ประธานเฟิง ฉันไม่รักนายอีกแล้ว - ตอนที่ 105
บทที่ 105 ตอนนั้นแทนที่จะได้บ้าง
ในเวลากลางคืน วิลล่าจิ่นซิ่ว–
เฟิงเฉินไปจัดการกับเรื่องงานที่ห้องหนังสือแล้ว ส่วนลั่วมั่นนอนอยู่บนโซฟา
แม่บ้านหลีนำเกี๊ยวที่เหลือใส่ในช่องแช่แข็ง และทำความสะอาดถ้วยและจานบนโต๊ะด้วยรอยยิ้ม
“คุณชายและคุณหญิงไปเที่ยวที่ซีหลี่สนุกกันรึเปล่าคะ?”
“อืม ก็ดีค่ะ” ลั่วมั่นหน้าแดง
อันที่จริงเธออยู่ในโรงแรมตลอดสามวัน และยังไม่ได้ไปเที่ยวชมข้างนอกเลย กิจกรรมเดียวที่ทำนั้น จะให้พูดลงลึกก็ดูจะไม่เหมาะสำหรับเด็ก
แม่บ้านหลีดูเหมือนจะต้องการถามอะไรอีก แต่โทรศัพท์มือถือของลั่วมั่นก็บังเอิญดังขึ้น เธอจึงถือโอกาสนี้เดินขึ้นไปชั้นบน เพื่อหลีกเลี่ยงคำถามของแม่บ้านหลีที่เหมือนเป็นตัวแทนของแม่สามีของเธอ
“ค่ะแม่?” ลั่วมั่นรับสายหลังจากปิดประตู เป็นโทรศัพท์จากแม่ของเธอ “มีเรื่องอะไรรึเปล่าคะ?”
“ลูกไม่ได้กลับบ้านมานานแล้ว สุดสัปดาห์นี้กลับมาทานข้าวด้วยกันไหม น้าของลูกเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ นานๆ ทีจะกลับมาด้วย”
“คุณน้า?” ลั่วมั่นขมวดคิ้ว
เธอไม่ค่อยมีความทรงจำที่ดีเกี่ยวกับคุณน้าที่เลือกทิ้งสามีและลูกเพื่ออยากจะได้การ์ดเขียวสักเท่าไหร่
“หนูมีงานที่บริษัท ไว้คราวหน้านะคะ”
“โถ่” เสียงของแม่ลั่วมั่นรีบพูดขึ้น “มั่นมั่น ลูกกลับมาสักหน่อยเถอะ”
เมื่อฟังน้ำเสียงนี้ หัวใจของลั่วมั่นก็บีบแน่น “แม่คะ มีอะไรเกิดขึ้นที่บ้านรึเปล่า?”
ในขณะนั้น แม่ลั่วมั่นลังเลอยู่นาน “พ่อของลูกป่วยน่ะ”
“คุณพ่อป่วยเหรอคะ?” ลั่วมั่นหน้าซีดและพูดอย่างกังวล “ป่วยเป็นอะไรคะ และได้ไปโรงพยาบาลรึยังคะ? ร้ายแรงรึเปล่า หนูจะกลับไปเดี๋ยวนี้ค่ะ”
“เปล่าหรอก” แม่ลั่วมั่นอธิบายอย่างรีบร้อน “ก็อาการเดิมๆ ขาไม่ค่อยจะดี และช่วงนี้พ่อเขาก็มักจะพูดถึงลูกบ่อยๆ ถ้าลูกมีเวลาก็กลับมาบ้างนะ บ้านจะได้มีชีวิตชีวาสักหน่อย”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ลั่วมั่นก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่ทันใดนั้นก็รู้สึกผิด
เมื่อลองนับวันดู เธอก็ไม่ได้กลับบ้านมาเป็นเวลานานแล้ว และเธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพ่อของเธอป่วยด้วย
หลังจากยืนยันซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าพ่อของเธอป่วยเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เธอถึงตอบกลับไปว่า
“โอเคค่ะ พรุ่งนี้หลังเลิกงานหนูจะกลับบ้านไปหาพ่อกับแม่”
คืนนั้น ลั่วมั่นนอนคิดไม่ตกอยู่บนเตียง
ตั้งแต่แต่งงานออกมา เธอกลับบ้านน้อยครั้งมากจริงๆ แต่ทุกครั้งก็ล้วนมีเหตุผลทั้งหมด เหล่าญาติผู้ใหญ่ในบ้านมักพูดจู้จี้เรื่อยเปื่อย ความสัมพันธ์ที่ขัดแย้งของเธอกับเฟิงเฉินไม่ใช่ความลับใดๆ เฟิงเฉินไม่เคยกลับบ้านไปพร้อมกับเธอเลย ดังนั้นทุกครั้งที่เธอกลับไป พวกเขามักจะพูดไปในทางที่ไม่ดีเสมอ และเนื่องจากเป็นญาติผู้ใหญ่ เธอจึงไม่มีข้อโต้แย้งอะไรมากมาย พอเป็นอย่างนั้น เธอจึงไม่ค่อยอยากจะกลับไป
เมื่อนึกถึงท่าทางที่เปลี่ยนไปของเฟิงเฉินในช่วงนี้ จู่ๆ เธอก็มีความคิดที่อยากจะให้เฟิงเฉินกลับไปที่บ้านกับเธอ เพื่อปิดปากเหล่าญาติผู้ใหญ่ และไว้หน้าพ่อและแม่ของเธอด้วย
เธอนั้นไม่สนใจเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว แต่พ่อแม่ของเธอพออายุมากขึ้น ก็จะมองเรื่องหน้าตาทางสังคมเป็นสำคัญ กลัวคนอื่นจะมาพูดลับหลังเอาได้
เป็นเวลาดึกแล้ว ลั่วมั่นรอจนถึงเที่ยงคืน แต่ก็ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ ที่ด้านนอกประตู
จนเกือบจะเช้าแล้ว ในที่สุดก็ทนไม่ไหว จึงลุกจากเตียงเบาๆ แล้วไปดู
ในห้องหนังสือไม่มีใครแล้ว แต่ที่ห้องนอนใหญ่มีแสงไฟอ่อนๆ
เฟิงเฉินนอนในห้องนอนใหญ่
เมื่อมองไปที่ร่างที่นอนหลับอยู่บนเตียงจากรอยแยกของประตู ลั่วมั่นจงใจกดความคาดหวังในใจกลับไป และปิดประตูให้สนิท
ตลอดสามปีที่ผ่านมา เธอได้รับความผิดหวังมามาก ซึ่งทำให้เธอไม่กล้าคาดหวังอะไรจากเขามากเกินไป
บางทีทุกอย่างอาจเป็นเรื่องเพ้อฝัน
ในช่วงบ่ายของวันรุ่งขึ้น ลั่วมั่นกลับบ้านเพียงลำพัง โดยถือกล่องของขวัญกลับไปมากมาย
ก่อนเข้าบ้าน ก็ได้ยินเสียงแหลมดังมาจากในบ้าน
“พี่ พี่เขย อันนี้ฉันไม่อยากจะพูดนะ มั่นมั่นลูกของพี่แต่งงานเข้าไปอยู่ตระกูลเฟิง ฟังแล้วก็ดูดีนะ แต่ในช่วงหลายปีมานี้ได้ช่วยอะไรครอบครัวบ้าง ตอนนั้นแทนที่จะได้อะไรบ้าง”