ประธานเฟิง ฉันไม่รักนายอีกแล้ว - ตอนที่ 273
บทที่ 273 วิญญาณที่ยังวนเวียนไม่หายไปไหน
“คุณผู้หญิง คุณดูว่าในบ้านยังขาดเหลือของอะไรอีกหรือไม่ ตอนเย็นฉันจะไปจัดการซื้อให้ค่ะ”
ลี่ลี่ประคองลั่วมั่นเดินเข้าไปในห้องรับแขกของคอนโด เดินไปพลาง พร้อมกับสอบถามความเห็นของเธอไปพลาง
คอนโดสองห้องนอน หนึ่งห้องรับแขกที่ใจกลางเมืองแห่งนี้ เป็นสินเดิมของลั่วมั่นในตอนที่เธอแต่งงานปีนั้น แม้ว่าตอนนั้นบริษัทลั่วซื่อจะตกอยู่ในสถานการณ์วิกฤตเป็นอย่างมาก ทรัพย์สินทั้งหมดล้วนจำนองออกไป แต่ท้ายที่สุดคุณพ่อคุณแม่ก็ไม่ยอมให้เธอได้รับความไม่เป็นธรรม ก่อนแต่งงานยังคิดหาวิธีมอบห้องคอนโดให้เธอ 3 ชุด
หลายปีมานี้แม้จะไม่เคยสนใจคอนโดห้องนี้มาก่อน ในตอนที่เจ้าของโครงการตกแต่งซ่อมแซมเรียบร้อยแล้วจะส่งมอบห้องให้นั้น ก็ยังเป็นแม่ลั่วที่หาเวลามาดู ดังนั้นความจริงแล้วนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ลั่วมั่นมาที่นี่
“อยู่ได้ก็พอแล้ว” ลั่วมั่นมองไปรอบๆ สะอาดสะอ้าน ไม่มีเครื่องประดับตกแต่งอะไร นอกจากของใช้ในชีวิตประจำวันบางอย่างที่ลี่ลี่ซื้อมาใหม่แล้ว ก็ดูท่าจะยังคงมีสภาพเดิมเหมือนกับตอนที่ส่งมอบห้อง
ลี่ลี่กลับส่ายหน้า “นั่นมันออกจะไม่เรียบร้อยเกินไปแล้วนะคะ เวลากระชั้นชิด เมื่อวานฉันก็จัดการซื้อของใช้ประจำวันไปส่วนหนึ่งแล้ว รออีกสักสองวัน เมื่อมีเวลา ฉันจะตกแต่งห้องสักเล็กน้อยค่ะ สีของผ้าม่านอึมครึมเกินไป ฉันอยากจะเปลี่ยน คุณผู้หญิงชอบสีอะไรหรือคะ”
“สีฟ้าแล้วกัน”
มองดูแล้วสะอาดสะอ้าน
เสียงกริ่งประตูที่ดังขึ้นลอยเข้าสู่โสตประสาทของทั้งสองคนที่กำลังพูดคุยกัน ลี่ลี่หันหน้าไปมองแวบหนึ่ง
“คุณผู้หญิงนั่งก่อนนะคะ ฉันจะไปดู น่าจะเป็นพวกคุณเล่อที่มาถึงแล้ว”
ตอนที่พักรักษาตัวในโรงพยาบาล ลั่วมั่นเอาโทรศัพท์มือถือของตัวเองที่อยู่กับเฟิงเฉินคืนมา หลังจากกำหนดเรื่องห้องเรียบร้อยแล้ว ก็โทรศัพท์หาเล่อสวี้ หลักๆก็คืออยากถามเธอเกี่ยวกับเรื่องคดีความว่า ตรวจพบเบาะแสอะไรหรือไม่
“คุณยังไม่ทันมองให้ชัดว่าเป็นใครก็ลงไม้ลงมือแล้ว นี่ยังเรียกว่ามีเหตุผลอีกหรือ”
“คุณเดินตามฉันอยู่ด้านหลัง คนปกติล้วนคิดว่าไม่ใช่คนดีอะไรกันทั้งนั้น”
“ใครตามคุณกัน”
เพิ่งจะเปิดประตู ก็มีเสียงโต้เถียงกันอย่างรุนแรงลอยมาระลอกหนึ่ง
“คุณเล่อ คุณชายกวน พวกคุณอย่าทะเลาะกันอีกเลยค่ะ……..”
“คุณเงียบปากไปเลย” คนที่หน้าประตูสองคนเอ่ยขึ้นพร้อมกัน
ลี่ลี่เม้มริมฝีปากอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรดี
“ยายแม่มด ผมก็ถูกมั่นมั่นเชิญมา อะไรที่เรียกว่าผมตามคุณมา คุณพูดให้ชัดเจนหน่อย?”
“วิญญาณที่ยังวนเวียนไม่หายไปไหน”
“ผมเป็นวิญญาณที่ยังวนเวียนไม่หายไปไหน คุณพูดอย่างมีเหตุผลหน่อยจะได้ไหม”
“………”
ลั่วมั่นที่นั่งอยู่ตรงนี้ ได้ยินเสียงโต้เถียงกันตรงหน้าประตู ก็ปวดหัวขึ้นมา นับตั้งแต่การร่วมมือกันของบริษัทH.Y.และทางด้านกวนเส้าหยู้สิ้นสุดลง เล่อสวี้ก็ขีดเส้น จำกัดขอบเขตกับกวนเส้าหยู้ คนที่โมโหใส่คนอื่นอย่างไม่เลือกหน้ายังแสดงออกมาได้ไม่ชัดเจนเท่าเธอเลย แปดส่วนคงทำร้ายจิตใจของกวนเส้าหยู้เข้าแล้ว
คำว่ายายแม่มดก็ด่าออกมาแล้ว……..
ลี่ลี่ทำอะไรไม่ได้แล้ว จึงหันหน้ากลับมาส่งสายตาให้ลั่วมั่นด้วยใบหน้าระทมทุกข์
ลั่วมั่นบ่นพึมพำครู่หนึ่ง ก็บิดตัวไปมา พิงตัวอยู่บนโซฟาร้องเสียงดังออกมาคำหนึ่งว่า “โอ๊ย……”
ลี่ลี่เข้าใจได้ในทันที จึงรีบยกเท้าก้าวเข้ามา เสียงก็จงใจทำให้แหลมสูง “คุณผู้หญิงคะ คุณผู้หญิงเป็นอะไรไปคะ บาดแผลเปิดออกหรือเปล่าคะ”
การตะโกนในครั้งนี้ ทำให้สองคนที่ยืนโต้เถียงกันอยู่หน้าประตูหยุดลง หนึ่งหน้า หนึ่งหลัง เดินก้าวเข้ามาในห้องอย่างรวดเร็ว
เล่อสวี้หยิบโทรศัพท์มือถือออกมา “ฉันจะเรียกรถพยาบาล”
“เรียกรถพยาบาลทำไมกัน รถผมอยู่ใต้ตึก เร็วกว่ามาก” กวนเส้าหยู้ดึงลี่ลี่ออก “ผมเอง”
ยังไม่ทันจะแตะถูกตัวลั่วมั่น แขนข้างหนึ่งก็พุ่งเข้ามาขวางอยู่บริเวณแผงอกเขา “รถพยาบาลสามารถฝ่าไฟจราจรโดยไม่ต้องสนใจอะไรได้ รถของคุณทำได้หรือ”
“ทำไมจะไม่ได้?” กวนเส้าหยู้ขมวดคิ้ว “ชีวิตคนสำคัญดุจฟ้า ผมฝ่าไฟแดงไปไม่กี่รอบจะนับเป็นอะไรไปได้”
“ความรู้เกี่ยวกับการจราจรแบบนี้ของคุณน่ะนะ จะอย่างไรประธานลั่วก็ไม่สามารถนั่งรถของคุณได้ จะเกิดเรื่องหนึ่งศพสองชีวิตเอาได้ง่ายๆ”
“คุณจงใจงัดข้อนิ”
“เป็นคุณที่ไม่มีความรู้ต่างหาก”
ลั่วมั่นเห็นทั้งสองคนเริ่มทะเลาะกันขึ้นมาอีกรอบแล้ว ก็ขี้เกียจจะแสร้งทำต่อไปอีก จึงเอนตัวพิงเข้ากับหมอนข้าง ถอนหายใจเงียบๆ
“ทะเลาะกันพอหรือยัง โชคดีที่ฉันไม่ได้เป็นอะไร ถ้าหากว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาจริงๆ แล้วพวกเธอยังมีเวลามาถกเถียงกัน ชีวิตของฉันคงไม่เหลือไปนานแล้ว