ประธานเฟิง ฉันไม่รักนายอีกแล้ว - ตอนที่ 163
บทที่ 163 ให้มั่นมั่นเป็นคนตัดสินใจว่าจะไปกับใคร
“ซือโม่ พอได้แล้ว” ลั่วมั่นทนฟังไม่ได้อีกต่อไป ที่ซือโม่พูดเช่นนี้ ไม่เพียงแต่กำลังใส่ร้ายเฟิงเฉิน อีกทั้งยังเป็นการเตือนตัวเองถึงความเจ็บปวดและน้อยใจตลอดสามปีที่ผ่านมา เธอไม่ต้องการจะคิดถึงเรื่องเหล่านี้อีก
สีหน้าของลั่วมั่นดูอึดอัดใจ ซือโม่ขมวดคิ้วขึ้นเป็นปมพลางถอยหลังไปหนึ่งก้าว
“ไม่ว่าฉันจะพูดอะไร อำนาจการตัดสินใจก็อยู่ที่เธอ จะไปหรือไม่ไปมันขึ้นอยู่กับเธอ”
“ผมเองก็ไม่ใช่คนที่จะฝืนใจใคร” ซือโม่หันไปมองเฟิงเฉิน “ให้มั่นมั่นเป็นคนตัดสินใจ ว่าเธอจะไปกับคุณไหม เกิดเป็นผู้ชายก็ควรจะต้องมีนิสัยแบบนี้นี่”
เห็นได้ชัดว่าลั่วมั่นไม่รู้ว่าตัวเองกำลังกังวลอะไรอยู่ เพราะอย่างนั้นจึงไม่ยอมไปกับเขา คำพูดที่ซือโม่ใช้นั่นฟังดูสวยหรู แต่แท้จริงแล้วเขาไม่ปล่อยโอกาสให้เฟิงเฉินได้พูดเลย
เมื่อเห็นว่าลั่วมั่นไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา สีหน้าของเฟิงเฉินก็ซีดเซียว
“เมื่อเทียบกับผู้หญิงของฉันแล้ว ไม่มีอะไรเทียบได้เลย”
เมื่อพูดจบ เขาก็ดึงแขนของลั่วมั่น พลางลากเธอออกไป
“จอร์น!”
เสียงของซือโม่ดังก้องไปทั่วสนามยิงปืน จอร์น ผู้จัดการบ้านก็เข้าใจในทันที เขาพาชายร่างใหญ่ที่มีลักษณะเหมือนบอดี้การ์ดสามคนขวางทางออกของเฟิงเฉิน
นี่เป็นฉากที่คุ้นตา ฝ่ายหนึ่งมีคนมากมาย ส่วนอีกฝ่ายก็ดูอ่อนแอ
บนถนนทางด่วนเมืองเจียงเมื่อเดือนที่แล้ว เฟิงเฉินจนมุมให้กับพ่อบ้านของซือโม่ และนั่นก็เพื่อจะพาลั่วมั่นหนีไป ข้อแตกต่างเพียงอย่างเดียวนั้นก็คือในครั้งนี้เฟิงเฉินเสียเปรียบ
“คุณเฟิง ผมเคยพูดไปแล้วว่าพวกเราจะได้เจอกันอีก” จอร์นมองไปที่เฟิงเฉิน “ทางเราไม่ปรารถนาจะกลั่นแกล้งใคร เพราะอย่างนั้นคุณเฟิงปล่อยให้คุณลั่วอยู่ที่นี่เถอะนะครับ”
“เธอคือนางหญิงเฟิง”
เฟิงเฉินกันลั่วมั่นให้อยู่ข้างหลัง เขากำมือแน่นจนข้อต่อของกระดูดส่งเสียงออกมา
“ในตอนแรก คุณเฟิงหยุดรถของผมบนทางด่วนเมืองเจียงและพาคุณลั่วไปด้วย อีกทั้งตอนนั้นยังเพิกเฉยต่อความต้องการของคุณหนูอีก ตอนนี้นี้ก็เช่นกัน แต่ก็ไม่เป็นไร ในเมื่อคุณเฟิงชอบใช้กำลังในการแก้ปัญหา สิ่งที่บริษัทของเรามีไม่ขาดนั้นก็คือกำลังคน”
เมื่อพูดจบ จอร์นก็ยกมือขึ้น ชายหนุ่มผิวสีสองคนที่ร่างกายกำยำและสูงเกือบสองเมตรก็ก้าวไปข้างหน้า ถึงแม้เฟิงเฉินจะมีทักษะในระดับหนึ่ง แต่เขาก็ไม่สามารถต่อสู้กับคนที่บึกบึนเช่นนี้ได้
“จอร์น” ลั่วมั่นยืนอยู่ข้างหน้าเพื่อกันเขาไว้ “พวกคุณห้ามทำร้ายเขา”
สองคนที่อยู่ภายใต้คำสั่งของพ่อบ้านทำตัวไม่ถูก
“ซือโม่” ลั่วมั่นหันหน้าไปพลางพูดตะโกน “ให้ฉันคุยกับเขาดีๆก็ได้ อย่าลงไม้ลงมือกันเลย”
ซือโม่ที่อยู่ด้านหลังครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ท่าทางของเขาดูจะสับสน แต่สุดท้ายก็พยักหน้ารับ “อืม”
ภายในห้องรับรองส่วนตัวของสนามยิงปืน
เฟิงเฉินหน้าถอดสี ทันทีที่เข้ามาในประตู เขาก็ดันลั่วมั่นเข้ากับกำแพงพลางเอ่ยถาม “เธอกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่”
“ฉันมีเรื่องที่ต้องการความช่วยเหลือจากพี่ซือโม่ก็เท่านั้น ไม่ใช่อย่างที่นายคิด”
“อย่างที่ฉันคิด?” เฟิงเฉินทุบหมัดเข้ากับกำแพง พลางพูดพึมพำ “ทั้งๆที่รู้ว่าฉันจะคิดมาก แต่ก็ยังทำแบบนี้อยู่อีก นี่มันเรื่องสำคัญอะไรกันแน่ ตอนนี้เธอไปกับผมเถอะ หรือว่าฉันช่วยอะไรเธอไม่ได้งั้นเหรอ”
ลั่วมั่นมองเขาอย่างขุ่นเคืองแต่ไม่สามารถปลดปล่อยออกมาได้ ในดวงตาของเธอแฝงไปด้วยความเจ็บปวด “เรื่องนี้ มีเพียงแค่ฉันเท่านั้นที่จะช่วยตัวเองได้ นายช่วยฉันไม่ได้ และฉันเองก็ไม่อยากให้นายเข้ามาช่วยด้วย เฉิน นายเชื่อฉันนะ”
“เป็นเพราะเรื่องเวินน๋อนหรือเปล่า” เฟิงเฉินยังไม่ถอดใจ “เพราะเธอยังโกรธฉันเรื่องเวินน๋อน เพราะงั้นก็เลยจงใจประชดฉันใช่ไหม”
“ไม่ใช่ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเวินน๋อน” ลั่วมั่นรีบส่ายหน้า เธอเคยได้ยินเรื่องที่เวินน๋อนพูดกับเฟิงเซิ่งแล้ว ในเมื่อเด็กไม่ใช่ลูกของเขา แล้วเธอยังจะต้องประชดอะไรเขาอีกล่ะ
นั่นคือเหตุผลว่าทำไมฉันถึงเมินเฉยมาตลอดสองสามปีที่ผ่านมา มันทำให้เธอรู้สึกน้อยใจ ตอนนี้ซือโม่ก็ปรากฏตัวอีก เธอคิดว่าเขาเหมาะสมกับคุณมากกว่างั้นเหรอ”
“เฟิงเฉิน” น้ำเสียงของลั่วมั่นทุ้มต่ำ เธอพูดตำหนิ “นายพูดไร้สาระอะไรของนาย สำหรับนายแล้ว ฉันเป็นคนแบบนั้นงั้นเหรอ