ประธานเฟิง ฉันไม่รักนายอีกแล้ว - ตอนที่ 278
บทที่ 278 ความโศกเศร้าที่ยากจะบรรยาย
“ประธานเฟิงพูดว่าเขามาทำอาหาร” เล่อสวี้ที่มีท่าทีสงบเยือกเย็น จนถึงขั้นช่วยเอ่ยซ้ำให้อีกรอบด้วยความหวังดี ขณะเดียวกันก็ดันตัวน่าน่าที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความตกตะลึงเข้าไปในห้องครัว
จะต้องเป็นภาพหลอนแน่ๆ รู้จักเฟิงเฉินมานานหลายปีขนาดนี้ ใครเคยได้ยินบ้างว่าเขาทำอาหารเป็น ทำไมเขาถึงทำอาหารเป็นกัน?
กวนเส้าหยู้รู้สึกว่ามุมมองในการใช้ชีวิตของตัวเองทั้งสามอย่างได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง
ครึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น บนโต๊ะกลมก็มีอาหาร 5-6 จานวางอยู่เต็มไปหมด ล้วนใช้จานกระเบื้องสีขาวใส่อาหาร และมองไม่ออกว่าจานไหนเป็นฝีมือของใคร น่าน่านั้นได้สติกลับมาจากอาการตื่นตะลึงแล้ว หลังจากที่ทุกคนเข้านั่งประจำที่ เธอก็แสร้งถามอย่างมีลับลมคมในว่า “พวกคุณลองชิมดูแล้วค่อยทายว่าอาหารจานไหนที่เป็นประธานเฟิงคนทำ”
“ยังจะมีหลายจานด้วยหรือ” กวนเส้าหยู้ยังคงตกตะลึงอยู่ จนเกือบจะกัดถูกลิ้นตัวเองเข้าแล้ว
อาหารบนโต๊ะเหล่านี้ นอกจากยำแมงกะพรุนที่มองดูแล้วความยากไม่มากเท่าไร มือใหม่สามารถทำได้ จานอื่นมองอย่างไรก็ไม่เหมือนกับคนที่ทำอาหารเป็นครั้งแรกทำออกมา แม้ว่าจะเป็นมะเขือเทศผัดไข่ที่ง่ายที่สุด ก็ยังแยกสีแดงและสีเหลืองให้เห็นได้อย่างชัดเจน ทำให้คนที่มองเกิดความอยากอาหารมากขึ้นหลายเท่า
น่าน่าพยักหน้ารัวๆ “ฉันกับประธานเฟิงคนหนึ่งทำอาหารสาม น้ำแกงหนึ่งค่ะ ให้ประธานลั่ว และประธานเล่อทายด้วยได้พอดีเลยค่ะ คนหนึ่งทายจานหนึ่งก็พอแล้ว”
“ผมเอง” กวนเส้าหยู้ยื่นตะเกียบในมือออกไปก่อน ชิมลูกชิ้นหมูน้ำแดงเข้าไปคำหนึ่ง และไม่รู้ว่าชิมได้รสชาติอะไรออกมา ถึงได้เอ่ยว่า
“ลูกชิ้นหมูน้ำแดงขาดการใช้ไฟอ่อนในการตุ๋นไปหน่อย แต่ว่าไม่เลว ผมเดาว่ายำแมงกะพรุนคืออาหารที่เฉินทำ”
ตรรกะอะไรกันเนี่ย………
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะชิมอะไร เขาก็จะตัดสินว่าเฟิงเฉินเป็นคนทำเมนูที่ง่ายกว่า
เขาเลิกคิ้วใส่เล่อสวี้ เป็นอย่างไร คุณชายไม่อาศัยรสชาติแต่อาศัย IQ กดคุณลงไป
แต่ไม่รู้เลยว่า ในนัยน์ตาซ้ายขวาของเล่อสวี้มีคำคำหนึ่งปรากฏอยู่ รวมกันได้ว่า “ปัญญาอ่อน”
น่าน่ากลับส่ายหน้า “ไม่ใช่ค่ะ ฉันเป็นคนทำแมงยำกระพรุน ก่อนที่จะมา ฉันไม่ทราบเรื่องที่ประธานลั่วตั้งครรภ์ ดังนั้นจึงได้ซื้อมา ตอนที่ทำอาหาร ประธานเฟิงบอกว่าประธานลั่วตั้งครรภ์อยู่ ไม่สามารถกินของเย็นเหล่านี้ได้ อีกครู่หนึ่งประธานลั่วก็อย่าแตะต้องจานนี้นะคะ”
นึกไม่ถึงเลยว่าจะไม่ใช่ สีหน้าของกวนเส้าหยู้เหี่ยวลง
หลังจากเล่อสวี้ทายว่าผัดผักกวางตุ้งและซุปขาหมูมีเฟิงเฉินเป็นคนทำ กวนเส้าหยู้ก็แสดงออกว่าไม่ยอมรับ “คุณทายได้เพราะถูกคนเตือนให้อ้างอิงจากรสชาติอาหารที่ถูกปากสตรีตั้งครรภ์ ดังนั้นไม่ยุติธรรม”
“ดูเหมือนว่าไม่มีใครบีบบังคับให้คุณทายคนแรกนะ” เล่อสวี้เอ่ยประโยคเดียวก็สามารถอุดปากเขาให้เป็นใบ้ได้
“พอแล้วค่ะๆ” น่าน่ากระพริบตา “ยังเหลืออีกหนึ่งจานนะคะ ประธานลั่วทายเลยค่ะ!”
อีกหลายคนถึงได้สังเกตเห็นว่า ลั่วมั่นไม่พูดอะไรเลย และมีท่าทีเหมือนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวตลอดเวลา
ภายใต้สายตาจับจ้องของผู้คนบนโต๊ะอาหาร ลั่วมั่นฝืนยิ้ม หลังจากมองอาหารบนโต๊ะรอบหนึ่งแล้ว ก็ก้มหน้าคีบเห็ดหูหนูผัดไข่ขึ้นมาชิมแล้ววางตะเกียบลง
“นี่คืออาหารที่น่าน่าทำ”
“ถูกต้องค่ะ!” ใบหน้าน่าน่าเต็มไปด้วยความปีติยินดี “ทายถูกแล้วสามารถทายต่อไปได้! ประธานลั่วคะ ยังมีชิงเฮ่าผัดเนื้อและผัดมะเขือยาวด้วยนะคะ ทั้งสองอย่างนี้มีใครเป็นคนทำบ้างคะ”
เล่อสวี้ช่วยคีบอาหารทั้งสองอย่างมาวางไว้ในจานรองหน้าลั่วมั่น
ลั่วมั่นชิมมะเขือยาว และชิมชิงเฮ่าผัดเนื้อ สุดท้ายก็วางตะเกียบลง “น่าน่าเป็นคนทำชิงเฮ่าผัดเนื้อ”
น่าน่าตะลึงไปเล็กน้อย รอยยิ้มบนใบแข็งค้าง
“เป็นอย่างไรบ้าง” กวนเส้าหยู้ถามต่อ “ทายถูกไหม”
น่าน่าส่ายหน้าอย่างลังเล หันไปทางเฟิงเฉินที่อยู่ด้านข้าง
“มะเขือยาวน่าจะไม่อร่อยเท่าไร เพราะใส่น้ำมันน้อย แต่ช่วงนี้มั่นมั่นไม่สามารถกินของมันเกินไปได้” เสียงของเฟิงเฉินเบาๆมาก พาให้ผู้คนรู้สึกอึดอัดแปลกๆ
สายตาของลั่วมั่นมีแววเข้าใจขึ้นมากะทันหันพาดผ่านไป ต่อมาก็ตามด้วยความโศกเศร้าที่ไม่อาจบรรยายออกมาได้
บรรยากาศบนโต๊ะอาหารชะงักไปทันที
“ทายผิดก็ทายผิดสิ ไม่เห็นจะสำคัญอะไรเลย?” กวนเส้าหยู้รีบเอ่ยไกล่เกลี่ย “ใช่แล้ว ฉันนึกเรื่องตลกออกมาได้เรื่องหนึ่ง……..”
“………..”
“ตลกใช่ไหม ฮ่าๆๆ………”
กระทั่งเล่อสวี้ก็ยังให้ความร่วมมือในการหัวเราะออกมา แต่ลั่วมั่นกลับตกตะลึงพรึงเพริดอยู่ตลอด