ประธานเฟิง ฉันไม่รักนายอีกแล้ว - ตอนที่ 252
บทที่ 252 ถ้าหากว่าผมจะพาเธอไปให้ได้ล่ะ
ฟางฉงเม่าไม่พอใจในคำตอบนี้ “จะเคยใช้หรือไม่เคยใช้ พวกเราสามารถทำการพิสูจน์ได้ ไม่ใช่เพียงแค่ประโยคเดียวของคุณก็สามารถปฏิเสธเรื่องนี้ได้”
“………”
“งานของคุณที่บริษัท H.Y. ถูกลู่จิ่งจูยกเลิกไปใช่หรือไม่”
“ใช่ค่ะ”
“ในวันนั้น คุณบอกว่าจะไปร่วมงานเลี้ยงที่คฤหาสน์เฟิง แต่ทำไมถึงได้ไปที่ห้องเพาะเลี้ยงดอกไม้กะทันหันล่ะ”
“……….”
กว่าจะถามคำถามเล็กๆน้อยๆจบก็ปาไปครึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น
ฟางฉงเม่าหมุนปลอกปากกา เก็บสมุดบันทึกอย่างเชื่องช้า ราวกับว่าได้รับรู้อะไรมากมาย
“ฉันจะได้พบกับสามีของฉันตอนไหนคะ” ลั่วมั่นพยุงตัวกับมุมโต๊ะแล้วลุกขึ้นด้วยท่าทางหงุดหงิดเต็มเปี่ยม
ฟางฉงเม่ามองเธอแวบหนึ่ง ในแววตามีความซับซ้อนพาดผ่านไปเล็กน้อย
“เขามาที่นี่ในเมื่อคืนวาน แต่เมื่อได้ยินว่าบนกระบอกปืนมีรอยนิ้วมือของคุณ จึงได้จากไปแล้ว”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ลั่วมั่นก็สีหน้าขาวซีด ทรุดนั่งบนเก้าอี้ในทันที รู้สึกว่าพละกำลังทั้งหมดในร่างกายถูกสูบออกไปจนหมด และไร้ซึ่งเรี่ยวแรงที่จะชี้แจงเรื่องอะไรอีก
เขาก็เชื่อหลักฐานพวกนี้เช่นกันหรือ
ฟางฉงเม่าออกมาจากห้องสอบปากคำ และปิดประตู ส่งที่อยู่ในสมุดบันทึกให้กับลูกศิษย์ “ไป ไปที่นั่นแล้วค้นหาใบอนุญาตให้ครอบครองอาวุธปืนของลั่วมั่นออกมา”
“เป็นปืนของเธอจริงๆหรือครับ” เสี่ยวหลี่พูดไม่ออก “คุณนายไฮโซนั้นเก็บซ่อนมันเอาไว้อย่างดีเลยจริงๆ! เฮ้อ อาจารย์ คุณดูออกว่าเป็นปืนของเธอในแวบเดียวได้อย่างไรกันครับ คนทั่วไป แม้ว่าจะเป็นคนตระกูลเฟิงก็คงจะไม่สามารถได้ปืนประเภทนี้มาได้ง่ายๆหรอกนะครับ”
คำพูดของลูกศิษย์ทำให้ฟางฉงเม่านึกถึงเรื่องก่อนหน้านั้นคืนหนึ่ง
สีหน้าชายคนนั้นเย็นชา “ถ้าหากว่าผมจะพาเธอไปให้ได้ล่ะ”
สถานการณ์ในตอนนั้น ถ้าหากว่าไม่ใช่โทรศัพท์สายนั้นล่ะก็ เขาก็คงจะเชื่อจริงๆแล้ว แม้ว่าหลักฐานจะชัดเจน ขอเพียงแค่เฟิงเฉินผู้นี้ต้องการพาลั่วมั่นไป ใครก็ขวางเอาไว้ไม่ได้
ส่วนโทรศัพท์สายนั้นก็มาได้ทันเวลายิ่งกว่ารอยนิ้วมือบนกระบอกปืน หลังจากเรื่องราวกระจ่างแล้ว ฟางฉงเม่าก็ย้อนคิดถึงบทสนทนาก่อนหน้านี้ นึกถึงตอนที่เฟิงเฉินเอ่ยพูด สีหน้ามีความผิดปกติไปเล็กน้อย
ตั้งแต่ต้นจนจบ เฟิงเฉินไม่ได้ตั้งคำถามเลยว่าทำไมภรรยาของตัวเองถึงได้ใช้ปืนเป็น
นี่ก็หมายความว่า ลั่วมั่นยิงปืนเป็น หรือกระทั่งเรื่องที่มีปืนอยู่ในความครอบครองของตัวเองก็ไม่ได้เป็นเรื่องน่าประหลาดใจอะไรในสายตาเฟิงเฉิน
นี่จึงเป็นสาเหตุที่เขาหยิบซองเก็บหลักฐานไปสอบถามลั่วมั่นตรงๆ
ผลลัพธ์ที่ได้ก็เหมือนกับที่คาดการณ์เอาไว้ไม่มีผิด
“อาจารย์” เสียงของลูกศิษย์เรียกฟางฉงเม่าให้กลับมาจากความคิด เขาตบศีรษะลูกศิษย์ครั้งหนึ่ง เอ่ยอย่างไม่เกรงใจว่า
“อย่ามัวแต่พล่ามไร้สาระ รีบไปซะ จะได้ไม่มีปัญหาใหม่แทรกเข้ามา แล้วก็ดูด้วยเลยว่ามีหลักฐานอะไรอื่นๆอีกไหม”
“นี่ยังจะมีปัญหาใหม่เข้ามาแทรกได้อีกหรือครับ หลักฐานชัดเจน ตระกูลเฟิงมีใจจะปกป้องลั่วมั่นก็ไม่มีประโยชน์ ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้พวกเราก็ได้รับคำสั่งที่ไม่อาจขัดขืนได้ด้วยว่า ต้องตรวจสอบอย่างเคร่งครัดและยุติธรรม”
เสี่ยวหลี่เอ่ยถึง คำสั่งที่ไม่อาจขัดขืนได้ ขึ้นมาแล้ว ฟางฉงเม่าก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
คนที่สนใจเรื่องนี้มีไม่น้อยเลยจริงๆ
แผนกผู้ป่วยในโรงพยาบาลศัลยกรรมเมืองเจียง——
พ่อเฟิงหน้าเขียวปั้ด เสียงตะคอกดังลั่นไปทั่วทั้งทางเดิน
“แกยังคิดจะช่วยให้เธอได้รับการปล่อยตัวออกมาก่อนอย่างนั้นรึ แกดูสิว่าตอนนี้แม่ของแกยังไม่ฟื้นขึ้นมาเลย ไม่มีทาง ตอนนี้หลักฐานก็ชัดเจนแล้วว่า ผู้หญิงที่ชื่อลั่วมั่นคนนี้เกือบจะยิงปืนฆ่าแม่แกตาย ฉันว่าแกถูกผีสิงแน่ๆ ตอนแรกไม่ควรจะเห็นด้วยกับการแต่งงานในครั้งนี้เลยจริงๆ”
เฟิงเฉินยินยอมให้พาลั่วมั่นออกมาจากสถานีตำรวจก่อน แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเรื่องรอยนิ้วมือเมื่อคืนวานจะถูกส่งมาถึงมือของพ่อเฟิงด้วย เขาคัดค้านหัวชนฝา สถานีตำรวจฟังเชื่อฟังคนที่มีอำนาจมากกว่า จึงเป็นธรรมดาที่จะฟังพ่อเฟิง เขาจึงไม่ได้พาคนออกมาด้วย
“มั่นมั่นไม่ได้เป็นคนทำเรื่องนี้ ผมจะตรวจสอบให้ชัดเจน” เสียงของเฟิงเฉินหนักแน่นมาก
“ดีสิ!” พ่อเฟิงโมโหจนตัวสั่น “แกมีปัญญา มีความสามารถ ก็ไปตรวจสอบ ก่อนจะตรวจสอบพบ ฉันจะไม่อนุญาตให้แกพาตัวเธอออกมาจากสถานีตำรวจเด็ดขาด