ประธานเฟิง ฉันไม่รักนายอีกแล้ว - ตอนที่ 243
บทที่ 243 คุณควรจะเปลี่ยนแผนได้แล้ว
เล่อสวี้ได้ยินคำพูดลั่วมั่นแปลกๆ แต่ในเมื่อลั่วมั่นพูดมาขนาดนี้แล้ว เธอจึงไม่แสดงความเห็นอะไรอีก สายตาเลิกสนใจกวนเส้าหยู้ หลังจากสั่งอาหารแล้วจึงยื่นเมนูกลับไปให้บริกร
เห็นกวนเส้าหยู้ที่อยู่ตรงหน้าดูขมขื่น จึงกระซิบว่า “ฟังคำพูดของมั่นมั่น ที่ฉันพูดกลับหูทวนลม ถ้าไม่รู้คงคิดว่าสนใจมั่นมั่นเสียอีก”
เฟิงเฉินที่นั่งข้างกวาดสายตามองเขาแวบหนึ่ง “หาเรื่องใส่ตัวเองทั้งนั้น”
คำพูดนี้เหมือนคำแนะนำของคนรุ่นก่อนให้คนรุ่นหลัง เดิมทีฟังแล้วไม่รู้สึกมีปัญหาอะไร แต่เมื่อเฟิงเฉินเป็นคนพูดอย่างนี้ เมื่อกี้กวนเส้าหยู้ไม่ได้โกหกจริง เขากับเฟิงเฉินแทบจะเป็นพี่น้องที่โตมาด้วยกางเกงตัวเดียวกัน ในความทรงจำเฟิงเฉินไม่เคยจีบผู้หญิงคนไหน เดิมทีเรื่องความรักก็คือคนโง่
ครั้นแล้วเขาจึงถามกลับอย่างหัวเราะไม่ออกร้องไห้ก็ไม่ได้ว่า
“เฉิน คุณจะสอนฉันว่าต้องจีบผู้หญิงยังไง?”
“อืม” เฟิงเฉินยอมรับอย่างโอ้อวด
“คุณกำลังล้อฉันเล่นใช่ไหม?” กวนเส้าหยู้หัวเราะออกมา “ฉันจีบผู้หญิงมามากกว่าคุณ แม้แต่มั่นมั่นก็เพราะว่าคุณโชคดี ป้าเฟิงจัดการให้ เทคนิคการจีบผู้หญิงของฉันยังต้องให้คุณสอนอีกหรือไง?”
เขาพูดให้ดูดีไปอย่างนั้นจนชินแล้ว ดังนั้นจึงลืมไปหมดแล้วว่าเมื่อกี้สถานการณ์ยังไง ยังใครในเหตุการณ์บ้าง
พูดออกมาแล้วยากที่จะคืนคำ รอให้เขาดึงสติกลับมาจากสายตาร้อยแปดพันเก้าของเฟิงเฉินได้ เมื่อหันกลับมา เห็นความเห็นใจในสายตาของลั่วมั่น และความไม่เห็นใจในสายตาของเล่อสวี้
ทำพังอีกแล้ว บอกได้ว่าภาพลักษณ์ของเขาในใจของเล่อสวี้ตกต่ำจนไม่รู้จะตกต่ำยังไงแล้ว พังจนไม่รู้จะพังยังไงแล้ว
กินอาหารค่ำเสร็จ แน่นอนว่าเฟิงเฉินกับลั่วมั่นกลับทางเดียวกันอยู่แล้ว กวนเส้าหยู้เสนอตัวจะไปส่งเล่อสวี้ กลับโดนปฏิเสธ
“ฉันไม่ทำอะไรคุณหรอก แค่ส่งคุณให้ถึงประตูบ้าน มั่นใจว่าคุณถึงบ้านอย่างปลอดภัยก็พอแล้ว”
“นี้ก็แผนที่คุณให้จีบผู้หญิงสินะ”
เล่อสวี้เหลือบมองเขาอย่างเย็นชา และกวักมือเรียกรถแท็กซี่จากข้างทาง ก่อนขึ้นรถทิ้งท้ายไว้อย่างรังเกียจว่า “วิธีการจีบแบบเก่าควรจะเปลี่ยนได้แล้วนะ”
กวนเส้าหยู้บ่นซ้ำๆ เขาแค่อยากจะไปส่งเธออย่างบริสุทธิ์ใจเท่านั้นจริงๆ
ลั่วมั่นกับเฟิงเฉินมองความสนุกอยู่ด้านข้าง เห็นท่าทางหดหู่ของเขา จึงยิ้มให้กัน
“พวกคุณสองคนยังจะยิ้มอีก? ไม่เห็นใจกันสักนิดหรือไง?”
ลั่วมั่นยิ้ม เรียนแบบอารมณ์ของเล่อสวี้และพูดว่า
“ผู้มีประสบการณ์ด้านความรัก ไม่คู่ควรกับการเห็นใจ”
“คุณ…” กวนเส้าหยู้หันไปมองเฟิงเฉิน “นายดูแลภรรยาหน่อยไม่ได้หรือไง?”
เฟิงเฉินโอบไหล่ลั่วมั่น ภายใต้แสงไฟราวกับเป็นคู่เด็กชายหญิงบริสุทธิ์ เข้ากันมาก
“ดูแลไม่ได้ ฉันคิดว่ามั่นมั่นพูดถูกมาก”
“ไม่มีเหตุผล!” กวนเส้าหยู้คร่ำครวญ “ฉันอกหักอยู่ตรงนี้ พวกยังรวมมือกันมาโจมตีฉันอีก ไม่รู้จักกลัวเสียคน!”
“แบบคุณไม่เรียกว่าอกหัก” ลั่วมั่นทำให้สถานการณ์แย่ลง “คุณไม่ได้คบกับเล่อสวี้ ดังนั้นแบบนี้เรียกว่าคิดไปเองฝ่ายเดียว”
น่าสงสารที่ครึ่งชีวิตที่ผ่านมาของคุณชายกวนไม่รู้ว่าคิดไปเองฝ่ายเดียวคำนี้เขียนยังไง หลังจากได้เจอเล่อสวี้ ถือได้รับประสบการณ์ที่เรียกว่าเป็นไปตามโชคชะตา ทำอะไรไว้ ก็ต้องได้รับสิ่งนั้น
เห็นเฟิงเฉินและลั่วมั่นกลับบ้านเป็นคู่ๆ กวนเส้าหยู้คุกเข่าลงภายใต้แสงไฟ “พวกคุณจะทิ้งฉันไว้ไม่สนใจหรือไง? พรุ่งนี้พาดหัวข่าวหนังสือพิมพ์ตอนเช้าของเมืองเจียงเป็นฉัน ชายหนุ่มหัวใจแตกสลายตายใจกลางเมือง ถูกพบโดยพนักงานทำความสะอาด ก็คือกวน…”
“ปกติเวลาเขาบ้าขึ้นมาก็กัดแม้กระทั่งตัวเองแบบนี้ไหม?” ลั่วมั่นถาม
“อืม ฉันคิดว่าหลังจากนี้พวกเราควรจะลดโอกาสการพบปะกันกับคนสติไม่ดี” เมื่อเฟิงเฉินพูดอย่างนี้ ใครบางคนนอกหน้าต่างรถยิ่งร้องเสียงแหบเสียงแห้ง
ลั่วมั่นคาดเข็มขัดนิรภัย หัวเราะเยาะชายหนุ่มน่าสงสารภายใต้เสียงไฟที่อยู่นอนหน้าต่างรถ