ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 995
เมืองหลวง บ้านตระกูลหลง
หลงจื๋อดึงคอเสื้ออย่างหงุดหงิด มองผู้รักษาความปลอดภัยที่แสนเข้มงวดผ่านหน้าต่างกระจก
หลังจากนอนไม่หลับตลอดทั้งคืนทำให้อารมณ์ของหลงจื๋อก็ไม่ดีนัก ดวงตาแดงก่ำของเขามองพระอาทิตย์ที่ผ่านก้อนเมฆไปตาไม่กะพริบ แสงอาทิตย์สาดส่องลงบนใบหน้าและร่างกายของเขา แต่เขากลับสัมผัสถึงความอบอุ่นไม่ได้เลย
หลงจื๋อหัวเสีย เขาหันหน้าเดินกลับไปนั่งบนโซฟา ขายาวทั้งสองกางออก เขาไม่มีทางอื่นแล้วเว้นแต่ว่าเขาจะกระโดดออกไปนอกหน้าต่างเหมือนหลินซีเหวิน
ในเมื่อพ่อของเขาตัดสินใจที่จะขังเขาให้กลับไปคิด นั่นหมายความว่าพ่อจะไม่มีวันปล่อยเขาออกไปง่ายๆ
ส่วนทางด้านบริษัท เขาเชื่อว่าพ่อได้คิดหาทางแก้ไขแล้ว ไม่ว่าจะทำอะไรพ่อจะพิจารณาทุกอย่างอย่างรอบด้านมาโดยตลอด และบริษัทคือทุกสิ่งทุกอย่างของพ่อ พ่อไม่มีทางพลาดโอกาสในการฟื้นคืนอำนาจแน่
ตอนนี้พี่ชายเขาไม่อยู่ เขาถูกกักบริเวณอีกครั้ง คนในครอบครัวเหลือแค่เพียงพ่อของเขา
นึกได้เท่านี้หลงจื๋อก็อดรู้สึกปวดใจจากความผิดหวังไม่ได้ เพื่อMBKแล้วเขาคิดทุกอย่างจริงๆ วิธีการของเขาก็แย่มาก!
“เสี่ยวจื๋อแกไม่จำเป็นต้องโกรธฉันเพราะทุกอย่างที่ฉันทำก็เพื่อผลดีของตัวแกเอง ฉันไม่ต้องการให้คนบางใช้ประโยชน์จากแก”
ขณะที่อารมณ์เสียเสียงของหลงถิงก็ดังมาจากด้านนอกประตู
หลังจากผ่านการต่อสู้และการเผชิญหน้ากันมายาวนาน ความคิดของหลงถิงยังคงเหมือนเดิมก็คือไม่ได้ตั้งใจที่จะให้หลงจื๋อได้กลับไปใช้ชีวิตต่อ
หลงจื๋อเงยหน้าประตูที่อยู่ห่างออกไปหนึ่งประตู เขารู้สึกราวกับว่าความรักระหว่างพ่อลูกกลับกลายเป็นศัตรู “คนที่ต้องการใช้ประโยชน์จากผมก็จริงๆคือพ่อ”
หลงถิงจัดเนกไทให้เรียบร้อย แววตาที่อ่อนล้าของเขาคมกริบราวกับนกอินทรีที่บินอยู่บนท้องฟ้า “MBKคือความพยายามทั้งชีวิตของฉัน มันไม่สามารถวัดค่าได้ด้วยเงิน ฉันทำงานอย่างหนักเพื่อมัน วันหนึ่งแกจะเข้าใจ”
หลงจื๋อกระโดดขึ้นยืนเดินไปที่ประตู “ปัง” หมัดหนักๆกระแทกกับประตู “พ่อ! ทำไมพ่อยังดึงดันต่อ! การพิจารณาคดีจะดำเนินต่อไป ไม่ช้าก็เร็วความลับของพ่อก็จะถูกเปิดเผย!
ตอนนี้พ่อควรไปหาพี่ชายแล้วเจรจาอย่างสันติ พี่อาจจะให้โอกาสพ่อ ถ้าพ่อเผชิญหน้ากับพี่มันมีแต่ทางตันแค่ทางเดียวเท่านั้น พ่อลืมไปแล้วว่าพี่ปฏิบัติกับตระกูลโม่ ตระกูลคางแล้วหรอ! พ่อลืมจุดจบของตระกูลคาง? จุดจบของตระกูลโม่? แล้วจุดจบของเสิ่นเหลียว! หรือว่าพ่ออยากจะเดินตามรอยพวกเขา!”
หลงจื๋อกดเสียงด้วยความโกรธ ลำคอของเขาแห้งผากจนแทบทนไม่ได้ เขาหลับตาแน่นด้วยความเศร้า บาดแผลที่หมัดของเขายังเจ็บสู้ความเจ็บปวดในใจเพียงหนึ่งเปอร์เซ็นต์ไม่ได้เลย
“เสี่ยวจื๋อแกไม่เข้าใจ แกก็ไม่จำเป็นต้องเข้าใจเหมือนกันแค่อยู่บ้านไปพอ!” หลงถิงพูดทิ้งท้ายอย่างเย็นชา เขาหันหน้าหนีไม่คาดหวังอีกต่อไป
หลงจื๋อกัดฟันแน่น ดวงตาเบิกกว้างราวกับจะแยกออก “พ่อ จุดยืนของผมจะไม่เปลี่ยนแปลง ผมเชื่อพี่”
เสียงฝีเท้าของหลงถิงหยุดลงชั่วขณะ “แล้วแต่แก”
พ่อบ้านรีบเข้ามาจากข้างนอกแล้วแจ้งอย่างรีบร้อนว่า “ท่านครับ มีรถตำรวจคันหนึ่งอยู่นอก คนของสถานีตำรวจของเมืองหลวงมาครับ”
สายตาดุของหลงถิงหรี่ลง “ใคร?”
“คนของหัวหน้าเฉินชื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเจิ้งซิ่วหยาและอีกคนชื่อโจวจั่นครับ พวกเขาบอกว่ามีเรื่อง” เขารายงานจุดสำคัญตามความจริง
หลงถิงตะคอกอย่างเย็นชา “เรื่องอะไร?”
พ่อบ้านส่ายหัว “ผมก็ไม่รู้ครับ พวกเขาบอกว่าต้องการบอกคุณด้วยตัวเอง ท่านครับ ให้พวกเขาเข้ามามั้ย?”
เสียงที่ชัดเจนคมชัดของเจิ้งซิ่วหยาแทรกเข้ามาในบทสนทนาได้เหมาะเจาะพอดี “ไม่ให้เข้าก็ไม่ทันแล้วล่ะ ท่านคะ แขกที่ไม่ได้รับเชิญคนนี้ต้องขอรบกวนคุณแล้ว”
หลงถิงเงยมองกวาดเจิ้งซิ่วหยาด้วยสายตาเย็นชาแล้วแสยะยิ้มทันที “คุณตำรวจเจิ้ง ไม่ทราบว่าคุณมาบ้านผมแต่เช้าด้วยเรื่องอันใด?”
เจิ้งซิ่วหยากวาดมองห้องนั่งเล่นของบ้านตระกูลหลงหนึ่งรอบ ห้องมีการตกแต่งอย่างหรูหราสไตล์โบราณ ของตกแต่งทุกชิ้นมีมูลค่ามาก ทั้งอาคารราวกับทำด้วยกองเงินกองทอง
คำว่ากองเงินกองทองคงจะอธิบายได้ไม่เกินจริงนัก
“ดูเหมือนว่าท่านจะออกไปข้างนอก ดังนั้นฉันขอพูดตรงๆเลยละกันว่าฉันไม่ได้มาหาคุณ แต่มาลูกชายคนรองของคุณ” เจิ้งซิ่วหยาเลิกคิ้วมองสำรวจรอบๆห้องนั่งเล่นก็ไม่พบเงาของหลงจื๋อ
หลงถิงหัวเราะลั่นแล้วพูดว่า “ไม่ทราบว่าไอ้หมาตัวนั้นไปทำอะไรไว? คุณตำรวจเจิ้งถึงต้องการพบเขา ผมเกรงว่าจะต้องให้เหตุผลกับผม”
จู่ๆคนของสถานีตำรวจก็มาบ้านเพื่อตามหาคน ปฏิกิริยาแรกของหลงถิงคือเขาคิดว่าเรื่องนี้ไม่ชอบมาพากล
เจิ้งซิ่วหยาเอาใบรับรองที่มีตราประทับที่ถือเล่นไว้ในมือ “ถ้าไม่มีเรื่องอะไรก็คงไม่มา แน่นอนว่าดิฉันมาหาคุณชายรองหลงก็เพราะเรื่องงานราชการ ส่วนจะเป็นเรื่องอะไรนั้นเป็นเรื่องส่วนตัวของทางตำรวจกับคนที่เกี่ยวข้องจึงไม่สะดวกที่จะแจ้งให้ทราบ”
หลงถิงยักไหล่ “งั้นต้องขอโทษด้วย เจ้าหมาไม่อยู่บ้าน ก็อย่างที่คุณเห็นที่บ้านไม่มีใคร”
เจิ้งซิ่วหยาหัวเราะเยาะในใจ ไม่แปลกใจเลยที่ท่านเซียวให้เธอตามหาคนที่บ้าน พอเห็นท่าทางเช่นนั้นของหลงถิงเธอก็รู้ว่าคุณชายรองจะต้องถูกกักบริเวณแน่ๆ
“ท่านคะ เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังหาคน ไม่ได้มาเก็บหนี้แต่เพื่อให้รับผิดชอบทางกฎหมาย ดิฉันหวังว่าคุณจะเนกไทวมมือในการทำงานกับเรา” เจิ้งซิ่วหยาเดินในห้องนั่งเล่นสองสามก้าว ต้องยอมรับเลยว่าพื้นไม้โอ๊คของบ้านตระกูลหลงนั้นสบายกว่ากระเบื้องหินอ่อนอะไรนั่น
หลงถิงมีการแสดงออกที่ดูรอบคอบไม่มีข้อบกพร่องแม้แต่น้อย “หากคนที่ตำรวจเจิ้งกำลังตามหาคือไอ้หมา ผมเคยได้ยินว่าระบบค้นหาสามารถหาที่อยู่ของเขาได้ ผมไม่มีความสามารถในการจับคนเป็นๆไปให้คุณ”
เจิ้งซิ่วหยาพยักหน้าตามหน้าที่ “ไม่เป็นไรค่ะ ตามกฎการปฏิบัติหน้าที่ของเรา หากไม่เจอใครก็มีสิทธิ์ค้น ท่านดูเหมือนกำลังจะออกไปข้างนอก ทิ้งพวกเราไว้ที่นี่ก็ได้ ไม่ขอรบกวนเวลาท่าน”
พ่อบ้านแอบมองหน้าหลงถิง ไม่กล้าพูดอะไร
เจิ้งซิ่วหยากลับจับสายตาพ่อบ้านได้ จึงเดาออกว่าหลงจื๋ออยู่ในบ้าน!
เพียงแต่ว่าถ้าเธอตะโกนเรียก หลงถิงก็จะเสียหน้าเกินไปหรือเปล่า?
สีหน้าของหลงถิงนั้นไม่ค่อยดีนักแล้ว “ไม่มีเหตุผลที่ชัดเจนแล้วมาตามหาคน ถ้าฉันไม่สามารถให้ความร่วมมือกับเรื่องทางราชการได้ล่ะ”
“ท่านคะ หากคุณไม่ให้ความร่วมมือจะมีเป็นความผิดฐานในการปกปิดบุคคลนะคะ ลองคิดดูให้ดีเถอะอย่าทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่แล้วจัดการไม่ได้เลย คุณลองคิดดูสิคะว่าไม่ได้ละเลยบางจุดไป? บ้านคุณตั้งใหญ่ บางทีคุณชายรองอาจหลับไปแล้วคุณลืมก็ได้”
ทำเป็นขั้นเป็นตอนให้เขาดู ทางที่ดีเขาควรไป มิเช่นนั้นเธอคงทำเรื่องนี้ไม่ได้มากนัก!
หลงถิงมองพ่อบ้านด้วยความโกรธ “เห็นคุณชายรองมั้ย?”
พ่อบ้านอึ้งเมื่อถูกถาม ที่มันเหมือนโยนมันฝรั่งร้อนๆให้เขานี่ จะให้เขาตอบอย่างไร?
คุณชายรองอยู่ชั้นบนชัดๆ ถ้าเขาบอกว่ายังไม่เห็นแล้วถูกจับได้จะทำยังไง? ถ้าเขาบอกว่าเห็น…นี่มันจะไม่ขัดกับคำตอบของนายท่านเหรอ?
ขณะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก พ่อบ้านก็ยิ้มอย่างขมขื่น “เมื่อคืนคุณชายรองกลับมาแล้วครับ แต่ได้ออกไปไหนรึเปล่านั้นผมไม่รู้”
เจิ้งซิ่วหยายิ้ม
ถ้าเป็นเช่นนั้นมีนายก็ต้องมีคนรับใช้
“จริงเหรอ? ในเมื่อพวกคุณไม่มั่นใจ งั้นฉันคงต้องตามหาแทน” เจิ้งซิ่วหยาขยิบตาให้โจวจั่น “หาให้ทั่ว ตะโกนหาสักสองครั้ง เผื่อว่าคุณชายรองจะหลับไป!”
สีหน้าของหลงถิงเริ่มหม่น
“คุณหลงจื๋อครับ คุณอยู่ที่บ้านหรือเปล่า? ผมเป็นคนของสถานีตำรวจ หากคุณอยู่ รบกวนตอบกลับด้วยครับ” โจวจั่นเงยหน้าขึ้นตะโกนไปยังชั้นสอง
หลงจื๋อได้ยินเสียงก็ยืนขึ้นแล้วเขย่าประตู “ฉันอยู่ที่นี่!”
“โอ้ อยู่บ้านจริงๆ! ท่านคะ คุณสะเพร่าไปซะแล้ว ลูกชายคุณอยู่บ้านทั้งคนกลับไม่รู้” สายตาของเจิ้งซิ่วหยาเลื่อนจากประตูชั้นสองย้ายไปที่ใบหน้าของหลงถิง ส่งคำเยาะเย้ยผ่านสายตา
หลงถิงกำมือข้างตัวแล้วยิ้มอย่างสบายๆ “ในเมื่อเขาอยู่บ้าน คุณตำรวจเจิ้งต้องการคุยอะไรกับเขาก็คุยกันตรงนี้เถอะ”
โจวจั่นเดินขึ้นไปชั้นบนพยายามเปิดประตู เขาบิดลูกบิดประตูสองสามครั้งพบว่ามันเปิดไม่ได้ ประตูถูกคนล็อกไว้
เจิ้งซิ่วหยาส่งเสียงเหอะ “ครอบครัวของคุณมีความตระหนักในการป้องกันโจรดีจริง ถึงได้ล็อกประตูไว้ยี่สิบชั่วโมง”
หลงถิงเริ่มเก็บสีหน้าไว้ไม่อยู่จึงส่งสัญญาณให้พ่อบ้านขึ้นไปเปิดประตู
เจิ้งซิ่วหยาเห็นการกระทำซ้ำๆ ก็รู้จักนิสัยหลงถิงแล้ว ในใจเธอรู้ชัดเจนดี แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
สภาพของหลงเจ๋อไม่ค่อยดีนักโดยเฉพาะดวงตาที่แดงก่ำ ที่คางมีเคราสีเขียว ท่าทางของเขาเรียกได้ว่ามอมแมม
แต่ถึงแม้จะมอมแมมก็ไม่ส่งผลต่อความหล่อเหลาของเขา
เจิ้งซิ่วหยากวักมือเรียก “คุณชายรองมากับฉัน!”
หลงจื๋อยังคงไม่เข้าใจสถานการณ์ “คุณตำรวจเจิ้งมีอะไรหรือครับ?”
“ถ้าไม่มีเรื่องอะไรจะมาหาคุณหรอ? ตรงนี้ไม่สะดวกที่จะพูด โปรดตามฉันกลับไปที่สถานีตำรวจ” เจิ้งซิ่วหยายกมุมปากขึ้น สายตาเธอชัดเจนและละเอียด
หลงจื๋อจึงเข้าใจทันที!
เธอมาที่นี่เพื่อช่วยตัวเขา!
“ผมจะไปกับคุณ แต่ธุระของผมไม่เกี่ยวกับพ่อ ฉะนั้นไม่ต้องโยงไปหาเขา”
“หลังจากการสอบสวนอย่างชัดเจนแล้วเราถึงจะตัดสินใจ”
“เดี๋ยว”
หลงถิงตะโกนหยุดฝีเท้าหลงจื๋ออย่างเย็นชา หลงจื๋อหยุดอยู่ที่เดิม
“ฉันจะให้คนขับรถตามแกไป เสร็จแล้วให้คนขับรถส่งแกกลับบ้าน”
หลงจื๋อพูดอย่างเย็นชา “ผมรู้ทางกลับบ้าน”
เจิ้งซิ่วหยาจึงเข้ามาพูดช่วย “ไม่ต้องห่วงค่ะท่าน ถ้าหากคุณชายรองไม่มีอะไรผิดปกติ ทางเราจะส่งเขากลับบ้าน หากมีเรื่องอะไรจริงเกรงว่าจะไม่สามารถกลับไปได้สักพัก!”
หลงเจ๋อขึ้นรถตำรวจ ขณะประตูถูกปิดเขาเห็นพ่อยืนอยู่บนขั้นบันไดของคฤหาสน์
เขาดูแก่กว่าแต่ก่อนมาก จอนผมเริ่มเปลี่ยนเป็นสีขาว สันหลังที่พยายามยืดตรงก็ไม่มีแรงเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป
แต่เดิมเขาเป็นผู้อาวุโสที่น่านับถือ แต่เขากลับเปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นคนเลวที่ทุกคนนับหน้าถือตา
เจิ้งซิ่วหยาโยนน้ำแร่ให้เขาขวดหนึ่ง “การสอนของบ้านคุณชายรองช่างพิเศษมาก ไม่คิดว่าจะถูกกักบริเวณ”
หลงจื๋อคลายเกลียวขวดแล้วดื่มน้ำ “พี่ส่งคุณมาใช่ไหม?”
“ใช่ ดูเหมือนว่าคุณจะรู้จักเขาดี”
ริมฝีปากบางของหลงจื๋อโค้ง
“ยืมโทรศัพท์หน่อยสิ” หลงจื๋อยื่นมือ
เจิ้งซิ่วหยาส่งให้โทรศัพท์เขา “โทรหาภรรยาคุณหรอ?”
หลงจื๋อไม่ตอบ เพียงแค่ยิ้ม พอเปิดหน้าจอเขาเห็นหน้าจอโทรศัพท์ของเจิ้งซิ่วหยาซึ่งเป็นรูปถ่ายคู่ของเธอกับถังจิ้นเหยียน ทั้งสองหน้าแนบกันอย่างสนิท ดูรักกันและดูหวานมาก
หลงจื๋อกดหมายเลขโทรศัพท์ของหลินซีเหวิน
เสียงรอสายดังสองสามครั้งก่อนจะถูกรับ
“ซีเหวิน ฉันเอง”
เกรงว่าเธอจะไม่รู้จักเบอร์แปลก หลงจื๋อจึงแนะนำตัวเองก่อน
“คุณคือแฟนของคุณหมอหลินใช่มั้ย? คุณหมอหลินประสบอุบัติเหตุเมื่อเช้าตอนมาทำงาน ตอนนี้อยู่แผนกศัลยกรรมกระดูก คุณสะดวกมาที่โรงพยาบาลมั้ย? โรงพยาบาลหวาเซี่ย”
คนรับสายคือพยาบาลแผนกกระดูก แพทย์กำลังพันแผลของหลินซีเหวินในห้องฉุกเฉิน
สีหน้าของหลงจื๋อเปลี่ยน “อุบัติเหตุอะไรกัน? ร้ายแรงมั้ย?! ฉันจะรีบไปเดี๋ยวนี้!”
“อุบัติเหตุเล็กๆ ดูเหมือนจะไม่ร้ายแรงมาก”
เกิดอุบัติเหตุยังมีหน้ามาบอกว่าไม่ร้ายแรง! เป็นหมอหรือเปล่าเนี่ย?
ถ้าไม่เห็นแก่หน้าเจิ้งซิ่วหยากับคนอื่น หลงจื๋อคงจะด่าไปสักยกแน่นอน!
“ตำรวจเจิ้งครับ รบกวนไปหวาเซี่ยหน่อยครับ เกิดเรื่องกับซีเหวิน ผมต้องไปหาเธอ!”
ตอนนี้หลงจื๋อจะนั่งก้นติดพื้นได้อย่างไร ใจตกถึงตาตุ่ม ความคิดที่ไม่ดีก็แวบเข้ามาในหัวนับไม่ถ้วน
“ไม่ต้องกังวลนะคะคุณชายรอง พวกเราจะไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้…โจวจั่นรีบขับไปโรงพยาบาลก่อน ทางด้านหัวหน้าฉันค่อยไปคุย”
เจิ้งซิ่วหยาก็ร้อนใจ อุบัติเหตุอะไรกัน ใครจะรู้ว่าถึงขั้นไหน หลินซีเหวินเป็นเพื่อนร่วมงานกับถังจิ้นเหยียน ความสัมพันธ์ของทั้งสองนั้นไม่เลว ถังจิ้นเหยียนออกความคิดเห็นที่มีต่อเธอเป็นอย่างดี เจิ้งซีหยาก็ประทับใจหลินซีเหวินเช่นกัน
โจวจั่นเหยียบคันเร่งจนสุด “ฉันขับรถถึงความเร็วขีดจำกัดแล้ว เร็วกว่านี้ก็จบเห่พอดี ตำรวจไม่สามารถขับความเร็วเกินได้”
หลงจื๋อกัดฟันแน่น ให้ตายเถอะ!
…
“พันผ้าพันแผลเรียบร้อยแล้ว โชคดีที่ไม่ได้บาดเจ็บ แต่คาดว่าต้องพักรักษาอาการบาดเจ็บที่น่อง ในช่วงนี้งดอาหารแสลงบางอย่าง สัมผัสน้ำ ผมจะสั่งยาให้คุณ ให้คุณกินให้ตรงเวลา”
หมอกระดูกช่วยพันแผลให้หลินซีเหวินแล้วกำชับง่ายๆ 2-3 ประโยค
หลินซีเหวินนอนอิงหัวเตียงด้วยความเจ็บปวดแต่กลับไม่ได้รับการปลอบโยนใดๆ “โอ้ ขอบคุณค่ะหมอโฉ”
หมอโฉหันหลังเขียนใบสั่งยาให้เธอแล้วพูดว่า “ขับรถก็ดูถนนดีๆ โชคดีที่คราวนี้ชนเสาไฟฟ้า ถ้าเกิดไปชนใครเข้าจะเป็นเรื่องใหญ่ โฆษณารณรงค์ด้านการจราจรก็บอกว่าขับรถไม่ควรเล่นโทรศัพท์ ก็ยังมีคนไม่ฟัง”
หลินซีเหวินยิ้มอย่างขมขื่น “ฉันจำได้แล้วค่ะหมอโฉ คุณบอกว่าฉันมาครึ่งชั่วโมงแล้ว หูของฉันฟังจนจะมีรังไหนขึ้นแล้ว”
หมอโฉปริ้นใบรายการออกมา “คนหนุ่มสาวไม่เสียดายชีวิต เรื่องใหญ่แค่ไหนเชียวถึงสำคัญกว่าความปลอดภัย? ไหน ยาอยู่ข้างบน เดี๋ยวไปรับที่ช่องจ่ายนะ แต่คุณอยู่ในสภาพนี้แล้วจะไปยังไง?”
หลิวซีเหวินวางคางอย่างอัดอั้น “สามีของฉันหายไป”
“ซีเหวิน!”
หูหลิวซีเหวินผึ่ง!!
เสียงของหลงจื๋อ คิดไม่ถึงว่าไอ้บ้าที่สมควรตายจะมาเอาป่านนี้!
“หมอโฉคะ สามีของฉันมาแล้ว คูณช่วยตามน้ำหน่อย ขอบคุณค่ะ!”
หลิวซีเหวินล้มนอนลงบนเตียงหลับตาลงราวกับว่าเธอกำลังป่วย ไม่ไหวแล้ว
หมอโฉ “…”
“ซีเหวิน?”
หลงจื๋อพุ่งเข้าไปในห้องทำงานของหมอโฉ มือยันกรอบประตูแล้วมองเข้าไปด้านใน เขาก็เห็นหลินซีเหวินที่กำลังนอนนิ่งอยู่บนเตียงทันที
หลงจื๋อสูดลมหายใจ กลืนน้ำลายด้วยความตกใจ “หมอครับ เธอ…เธอเป็นยังไงบ้าง?”
หมอโฉเขย่าใบสั่งยาในมือแล้วกลอกตา “คุณมองไม่เห็นเหรอ? บาดเจ็บสาหัสมาก เมื่อครู่ปวดจนเป็นลมไปแล้ว คุณเป็นสามียังไง ภรรยาของคุณประสบอุบัติเหตุ แค่หน้าก็ไม่โผล่มา”
หลงจื๋อรู้สึกปวดใจโทษตัวเองและละอายใจ เขาคุกเข่าหน้าหน้าต่างกุมมือข้างหนึ่งของหลินซีเหวินน้ำตาไหลพราก “ซีเหวินฉันขอโทษ ฉันมาสายไป ขอโทษนะ ครั้งหน้าฉันจะไม่ปล่อยให้เธอต้องมาลำบากคนเดียวอีกแล้ว”
กลั้นยิ้ม “คุณยังอยากมีครั้งหน้าอีกหรอ? ครั้งนี้เธอก็เจ็บปวดเพียงพอแล้ว กระดูกน่องซ้ายของเธอหัก กล้ามเนื้อและกระดูกบาดเจ็บใช้เวลารักษาร้อยวัน ดูแลให้ดีเถอะ”
“กระดูกหัก?”
หลงจื๋อมองขาของหลินซีเหวินที่ถูกพันด้วยผ้าก๊อซ ดูแล้วจริงจังมาก
ทันใดนั้นหัวใจก็แตกออกเป็นเสี่ยงๆ เขาหงุดหงิดอยากต่อยตัวเอง!
“ฉันโทรหาเธอตอนขับรถทำให้เธอชนเสาไฟฟ้า กระดูกหักยังนับว่าโชคดี เดาว่าสมองอาจกระทบกระเทือน รอเธอฟื้นค่อยไปสแกนสมองดูว่ามีการกระทบกระเทือนรึเปล่า”
กำชับอย่างจริงจัง สายตาแอบสังเกตการแสดงออกที่เปลี่ยนของหลงจื๋อ
แน่นอนว่าการตอบสนองของเขาทำให้เขาพอใจมาก
เลือดหลงจื๋อพลุ่งพล่าน ความโกรธและความละอายทำให้เขาไม่สนภาพลักษณ์ตัวเอง “ขอโทษ…ฉันขอโทษ..