ประธานเฟิง ฉันไม่รักนายอีกแล้ว - ตอนที่ 276
บทที่ 276 ใครก็สามารถเป็นฆาตกรได้ทั้งนั้น
“สิ่งเหล่านี้ล้วนไม่สามารถใช้เป็นเหตุผลในการตัดเขาออกจากการเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีความได้”
เล่อสวี้สีหน้าเรียบเฉย “คนล้วนมีความช่ำชองในการอำพรางตัวเอง ก่อนที่จะได้เห็นความจริงของเรื่องนี้ ใครก็สามารถเป็นฆาตกรได้ทั้งนั้น”
กวนเส้าหยู้พยักหน้าตาม พยักหน้าไปสองทีแล้วสีหน้าก็เปลี่ยนไปกะทันหัน กำลังคิดจะหาคำพูดอะไรมาคัดค้าน แต่กลับพบว่าผ่านช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการคัดค้านไปแล้ว จึงทำได้เพียงแค่ปล่อยมันไป
ทั้งสามคนล้วนทำการวิเคราะห์เกี่ยวกับสถานการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในคฤหาสน์ทั้งก่อนหน้าและหลังที่เกิดเรื่องขึ้นไม่กี่วัน ไม่ทันได้รู้ตัวฟ้าก็มืดแล้ว ระหว่างนั้นลี่ลี่ก็ยื่นหน้าออกจากห้องครัวมาถามประโยคหนึ่ง
“คุณเล่อกับคุณชายกวนจะอยู่ทานอาหารเย็นที่นี่หรือไม่คะ”
กวนเส้าหยู้รับคำ “ทำอะไรนิดหน่อยก็พอแล้ว”
หลังจากนั้นทั้งสามคนก็เริ่มเข้าสู่บรรยากาศที่เต็มไปด้วยความกระตือรือร้นในการวิเคราะห์อีกครั้ง
“ก่อนอื่น นี่จะต้องไม่ใช่อุบัติเหตุอย่างแน่นอน นี่คือการฆาตกรรม ที่มีการวางแผนใส่ร้ายผู้อื่น เพราะประธานลั่วบอกว่า ปืนกระบอกนั้นเป็นของเธอ ที่หลายปีนี้ไม่เคยได้ใช้เลย และถูกเก็บซ่อนเอาไว้ในบ้านของเธอมาโดยตลอด ซึ่งถูกขโมยไปตอนไหนก็ไม่รู้”
“ผมเห็นด้วยในเรื่องนี้” คราวนี้กวนเส้าหยู้ปล่อยวางความขัดแย้งที่มีต่อเล่อสวี้ไปทั้งหมด และพยักหน้าตาม “ดังนั้นการที่กู้หมิ่นถูกคนยุยงก็มีความเป็นไปได้ค่อนข้างมาก แต่ผมมีคำถามหนึ่ง ถ้าหากว่าในวันนั้นลั่วมั่นเชื่อคำของเฉิน ไม่ได้ไปคฤหาสน์เฟิงแล้วล่ะก็ เช่นนั้นแผนการใส่ร้ายผู้อื่นของฝ่ายตรงข้ามจะไม่เสียเปล่าหรือ”
“ไม่หรอก” เล่อสวี้ปฏิเสธ “ปืนที่ทิ้งเอาไว้ในที่เกิดเหตุมีรอยนิ้วมือของประธานลั่ว ตำรวจก็จะตรวจเจอได้อย่างรวดเร็ว เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับประธานลั่ว”
“ถ้าหากว่ามั่นมั่นมีหลักฐานยืนยันว่าไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุล่ะ” กวนเส้าหยู้ยังถามต่ออย่างไม่ยอมแพ้ “เดิมในวันนั้น ลั่วมั่นควรจะอยู่ที่บ้าน คนรับใช้ภายในบ้านสามารถเป็นผู้ยืนยันได้ว่าเธออยู่ที่บ้านตลอด คนคนหนึ่งคงไม่สามารถแยกร่างไปทำทั้งสองเรื่องในเวลาเดียวกันหรอกนะ”
เล่อสวี้ส่ายหน้า เห็นได้ชัดว่าไม่เห็นด้วยกับจุดที่กวนเส้าหยู้เจาะเข้าไป
“ตอนนี้ไม่ใช่ช่วงเวลาที่จะมายุ่งกับเรื่องนี้ หากคนที่ผลักดันอยู่เบื้องหลังต้องการใส่ร้ายคนคนหนึ่งนั้นมีวิธีอีกมากมาย ไม่จำเป็นจะต้องยึดติดในธรรมเนียมเก่าๆพวกนี้หรอก แผนการ B และแผนการ C ของเขาอาจจะเป็นสิ่งพวกเราคาดไม่ถึงเลยก็ได้ แต่ว่าไม่มีความหมายอะไร สิ่งที่พวกเราต้องทำก็คือจับตัวคนที่อยู่เบื้องหลังคนนี้ออกมา”
“แน่นอนว่าผมรู้ว่าต้องจับตัวเขาออกมา แต่ผมก็คิดว่า ถ้าหากสามารถคิดถึงแผนการทั้งหมดของเขาได้ จะมีข้อดีต่อพวกเรามากยิ่งขึ้น”
“ไม่มีเวลามากขนาดนั้น”
“ไม่มีเวลาได้อย่างไรกัน ผม……..”
ลั่วมั่นก่ายหน้าผาก นึกว่าทั้งสองคนจับมือพูดคุยกันดีๆจนกลายเป็นอยู่ฝ่ายเดียวกันแล้ว แต่ตอนนี้ดูท่า เมื่อครู่นี้ทั้งหมดเป็นแค่หมอกควันที่ลอยผ่านตาไป ล้วนเป็นภาพลวงตาของตัวเอง
ทางฝั่งนี้เริ่มมีกลิ่นเขม่าดินปืนลอยฟุ้งไปทั่ว ทางห้องครัวก็มีเสียงดังตึงตังขึ้นมาครู่หนึ่ง ซึ่งมีอานุภาพมากพอที่จะหยุดชะงักการถกเถียงกันภายในห้องรับแขกได้
ทั้งสามคนมองไปทางหลังประตูห้องครัวอย่างพร้อมเพรียงกัน
“เกิดอะไรขึ้นหรือ”
“ไม่มีอะไรๆ……..” เสียงที่ทำอะไรไม่ถูกของลี่ลี่ลอยออกมาจากในห้องครัว
ต่อมาก็มีเสียง ‘แกร๊ง’ ดังสนั่นขึ้นมาอีก หม้อที่ใช้ผัดผักใบหนึ่งกลิ้งออกมาจากห้องครัว หมุนกลิ้งอยู่ที่ตำแหน่งเดิมบนพื้นที่หน้าประตูห้องครัว
ลี่ลี่ยันตัวเข้ากับประตูห้องครัว สีหน้าซีดเผือด
“ไม่ ไม่มีอะไรค่ะ……..”
กวนเส้าหยู้มองลั่วมั่นแวบหนึ่ง “นี่ก็คือคนรับใช้ที่คุณบอกว่าจะอยู่เป็นเพื่อนคุณจนถึงตอนที่คุณคลอดลูกจบหรือ”
เล่อสวี้เอ่ยสำทับอีกประโยคว่า “ดูจากตอนนี้แล้ว เธอน่าจะอยู่เป็นเพื่อนไม่ถึงตอนนั้นนะ”
ห้านาทีหลังจากนั้น ลี่ลี่ก็นั่งอยู่บนโซฟา เหงื่อเย็นไหลโซมกาย
“ตอนแรกฉันเพียงแค่อยากจะพบหน้ากับคุณผู้หญิงสักครั้ง เพื่อขอบคุณ ดังนั้นถึงได้โกหกคุณชายว่าฉันทำอาหารเป็น ฉันไม่ได้อยากปิดบังใคร……..”
“แต่ว่าตอนที่เธออยู่ทะเลสาบต้วน ก็ทำอาหารได้ไม่เลวมาตลอดนินา” ลั่วมั่นมีสีหน้าสงสัย
“นั่นมัน……..” ลี่ลี่ก้มหน้าลงต่ำยิ่งกว่าเดิม “สั่งอาหารเดลิเวอรี่ค่ะ”