ประธานเฟิง ฉันไม่รักนายอีกแล้ว - ตอนที่ 190
บทที่ 190 มีอะไรไปพูดกับตำรวจเถอะ
เช้าวันถัดไป
ลั่วมั่นไปเยี่ยมผู้ป่วยที่โรงพยาบาล พร้อมกับเล่อสวี้ ที่หอบดอกคาร์เนชั่นเอาไว้ในมือ
อันที่จริงต้องเป็นน่าน่าที่มากับเธอ แต่เพราะวันก่อนน่าน่าสาปส่งเธอให้ตกลงมาจากสลิง ปากอีกาเสียจริง ได้ข่าวว่าเธอฝันร้ายทั้งคืน เมื่อเช้าแฟนหนุ่มของเธอโทรมาลากับทางบริษัท บอกว่าเธอเป็นไข้ตัวร้อน
เธอได้บังเอิญพบกับเล่อสวี้ ที่เพิ่งกลับมาจากการออกนอกสถานที่ ด้วยทีท่าอิดโรย คงได้รู้เรื่องมาบ้างแล้วจากในข่าว หลังจากที่เธอสาวความกับผู้ช่วยในลิฟต์ทิ้งกระเป๋าเดินทาง มากับลั่วมั่นทันที
“เรื่องของสลิงเช็กเรียบร้อยหรือยัง?” เล่อสวี้เอ่ยถาม
“ยัง” ลั่วมั่นเองก็เกิดความสงสัยเช่นเดียวกัน “ฉันตรวจสอบสลิงก่อนแล้ว ช่างซ่อมย้ำกับฉันนักหนาว่าไม่เกิดปัญหาขึ้นแน่นอน”
“ช่างคนนั้นยังติดต่อได้อยู่ไหม?”
ลั่วมั่นส่ายหน้า “เห็นว่าถึงวัยเกษียณพอดี กลับบ้านเกิดไปแล้ว”
เมื่อได้ยินดังนั้น เล่อสวี้สีหน้าคร่ำเครียด เมื่อใกล้ถึงห้องพักผู้ป่วย เล่อสวี้รั้งแขนของเธอเอาไว้ “ประธานลั่ว หากประเดี๋ยวมีคนถามคุณเรื่องสลิง คุณไม่ต้องแสดงออกว่าคุณแคร์มากในทีแรก ทางที่ดีไม่แยแสเลยจะดีกว่า”
ลั่วมั่นนิ่งไป ก่อนที่จะพยักหน้ารับอย่างไตร่ตรอง
เธอเข้าใจความหมายของเล่อสวี้
หลังจากที่รายงานข่าวหลัวแมนจีได้รับบาดเจ็บ บนโลกออนไลน์มีการวิพากษ์วิจารณ์ไปต่างๆ นานา ส่วนใหญ่พุ่งเป้าไปที่เธอ บอกว่าหลัวแมนจีทำให้เธอโกรธ เธอจึงจงใจสั่งให้ช่างแก้ไขสลิง หลังจากที่เซ็นสัญญาเป็นโฆษกจึงตั้งใจทำให้เธอตกลงมาจากที่สูง เพื่อสั่งสอนเธอ
แม้ว่าการโจมตีเธอจะมีไม่มาก ส่วนใหญ่แล้วมีแต่คนด่ามือที่สามหน้าไม่อาย สมควรได้รับเคราะห์กรรม แต่นี่กลับเป็นการทำให้เธอกลายเป็นฆาตกรไปโดยปริยาย
เธอต้องแบกรับความผิดในครั้งนี้โดยที่เธอเป็นผู้บริสุทธิ์ รู้สึกว่ากำลังจะเกิดเรื่องเลวร้ายขึ้น
ก๊อกก๊อกก๊อก
“เข้ามาได้”
ลู่หมิงเป็นคนเอ่ย
หลัวแมนจีพิงกับเตียงผู้ป่วย ด้วยสีหน้าขาวซีด แต่โดยรวมแล้วดูสดใสดี ไม่ได้ร้องห่มร้องไห้กระวนกระวายอย่างที่ลั่วมั่นคิดเอาไว้
ลั่วมั่นรับช่อดอกไม้จากเล่อสวี้ยื่นให้กับลู่หมิง เธอไม่สื่อสารกับหลัวแมนจี หากแต่หันกลับไปเอ่ยถามลู่หมิงแทน
“ฉันมาเยี่ยมเธอ เธอเป็นยังไงบ้าง?”
ลู่หมิงวางช่อดอกไม้ลงบนโต๊ะ ก่อนเอ่ยเสียงเรียบ
“การผ่าตัดผ่านไปได้ด้วยดี แต่กระดูกหัก แต่ต้องพักรักษาตัวอย่างน้อยสองเดือนกว่าจะลงพื้นได้”
“ถ้างั้นก็ดี”
“ดีงั้นเหรอ?” หลัวแมนจีอุทานอย่างเย็นชา ด้วยเสียงแหลม “คุณนายเฟิงคงนึกเสียดายในใจ ที่เห็นฉันยังมีชีวิตอยู่สินะคะ คุณคงผิดหวังมากเลยสิ?”
ลั่วมั่นเห็นแก่ที่เธอเป็นคนป่วยจึงไม่ถือสา เพียงแค่อธิบายเสียงเรียบ
“เรื่องมันเป็นยังไงกันแน่ ยังอยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบ เราเองก็ไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ตอนนี้คุณรักษาตัวพักผ่อนให้ดีก็พอ เหตุเกิดที่บริษัทH.Y. เพราะงั้นค่ารักษาพยาบาลทางเราจะเป็นคนจัดการเอง”
“เราไม่สนใจเรื่องพวกนี้” ลู่หมิงขัดประโยคของลั่วมั่น “คุณลั่วคิดว่าผมขาดแคลนเงินทองงั้นเหรอครับ?”
“ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น”
“ถ้างั้นก็ดี” ลู่หมิงนั่งลงที่เก้าอี้ข้างเตียงของหลัวแมนจี ด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ผมกับหลัวแมนจีต้องการการอธิบาย ทำไมสลิงถึงได้ขาดกะทันหัน คุณลั่วรีบร้อนใช้เงินในการแก้ไขปัญหา มันน่าสงสัยนะครับ”
ลั่วมั่นสีหน้าเปลี่ยนไป
“หรือว่าคุณลู่เองก็เชื่อคำร่ำลือในโลกออนไลน์หรือคะ?”
“ฉันจะเชื่อหรือไม่นั้นไม่สำคัญ สิ่งที่สำคัญ คือตำรวจจะเชื่อไหม”
เสียงเคาะประตูดังขึ้นที่ด้านหลังลั่วมั่น ชายสองคนในเครื่องแบบตำรวจสีน้ำเงินเข้มยืนอยู่ที่ประตู ผู้นำเป็นตำรวจวัยกลางคน ดวงตาของเขาเพ่งไปที่ลั่วมั่น
“คุณลั่วใช่ไหมครับ? มีคนแจ้งความคุณตั้งใจทำร้ายร่างกายผู้อื่น รบกวนไปกับเราด้วยครับ