ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 969
ตอนที่ 969 กระจายอำนาจ
ด้านในห้องประชุม
หัวข้อการประชุมหลักได้สิ้นสุดลงแล้ว บรรดากรรมการมีทั้งดีใจและเศร้าใจ บางคนแสดงสีหน้าตื่นเต้น ดวงตาและคิ้วของพวกเขาเป็นประกายน่ายินดี
และกรรมการหลายคนดูเศร้าหมอง ดวงตาทั้งคู่จ้องไปยังเนื้อหาการประชุมที่อยู่ในมือ พวกเขาอยากจะระบายความโกรธออกมาแต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร จึงได้แต่อัดอั้นไว้ในใจ
แล้วบรรดาคนที่สีหน้าไม่ดีนั้น ก็คือผู้ถือหุ้นเก่าของหลงถิง พวกเขาเป็นคนเก่าแก่ของ MBK และมีหลงถิงเป็นผู้นำมาตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท
แต่พวกเขาคิดไม่ถึงว่า การที่พวกเขานับเดือนนับดาวรอคอยให้หลงถิงกลับมายัง MBK กลับทำให้พวกเขาต้องเสียหายอย่างหนัก
พวกเขาเกือบจะถูกโจมตีจนเป็นลม!
“การตัดสินใจในวันนี้หากท่านใดยังมีสิ่งขัดข้องที่ไม่เข้าใจ หลังจากจบการประชุมเชิญไปพบผมที่ห้องทำงานเป็นการส่วนตัวได้ผมจะให้คำตอบของทุกคนอย่างละเอียด”
หลังจากที่มีเงียบไป 5 นาที หลงถิงมองไปยังปฏิกิริยาของทุกคนแล้วจึงพูดประโยคสุดท้ายนี้ออกมา
หลงเซียวซึ่งนั่งอยู่ในตำแหน่งประธานกรรมการ สีหน้าของเขาไม่ได้แสดงออกถึงความรู้สึกใด ดวงตาของเขานั้นมองไม่เห็นอารมณ์ใดๆ การที่หลงถิงพูดไปเมื่อสักครู่ สำหรับเขาแล้วเป็นเพียงเสือกระดาษ
แต่สำหรับหลงจื๋อนั้นไม่เหมือนกัน เขาตกตะลึงมาก บัดนี้เขาไม่เข้าใจอย่างแท้จริง ตนดูเหมือนกับคนโง่
เมื่อหลงถิงพูดจบ คนด้านล่างก็ไม่กล้าเอ่ยอะไรออกมา ต่างคนต่างมองหน้ากันแต่ไม่มีใครกล้ากระตุกหนวดเสือ
บรรยากาศในห้องประชุมเงียบลงอีกครั้งหนึ่ง 1 วินาที 2 วินาที……
เงียบเสียจนพวกเขาได้ยินเสียงลมหายใจของตัวเอง
หลงจื๋อมองไปยังพี่ชายด้วยความระมัดระวังและจากนั้นเขาก็มองไปทางผู้เป็นพ่อที่นั่งอยู่ตรงข้ามอย่างระมัดระวังด้วย
ในที่สุดหลงเซียวก็เอ่ยปากพูดขึ้นว่า “มองแล้วการประชุมในวันนี้ทุกท่านจะไม่มีข้อขัดแย้ง ถ้าอย่างนั้นก็จบการประชุมได้ครับ”
หลงเซียวใช้มือข้างหนึ่งติดกระดุมเสื้อก่อนที่จะลุกขึ้นยืนและเดินออกจากห้องประชุมไป
เมื่อรอจนร่างในชุดสีดำของเขาเดินจากออกไป หลงถิงจึงได้พูดออกมาอย่างเย็นชาว่า “เสี่ยวจื๋อพยุงฉันขึ้นหน่อย”
หลงจื๋อใช้มือทั้งสองข้างพยุงหลงถิงขึ้นมา เขาสัมผัสได้ว่าน้ำหนักที่กดลงมาบนบ่านั้น พ่อของเขาหมดแรงไปตั้งนานแล้ว “พ่อครับผมส่งพ่อไปโรงพยาบาลก่อนดีกว่าไหม พ่อเหนื่อยเกินไปแล้ว เรื่องที่เหลือผมจัดการเอง”
ช่องท้องและศีรษะของหลงถิงปวดเหมือนกับถูกเข็มแทง แต่เขาไม่ได้แม้แต่จะขมวดคิ้ว “ไปอย่างนั้นเหรอ? ถ้าฉันไปจากที่นี่ พวกเขาก็จะรื้อห้องทำงานของแกออก พยุงฉันไปห้องทำงานแก!”
หลงจื๋อมองออกไปด้านนอก กรรมการหลายคนปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างเย็นชา เห็นได้ชัดว่ากำลังรอให้พวกเขาเดินออกไป
“ถึงผมพยุงพ่อไป แต่พ่อจะรับมือได้ไหม?” หลงจื๋อกังวลว่าเขาจะเดินได้ไม่ไกล จากสภาพร่างกายในตอนนี้แล้วรอให้จนจบประชุมได้ก็เหงื่อตกไม่น้อย
“ไม่ได้ก็ต้องได้!”
น้ำเสียงของหลงถิงนั้นดูแห้งเหือด ดวงตาของเขาหรี่ลงด้วยความเจ็บปวดจากศีรษะ แต่ก็กลับมาเป็นแบบเดิมในไม่ช้า
……
จี้ตงหมิงและแอนดี้ยืนอยู่ด้านหน้าโต๊ะในห้องทำงานของหลงเซียว ทั้งสองคนอ่านรายงานการประชุมโดยไม่ตกไปแม้แต่ตัวเดียว
พวกเขาทั้งสองมองไปทางหลงเซียวอย่างเหลือเชื่อ
หลงเซียวยิ้มออกมาแล้วพูดว่า “แปลกใจเหรอ?”
จี้ตงหมิงกลืนน้ำลายลงคอโดยไม่รู้ตัว “ครับมันน่าแปลกใจมาก หลงถิงขับไล่คนทั้งหมดของเขาลงจากหลังม้า นี่มันหมายความว่ายังไงกันแน่?”
แอนดี้เองก็ไม่สามารถเข้าใจได้ “ฝ่ายการเงิน การตลาด ฝ่ายกฎหมาย ฝ่ายหลักทรัพย์และการพาณิชย์ ฝ่ายบุคคล หลงถิงไร้ความปรานีจริงๆ เหมือนกับมีดคมกรีดพวกเขา นี่ไม่เท่ากับว่า เป็นการถอนฟันซี่ใหญ่ของตัวเองออกเหรอคะ? เขาต้องการอะไรกัน?”
หลงเซียวมองดูอย่างเยือกเย็นไม่ได้พูดอะไรออกมา
จี้ตงหมิงพยายามทำความเข้าใจต่อไป “เจ้านายครับ หลงถิงใช้ระเบิดควันหรือเปล่า มองดูแล้วเป็นการกระจายอำนาจ แต่เขาอาจจะเก็บคนพวกนี้ไว้ใช้ในอนาคต”
หลงเซียวเคาะนิ้วไปบนโต๊ะ “ไม่หรอก เขาไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้ ตั้งแต่ผมเข้ารับตำแหน่งก็ยังไม่เคยคิดจะใช้คนของเขา”
“หรือเขากลัวว่าคุณจะลงมือหนักเกินไป จึงได้ลงมือเองก่อนน่ะ?”
จี้ตงหมิงพูดจบก็ส่ายหัวไม่เห็นด้วยกับความคิดของตัวเอง มันไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้นี่?
หลงเซียวโยนบันทึกการประชุมเข้าไปในกองเอกสาร
หรือว่า การที่หลงถิงทำเช่นนี้มีวัตถุประสงค์เดียวนั่นก็คือ
……
ณ ห้องทำงานของหลงจื๋อ
กรรมการหลายคนที่ไม่พอใจกับการจัดการในครั้งนี้ได้เข้ามาหาหลงถิงเพื่อต้องการคำอธิบายอย่างสมเหตุสมผลกับเขา
ห้าคนยืนเรียงกันเป็นแถว และบรรยายความโกรธออกมา
“ท่านประธาน เรื่องในวันนี้คุณหมายความว่ายังไงกันแน่? คุณย้ายพวกเราทุกคนออกไป แล้วให้คนของหลงเซียวเข้ามาแทนที่ นี่เป็นการมอบบริษัทและสิทธิในการบริหารจัดการให้เขาไม่ใช่เหรอ?”
“ทำไม?”
“เพราะเหตุผลใด?”
“คุณทำแบบนี้ได้ยังไง?”
ทั้งห้าคนเอ่ยถามออกมาด้วยความโกรธ พวกเขาจะไม่ยอมแน่หากไม่ได้รับคำตอบที่พึงพอใจ
หลงถิงเอนกายไปที่พนักเก้าอี้ด้วยความเหนื่อยล้า มืออันผอมแห้งของเขานั้นเหี่ยวย่น ผิวหนังบริเวณที่เขาลูบไปก็แนบลงกับเนื้อ “พวกคุณเองก็เห็นข่าวแล้วใช่ไหม คดีระหว่างผมกับหลงเซียว พวกคุณคงจะติดตามกันสินะ”
ทั้ง 5 คนนิ่งเงียบไม่พูดอะไรออกมา
“ในเมื่อทุกคนรู้แล้วผมก็จะไม่พูดมาก ถ้าหากผมอธิบายแล้วพวกคุณไม่อาจรับได้ สามารถถอนหุ้นออกจากประธานกรรมการ หุ้นในมือของพวกคุณที่มีอยู่ผมสามารถรับซื้อไว้ได้ทั้งหมด”
หลงถิงไอออกมาอย่างแรง เสียงไอนั้นดังแลดูเหนื่อยล้า เขาไอเสียจนร่างกายสั่นสะท้าน มือที่ยกขึ้นปิดปากไว้ร้อนขึ้นในทันใด
คำพูดของเขาเมื่อสักครู่ทำให้กรรมการทั้งหลายเข้าใจดี
ถ้าเช่นนี้หมายความว่า หลงถิงได้เตรียมใจในการที่จะแพ้คดีนี้แล้ว เขามีหลักฐานว่าไม่ได้อยู่ในสถานที่เกิดเหตุไม่ใช่เหรอ ในเมื่อเขาไม่ได้ฆ่าคนแล้วจะกลัวอะไร?
พวกเขาทำได้เพียงคิดอยู่ในใจแต่ไม่กล้าพูดออกมา
“อีกอย่างผมไม่ใช่ประธานบริษัท MBK อีกต่อไปแล้ว ขอความกรุณาพวกคุณอย่าเรียกผมแบบนี้อีก” หลงถิงเตือนอย่างเคร่งครัด
“เอ่อเรื่องนี้……ท่านประธานจะให้หลงเซียว ทำกร่างอยู่อย่างนี้ต่อไปเหรอ? ไม่คิดจะแย่งบริษัทกลับคืนมาเหรอ?”
“ท่านประธานรอให้ร่างกายของคุณหายดีก่อนแล้วค่อยกลับมาก็ได้ ทุกอย่างอยู่แค่เอื้อม”
หลงถิงหลับตาด้วยความเหนื่อยล้าแล้วพูดว่า “เอาล่ะ เพราะคุณออกไปเถอะ”
พวกเขาทั้งหลายไม่กล้าจะยืนกรานอีกต่อไป ทำได้เพียงส่ายหัวอย่างไม่เต็มใจและเดินถอนหายใจออกไปจากห้องทำงาน
หากเป็นก่อนหน้านี้ เพียงแค่เขายังมีลมหายใจเฮือกสุดท้ายก็จะไม่ให้ของของตนเองแก่ผู้อื่นอย่างแน่นอน
หรือว่าเรื่องของตระกูลมู่ในตอนนั้น เขาจะเป็นคนลงมือทำจริงๆ?
หลงถิงค่อยๆแบมือออก มองเห็นเลือดสีดำคล้ำเป็นก้อนอยู่ในฝ่ามือของเขา
เมื่อหลงจื๋อเห็นดังนั้นก็รีบวิ่งเข้าไป และพยุงบ่าของเขาเอาไว้ “พ่อครับเป็นยังไงบ้าง? เมื่อสักครู่พ่อไอหนักมากจะต้องไปโรงพยาบาลตอนนี้!”
หลงถิงรีบกำมือเพื่อซุกซ่อนรอยเลือดนั้นไว้ “นิทรรศการภาพวาดของแม่สิ้นสุดวันนี้ใช่ไหม?”
หลงจื๋อได้ยินดังนั้นก็ตกตะลึงแล้วพยักหน้า “ใช่ครับ สิ้นสุดวันนี้ แม่อยู่ที่หางโจวพี่บอกว่าแม่อยากอยู่ที่หางโจวสักพัก พ่อครับ……พ่ออยากไปหางโจวไหม?”
หางโจวเหรอ?
เกรงว่าเขาคงไปไม่ได้แล้ว
“กลับโรงพยาบาล”
หลังจากวนิ่งไปเป็นเวลาเนิ่นนานเขา ครุ่นคิดสิ่งต่างๆอยู่มากมาย มีคำพูดหลายต่อหลายคำที่ไม่อาจพูดออกมาได้ สุดท้ายก็พูดออกมาเพียง 3 คำ
“ครับ ผมจะให้คนขับรถเตรียมรถให้”
“กินอาหารค่ำด้วยกันนะ”
หลังจากขึ้นรถแล้วหลงถิงก็เอนตัวไปที่เบาะนั่ง เขาพูดขึ้นกับหลงจื๋ออย่างไร้เรี่ยวแรง
หลงจื๋อกำโทรศัพท์ไว้แน่น เขายังไม่ได้ตอบข้อความของหลินซีเหวินเลย
“ที่รักคะ คืนนี้กินข้าวกับหม่ามี้แดดดี๊ฉันนะ คุณจะผ่านหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับค่ำคืนนี้แล้วล่ะ ไม่ว่ายังไงก็ต้องไปให้ได้!”
“ทำไม มีธุระเหรอ?” หลงถิงเงยหน้าขึ้นมองลูกชายที่ดูใจลอย
“ไม่เป็นไรครับ ผมไปกินข้าวกับพ่อ ถ้าอยากกินอะไรผมจะให้แม่ครัวเตรียมเอาไว้แล้วส่งไปให้ที่โรงพยาบาล” หลงจื๋อหยิบโทรศัพท์และใส่เข้าไปในกระเป๋ากางเกง