ประธานเฟิง ฉันไม่รักนายอีกแล้ว - ตอนที่ 109
บทที่ 109 เผชิญกับสิ่งที่แข็งแกร่งกว่า
น้ำเสียงของเฟิงเฉินเย็นชาอย่างอธิบายไม่ถูก
ไม่มีใครรู้ว่าคุณน้าและลั่วมั่นใครตึงเครียดกว่ากัน และอีกอย่างคือ เฟิงเฉินมาถึงตอนไหนก็ไม่มีใครรู้ บางทีเขาอาจจะได้ยินคำพูดเหล่านั้นที่ประตูก็ได้ จนทำให้คนที่ฟังอยู่รอบๆ รู้สึกหนาวๆ ขึ้นมาทันที
คุณน้ายังคงต่อสู้กับสงครามเย็นโดยไม่มีเหตุผล ยืนกรานอย่างสงบสติอารมณ์ และยิ้มเจ้าเล่ห์ “เป็นเพราะ เป็นเพราะ เลือดข้นกว่าน้ำจริงไหม……”
“สามีของคุณก็ทำธุรกิจอุปกรณ์ไฟฟ้าด้วยใช่ไหมครับ? ผมได้ยินมาว่ากำลังจะขยายตลาดในประเทศเร็วๆ นี้? คุณพิจารณาเมืองเจียงแล้วหรือยังครับ?”
“ค่ะ มีความคิดนี้อยู่บ้าง”
“ถ้าอย่างนั้นผมขอแนะนำสักหน่อยนะครับ ผมว่าคุณไปพิจารณาที่อื่นๆ ดีกว่าครับ”
บรรยากาศหยุดนิ่ง
“หมายความว่ายังไงคะ?”
คิ้วของเฟิงเฉินเย็นชาขึ้นชั่วขณะ และพูดอย่างเรียบๆ ว่า “ตลาดของเมืองเจียงใหญ่มาก และมีบริษัทลั่วซื่อที่ทำอุปกรณ์ไฟฟ้าอยู่แล้ว ชื่อเสียงเป็นที่ประจักษ์แก่ทุกคน ผมกลัวว่าตลาดจะไม่ซื้ออุปกรณ์ไฟฟ้าจากแบรนด์ต่างชาติที่เข้ามาน่ะครับ”
ทันทีที่สิ้นเสียงลง ใบหน้าของคุณน้าก็ซีดเซียว
“ในส่วนของเครือข่ายเงินทุนนั้น เครือข่ายเงินทุนของบริษัทH.Y. ยังไม่ได้ถูกตัดออก แล้วทำไมคุณถึงคิดว่าบริษัทลั่วซื่อกำลังตกอยู่ในวิกฤตล่ะครับ?”
ความหมายคือมีบริษัทH.Y.อยู่เบื้องหลังบริษัทลั่วซื่อ!
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมา ทุกคนต่างก็อ้าปากค้าง คุณน้าถึงกับเหงื่อตกอย่างเลี่ยงไม่ได้ ขอบคุณที่เมื่อครู่ตัวเองไม่ได้พูดมากจนเกินไป
“คุณ คุณต้องการให้เราถอนตัวออกจากเมืองเจียงเหรอคะ?” คุณน้ามองอย่างไม่เชื่อ “มีเหตุผลอะไรกัน? เราล้วนผ่านขั้นตอนที่เป็นมาตรฐานมาแล้ว แล้วจะให้เราขาดทุน……”
“ก็เหตุผลเพียงเพราะบริษัทH.Y.ห้าคำนี้”
เฟิงเฉินตัดบทคำพูดของเธอ และเลิกคิ้วอย่างเย็นชา “และผมก็เห็นแก่มั่นมั่นด้วย ผมขอเตือนคุณน้าสักหน่อย ไม่เช่นนั้นหากการขายลดน้อยลงในระยะหลัง อาจจะขาดทุนเป็นร้อยเท่าของปัจจุบันก็ได้นะครับ”
คนในห้องนั่งเล่นต่างก็เงียบ
หากไม่เห็นจุดประสงค์ของการมาเยือนของเฟิงเฉินที่นี่อีก หลายปีที่อยู่ในวงจรธุรกิจก็คงเสียเปล่าจริงๆ แต่ในหัวของคุณน้าก็ยังคิดตามไม่ทัน ได้แต่คิดไปถึงเงินที่ลงทุนในตลาดในตอนแรก และยากที่จะยอมเสียมันไป
เห็นได้ชัดว่าเฟิงเฉินมาที่นี่เพื่อช่วยลั่วมั่น อาจจะไม่ใช่แค่ลั่วมั่น แต่ยังรวมถึงบริษัทลั่วซื่อทั้งหมดด้วย ไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาสองสามีภรรยามาจากสาเหตุอะไร แต่ในตอนนี้ ความสัมพันธ์ของพวกเขาไม่ใช่ดั่งที่โลกภายนอกบอกเลย และดูจะแน่นแฟ้นเอาซะด้วย!
คุณน้ากำลังเผชิญกับสิ่งที่แข็งแกร่งกว่า!
“มีสิทธิ์อะไร?” คุณน้ายังคงโวยวาย “นี่คุณกำลังรังแกคนอื่นใช่ไหม? พี่คะ พี่จะนิ่งเฉยให้ลูกเขยรังแกคนอื่นแบบนี้หรือคะ?”
คำพูดของเธอดูตลกขึ้นมา พูดราวกับว่าเธอไม่ใช่คนที่บีบบังคับให้พ่อลั่วมั่นให้อำนาจในการจัดการบริษัทแก่เธออย่างไรอย่างนั้น
แม่ลั่วมั่นขมวดคิ้ว “เสี่ยวจวน พอเถอะ หยุดพูดได้แล้ว”
คุณน้าหน้าแดงด้วยความโกรธ “ดี พวกคุณจะเอาแบบนี้ใช่ไหม? รวมตัวกันรังแกฉัน ฉันอยู่ในครอบครัวนี้ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว คอยดูล่ะกัน”
หลังจากนั้นก็ลากลูกชายออกไป
เธอยังคงมีอารมณ์ค้างอยู่ ถึงอย่างไรธุรกิจของสามีเธออยู่ต่างประเทศ และมือของตระกูลเฟิงก็คงไปไม่ถึง ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลเท่าไหร่ เธอจึงทำเป็นเดินจากไปด้วยความโกรธ ก็แค่ถอนตัวจากเมืองเจียงมันจะยากอะไร
ส่วนคนที่เหลือก็โชคร้ายหน่อย อสังหาริมทรัพย์ของพวกเขาทั้งหมดล้วนอยู่ในเมืองเจียง และยังข้องเกี่ยวกับบริษัทH.Y.ไม่มากก็น้อย ใครจะกล้ารุกรานเฟิงเฉินกัน
โชคดีที่พอเฟิงเฉินพูดแบบนี้ ก็ดูเหมือนจะไม่มีใครถามถึงอีก ท่าทางก็ดูอ่อนโยนมากขึ้น เขาก้มหัวลงให้คนที่นั่งอยู่เล็กน้อย และนั่งลงดื่มชาตามคำชวนของแม่ลั่วมั่น
บรรยากาศผ่อนคลายไปเล็กน้อย