ประธานเฟิง ฉันไม่รักนายอีกแล้ว - ตอนที่ 259
บทที่ 259 ใครรู้บ้างว่าเธอใช้ปืนเป็น?
เมื่อได้ยินคำพูดของคุณหมอ ลั่วมั่นก็พยักหน้าอึ้งๆ แสบจมูกเล็กน้อย เธอไม่กล้าเชื่อว่าตัวเองจะตั้งครรภ์สองเดือนแล้ว
ในช่วงเวลาสำคัญตอนนี้ ไม่มีใครช่วยเธอ แต่ลูกคนนี้กลับช่วยเธอ
ขอเพียงแค่ได้ออกไป ระยะเวลาหนึ่งปี ก็มากพอที่จะให้เธอรวบรวมหลักฐาน คิดหาวิธีพลิกคดีของตัวเองแล้ว พึ่งพาผู้อื่น ไม่สู้พึ่งพาตัวเอง
เรือนจำให้รถส่งเธอกลับบ้าน แต่ว่ายังไม่ทันได้ขึ้นรถ ก็เห็นฝุ่นควันฟุ้งตลบ รถเบนท์ลีย์สีขาวจอดอยู่ริมถนน เงาร่างคุ้นตาลงมาจากรถ รูปร่างสูงใหญ่ สูทสีน้ำตาลทองนั้นเข้ารูปเป็นอย่างมาก
ผู้มาเยือนเดินรีบร้อนมาอยู่ข้างหน้าเธอ คิ้วขมวดจนเกือบจะกลายเป็นโบว์
“มั่นมั่น…….ไม่เป็นอะไรนะ?”
ลั่วมั่นมองไปที่ซือโม่ ชะงักเล็กน้อย “พี่ซือโม่……พี่มาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรคะ”
เขาควรจะอยู่ที่อเมริกาไม่ใช่หรือ
ซือโม่คิ้วขมวด
“สิ้นเปลืองความคิดที่จะไปจากข้างกายฉัน ตอนนี้ทำตัวเองจนมีสภาพดูไม่ได้ ยังจะมาถามว่าทำไมฉันถึงได้อยู่ที่นี่อีกหรือ”
น้ำเสียงซือโม่เกรี้ยวกราดเล็กน้อย แต่กลับมองออกได้ว่าแสร้งทำเป็นโมโห “เสียแรงที่ฉันคิดหาวิธีอย่างละเอียดเพื่อช่วยพลิกคดีให้เธอได้ออกมา เธอนี่มีความสามารถจริงๆ แค่ตั้งครรภ์ก็สามารถออกมาได้แล้ว”
ลั่วมั่นละอายใจเล็กน้อย ถึงอย่างไรในตอนที่อยู่อเมริกา เธอก็หนีมาโดยไม่บอกไม่กล่าวสักคำ มาถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีคำอธิบายให้กับเขา เธอก้มหน้าไม่พูดอะไร เหมือนกับเด็กที่ทำผิดคนหนึ่ง
“พอแล้ว อย่ามาทำหน้าม่อยคอตก ในเมื่อออกมาแล้ว ก็ค่อยๆคิดหาวิธีแล้วกัน ไปเถอะ ฉันจะส่งเธอกลับบ้าน”
ลั่วมั่นพยักหน้า ก่อนขึ้นรถยังหันหน้ากลับไปมองริมถนนแวบหนึ่ง ในเมื่อซือโม่ได้รับข่าวว่าเธอตั้งครรภ์และออกจากคุกได้อย่างรวดเร็ว อย่างนั้นเขาก็น่าจะรู้เช่นกันสินะ
แต่ปลายทางหลวงกว้าง กลับมองไม่เห็นเงารถรุ่นที่เธอเฝ้ารออยู่
“เธอยังเฝ้าคอยให้เขามารับเธอหรือ”
เมื่อขึ้นรถแล้ว ซือโม่ก็คลุมผ้าห่มผืนบางลงบนขาเธอ เอ่ยอย่างไม่สะทกสะท้านว่า “ฉันได้ยินมาว่าสามวันก่อนหน้านี้เขาเดินทางไปทำงานนอกสถานที่ ยุ่งมาก ไม่มีแก่ใจจะมาดูแลเธอ”
แววตาของลั่วมั่นมืดมนลงไปหลายส่วน มีใจอยากจะชี้แจงข้อเท็จจริงแทนเฟิงเฉิน แต่กลับไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร
“คุณชาย ตอนนี้พวกเราจะไปที่ไหนกันครับ”
“บ้านตระกูลลั่ว”
เมื่อได้ยินคำนี้แล้ว ลั่วมั่นก็เงยหน้าขึ้นทันที มองไปที่ซือโม่ด้วยความประหลาดใจ
“พี่ไม่ได้จะส่งฉันกลับ………”
“ฉันหวังดีกับเธอ” ซือโม่ส่งกระติกน้ำร้อนถึงมือเธอ เอ่ยเตือนว่า “ตอนนี้โทษของเธอได้รับการยืนยันแล้ว ตอนนี้ไม่เหมาะสมที่จะกลับไปบ้านตระกูลเฟิง แม้ว่าเฟิงเฉินจะไม่ถือสา แต่คนอื่นๆในตระกูลเฟิงล่ะ? กลับไปพักผ่อนที่บ้านตัวเองเถอะ เฟิงเฉินต้องเห็นแก่เด็กคนนี้ กลับมาจากการไปทำงานนอกสถานที่แล้วก็น่าจะมารับเธอ”
ประโยคเดียวของซือโม่ ตีแผ่ความจริงอันโหดร้ายลงตรงหน้าเธอ เปิดเผยโดยไม่อาจปิดบังได้
ระหว่างเธอกับเฟิงเฉินเหลือเพียงแค่ลูกคนนี้อย่างนั้นหรือ
“ไม่ใช่หรอก เฉินไม่มีทางที่จะไม่เชื่อฉัน”
ลั่วมั่นร้อนรนขึ้นมากะทันหัน สีหน้าแดงระเรื่อ “เห็นอยู่ชัดๆว่าฉันไม่ได้ทำอะไรเลย มีคนให้ร้ายฉัน”
เสียงโต้แย้งดังสะท้อนภายในตัวรถ ในตอนท้ายสุดกลับยิ่งเต็มไปด้วยเสียงสะอื้น และเหลือเพียงแค่เสียงขาดๆหายๆว่า “ฉันไม่ได้ทำ”
แววตาของซือโม่เต็มไปด้วยความสงสาร ดึงเธอเข้ามาในอ้อมกอด ยกมือขึ้น แต่กลับร่วงหล่นลงบนไหล่ข้างหนึ่งของเธอ ตบสองทีเบาๆอย่างปลอบประโลม
“ไม่ต้องกลัว ฉันเชื่อเธอ”
ลั่วมั่นเช็ดน้ำตา จู่ๆก็คล้ายกับว่าคิดอะไรขึ้นมาได้ จึงเอ่ยด้วยท่าทีจริงจังว่า “พี่ซือโม่ ปืนกระบอกนั้น ปืนที่ยิงถูกแม่สามีฉันกระบอกนั้นก็คือปืนที่พี่มอบให้ฉัน ฉันซ่อนมันเอาไว้อย่างดีมาโดยตลอด และไม่เคยใช้มันมาก่อน คนที่ให้ร้ายฉันก็ดูเหมือนว่าจะรู้ชัดว่าฉันใช้ปืนเป็น ถึงได้ขโมยปืนกระบอกนั้นไป”
ซือโม่แววตานิ่ง “ต้องคิดให้ดีๆแล้วว่า คนที่รู้ว่าเธอใช้ปืนเป็นมีใครบ้าง”
“พ่อแม่ของฉันล้วนไม่รู้ คนอื่นจะรู้ได้อย่างไรกัน”
“ไม่จำเป็น” แววตาของซือโม่เข้มขึ้นหลายส่วน “ยกตัวอย่างเช่นฉันที่รู้”
ลั่วมั่นขมวดคิ้ว “การยิงปืนของฉัน พี่เป็นคนสอน แน่นอนว่าพี่ต้องรู้ ที่ฉันพูดก็คือคนที่ต้องการให้ร้ายฉัน………”
“เฟิงเฉินก็รู้เช่นกัน” เสียงของชายหนุ่มด้านข้างฟังดูแล้วเข้มขึ้นยิ่งกว่าเดิม