินขนาดใหญ่ต่างๆต่างก็นำนิทรรศการแสดงภาพวาดของหยวนชูเฟินใส่เข้าไปในแถบป้อนข้อมูล
ประธานสมาคมภาพวาดและพู่กันจีนเขียนบทความยืนยันอย่างหนักแน่นด้วยตัวเองถึงระดับมาตรฐานทางด้านศิลปะของหยวนชูเฟิน ให้ชื่อของหยวนชูเฟินดังก้องวงการศิลปะ
ยิ่งมีนักสะสม อาชีพเปิดการประมูลจำนวนนับไม่ถ้วนพยายามคิดหาทางติดต่อกับหยวนชูเฟินและหลงเซียว แสดงความยินดีที่จะซื้อผลงานของเธอในราคาที่สูง
หยวนชูเฟินในที่สุดก็เดินเข้าสู่สายตาของทุกคน ผลงานของเธอทะยานขึ้นมาภายในระยะเวลาอันสั้น กวาดเรียบช่องทางต่างๆนาๆด้วยออร่าที่ลุกโชน เกี่ยวกับอดีตของเธอ วัยเรียนของเธอ ทุกสิ่งทุกอย่างของเธอต่างก็ถูกชาวเน็ตขุดกันอย่างหนักหน่วง
เป็นธรรมดา ก็มีคนค้นพบความสัมพันธ์ของเธอกับมู่เส้าเอินแล้วเช่นเดียวกัน
จากนั้น คดีฆาตกรรมของตระกูลมู่ก็ค่อยๆออกจากที่หลบซ่อนเดินไปยังภายใต้แสงอาทิตย์…
เพื่อรักษาความเป็นส่วนตัวของชูชู ลั่วหานและหลงเซียวไม่ได้ให้ชูชูน้อยเผยใบหน้าด้านตรงออกมา ความทรงจำที่เหลือไว้ให้กับทุกคนก็คือแผ่นหลังน้อยๆนั้น
“ที่รัก ฉันส่งลูกให้กับป้าหลันไปก่อน อีกสักครู่พวกเราไปรับการสัมภาษณ์เป็นเพื่อนคุณแม่ พยายามรับเพียงแค่ครึ่งชั่วโมง ฉันกลัวร่างกายแม่รับไม่ไหว”
สภาพจิตใจของหยวนชูเฟินดีมาก แต่ใช้พลังงานร่างกายมากจนเกินไปจะเพิ่มอาการป่วยของเธอให้หนักขึ้น
“โอเค ผมให้อาหมิงกับจิ่งอานส่งพวกคุณ