ประธานเฟิง ฉันไม่รักนายอีกแล้ว - ตอนที่ 161
บทที่ 161 ฉันบอกไปแล้วไงว่าเธอไปแล้ว
ในใจของเฟิงเฉินรู้ดีว่าระหว่างคนสองคนนั้นมีเรื่องเข้าใจผิดมากมาย มีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้ โดยที่ลั่วมั่นไม่รู้เรื่องอะไรเลย ด้วยเพราะเหตุนี้ เขาจึงกังวลว่าน้ำใจของลั่วมั่นจะเปลี่ยนไป
ผู้หญิงล้วนแต่ต้องการความมั่นคง ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เขาพูดได้ไม่เต็มปากว่าตัวเองนั้นเป็นเซฟโซนให้กับเธอ
บางทีอาจจะเป็นเพราะเรื่องราวในครั้งนี้ ลั่วมั่นจึงหมดความเชื่อมั่นและไม่อยู่เคียงข้างเขาอีกต่อไป ความจริงเมื่อสามปีก่อนทำให้เขารู้สึกผิดอย่างมาก และไม่มีความมั่นใจให้เธอเหมือนอย่างเมื่อก่อน
ณ สนามยิงปืนส่วนตัวที่ชานเมืองในลอสแองเจลิส พ่อบ้านรีบเดินอย่างรีบร้อนตรงมาหยุดอยู่หน้าซือโม่ จากสายตาของเขาที่อยู่ในระยะไกลกำลังกวาดไปทั่วแถวของผู้คนที่กำลังฝึกยิง เขาพูดขึ้นด้วยเสียงทุ้มต่ำ
“คุณชายครับ ตอนนี้เขากำลังเดินทางมาครับ”
ซือโม่ค่อยๆดื่มด่ำกับรสชาติ สายตาจับจ้องไปที่สาวผมบลอนด์ที่กำลังฝึกยิงอยู่ทางด้านขวา “สิบวัน นานมากพอแล้ว สามารถค้นพบที่นี่ได้ก็นับว่ามีความสามารถอยู่ไม่น้อย อีกสีกพักถ้ามาถึงแล้วก็พาเขาเข้ามา ไม่ต้องรายงานฉัน”
“ครับผม”
พ่อบ้านตอบรับด้วยความนอบน้อม ไม่นานนักเขาก็กลับมาอีกครั้ง พร้อมกับเหิงเฉินที่เดินตามมาด้านหลัง
เมื่อเทียบความอบอ้าวของอากาศในเดือนกรกฎาคมในลอสแองเจลินั้นถือว่าเย็นกว่าที่ในประเทศ เฟิงเฉินสวมเสื้อโค้ทที่ทำให้รูปร่างของเขาดูสูงโปร่ง สีดำสนิทช่วยให้เขาดูภูมิฐานและเป็นคนที่ไม่ควรจะประมาท
ขณะที่เขามาถึง ผู้คนต่างกำลังยิงปืนกันอยู่ที่สนามยิง ในตำแหน่งที่ระยะใกล้ตัวซือโม่ที่สุดมีผู้หญิงผมบลอนด์ยืนอยู่ รูปร่างหน้าต่างของเธอคือสาวฝรั่ง จมูกโด่ง ตาสีฟ้า ผิวสีขาว แต่งหน้าสไตล์สโมกกี้อาย เธอสวมชุดซ้อมยิง รูปร่างมีส่วนโค้งส่วนเว้าที่ดูน่าหลงใหล
ท่าทางของเธอดูเป็นมืออาชีพ เธอยิงสองนัดแรก จากนั้นก็ยิงติดกันอีกหลายนัด จนเครื่องนับคะแนนเด้งขึ้นเป็นคำว่า“สิบคะแนน”เป็นระเบียบอย่างต่อเนื่อง
ในบรรดาผู้คนในสนาม ราวกับไม่เคยเห็นตัวเลขนั้นมาก่อน
เมื่อเห็นว่าเฟิงเฉินมาถึง ซือโม่ก็วางถ้วยชาลง เขาปัดฝุ่นที่ขาพลางลุกขึ้นพูด
“เป็นเกียรติอย่างมากที่คุณเฟิงมาเยือน”
“ไม่หรอกครับ” เฟิงเฉินมองเขาอย่างเย็นชา พลางพูดเข้าประเด็นทันที “มั่นมั่นอยู่ที่ไหน”
ริมฝีปากของซือโม่ยกยิ้มโค้ง เขาหัวเราะออกมาอย่างมีเลศนัย “น่าเสียดาย ถ้าคุณมาเร็วกว่านี้ก็คงจะได้เจอเธอ แต่ตอนนี้เธอไปแล้ว”
เฟิงเฉินขมวดคิ้ว พลางพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “ผมไม่รู้ว่าที่คุณซือโม่พาภรรยาผมออกนอกประเทศมันหมายความว่าอะไร ตอนนี้จะถือว่าภรรยาผมประสบอุบัติเหตุ และคุณก็ให้ความช่วยเหลือ ผมและภรรยารู้สึกขอบคุณคุณมาก แต่ถ้าคุณยังดึงดันจะไม่ปล่อยตัวเธอ นั่นมันจะล้ำเส้นกันเกินไปแล้ว”
“ล้ำเส้น?” ซือโม่หัวเราะออกมา ด้วยสีหน้าที่ไม่ปิดบังการเย้ยหยันใดๆ
“ถ้าผมมาลองคิดๆดูว่าเป็นการล้ำเส้นหรือเปล่า ที่โรงแรมเล็กๆในเมืองเจียงเมื่อสิบวันก่อน ก็คงจะเกิดเรื่องขึ้น เกรงว่าชีวิตนี้คุณก็คงไม่มีปัญญาชดเชยความเจ็บปวดที่ยาวนานของมั่นมั่นได้ ช่วยคนน่ะได้ แต่ผมปล่อยให้เธอคุยด้วยไม่ได้ มันดีกว่าถ้าจะบอกว่าคุณเฟิงเป็นพวกได้ผลประโยชน์แล้วก็ชอบถีบหัวส่ง”
“ถ้าผมเข้าใจไม่ผิด ที่คุณซือพูดมาหมายความว่าเธออยู่ที่นี่สินะครับ”
“ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ก็บอกแล้วนี่ เธอไปแล้ว”
เฟิงเฉินไม่มีกะจิตกะใจมาต่อปากต่อคำกับซือโม่ สายตาของเขาหยุดที่สาวผมบลอนด์ที่ซ้อมยิงปืนเมื่อครู่นี้ เขาเดินไปข้างหน้าอย่างไม่ลังเล เขามองอย่างละเอียดอยู่พักหนึ่ง ในตาแฝงไปด้วยความอ่อนโยน
“การแต่งหน้ากับวิกผมก็ไม่เลวนะ แต่ผมชอบแบบเดิมมากกว่า”
สีหน้าของ‘สาวผมบลอนด์’เปลี่ยนไป จากนั้นไม่กี่วินาที เธอก็หลบสายตาของเขา พลางเอ่ยกระซิบ “แต่งมาขนาดนี้แล้ว นายจำฉันได้ยังไง”