ประธานเฟิง ฉันไม่รักนายอีกแล้ว - ตอนที่ 282
“คุณพูดว่าอะไร” ปฏิกิริยาตอบสนองที่รวดเร็วของหลี่สู้ ได้เรียกหยุดผู้หญิงที่พูดประโยคนี้ขึ้น “ผู้หญิงเมื่อสักครู่นั้นเป็นใครนะ”
“ตระกูลเฟิง……” หญิงสาวกำลังจะตอบ ทันใดนั้นเห็นชายหนุ่มที่ยืนอยู่ด้านหลังหลี่สู้นั้นเป็นเฟิงเฉิน สีหน้าจึงขาวซีดทันที “ประธานเฟิงก็อยู่เหรอคะ……ฉัน ฉันมีธุระ ต้องขอตัวก่อนค่ะ”
พูดจบ ก็รีบเดินจากไปอย่างรวดเร็วพร้อมกับแชมเปญที่ถืออยู่ในมือ
เดิมทีสีหน้าที่สงบนิ่งของเฟิงเฉินตึงเครียดด้วยคำพูดประโยคนั้น จึงค่อยๆหันหลังไปมองร่างไกลๆของสองคนที่รายล้อมด้วยผู้คนเมื่อสักครู่
ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ทำให้ตัวหญิงสาวดูเอวบางร่างน้อย แต่แม้กระนั้นจะเอวบางร่างน้อย ก็ไม่สามารถปกปิดออร่าความมั่นใจบนตัวของเธอได้ ซึ่งแตกต่างหญิงที่แต่งตัวเก่งแต่ไร้สมองเหล่านั้น
ถ้าไม่ใช่ลั่วมั่นแล้วจะเป็นใคร
และก็ไม่ต้องเดาให้ยากกับประโยค‘ประธานซือ’ที่เอ่ยออกมาจากปากผู้คนที่แยกย้ายกันเมื่อสักครู่ นั้นเป็นซือโม่อย่างไม่ต้องสงสัย
ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะเป็นเจ้าของผู้อยู่เบื้องหลังMX ไม่น่าเชื่อว่าจะใช้วิธีนี้มาปรากฏตัวต่อหน้าเขาอีกครั้ง
“ความจริงคุณไม่ต้องใส่ใจฉันมากก็ได้ ฉันแค่มาออกงานเป็นเพื่อนคุณเท่านั้น คุณใส่ใจฉันมากเกินไป กลับทำให้ฉันรู้สึกแย่ รู้สึกเหมือนเพิ่มปัญหาให้กับคุณ”
ในห้องรับรองที่อยู่ข้างๆ ลั่วมั่นรับผ้าเช็ดหน้าที่ซือโม่ยื่นให้ แล้วซับเข้าที่จมูก
ช่วงนี้อากาศในเมืองเจียงเริ่มเย็น ดูเหมือนเธอจะมีอาการหวัดเล็กน้อย แต่เนื่องจากตั้งครรภ์ ดังนั้นจึงไม่กล้าทานยา ทำได้เพียงทนและให้หายไปเอง
“เป็นผมเองที่ให้คุณมาเป็นเพื่อน หากรู้ตั้งแต่แรกว่าคุณไม่สบาย ก็จะไม่ปล่อยให้คุณมาทรมานแบบนี้ ในโทรศัพท์ก็ไม่บอกเลย ช่างทำให้เป็นห่วงจริงๆ อีกสักครู่จะให้คุณหมอมาดูอาการคุณสักหน่อย”
พูดจบ ซือโม่ก็หันหลังไปออกคำสั่งผู้ช่วย “ไปบอกให้พนักงานโรงแรมปรับอุณหภูมิให้สูงขึ้นหน่อย”
ผู้ช่วยลังเลเล็กน้อย “ประธานซือครับ มีคนมากมายในงาน ปรับอุณหภูมิในงาน จะเหมาะสมเหรอครับ”
แต่ซือโม่กลับไม่สนใจ
“ถ้าพวกเขาทนไม่ได้ก็จงออกไป งานเลี้ยงนี้จัดขึ้นก็เพื่อสนองความอยากรู้อยากเห็นของพวกเขา ว่าฉันเป็นใครก็เท่านั้น และวัตถุประสงค์ก็ได้บรรลุแล้ว”
ผู้ช่วยไม่กล้าพูดอะไรอีก พยักหน้าแล้วก็เดินจากไป
แต่ลั่วมั่นกลับรู้สึกแย่ “ไม่ต้องยุ่งยากขนาดนี้ก็ได้ ฉันก็ไม่ได้หนาวมาก แค่เป็นหวัดตัวเย็นเท่านั้น”
ซือโม่ได้ถอดเสื้อสูทออกแล้วทำท่าจะคลุมลงบนไหล่ให้กับลั่วมั่น
“ไม่…..ไม่เป็นไร” ลั่วมั่นทำท่าหลบ เนื่องจากปากหอยปากปูเยอะ เพราะถึงอย่างไร เธอก็ยังเป็นภรรยาของเฟิงเฉิน
“คุณบอกว่าอยากจะดึงดูดความสนใจของผู้บงการที่อยู่เบื้องหลัง ยิ่งโดดเด่นยิ่งดีไม่ใช่เหรอ”
คำพูดของซือโม่ทำให้เธอดึงสติขึ้น และเสื้อสูทสีทองเข้มก็ได้คลุมลงบนไหล่ของเธอลงในเวลานี้
การวิเคราะห์ของเล่อสวี้กับกวนเส้าหยู้ก่อนหน้านี้ เธอนั้นไม่ได้บอกกับซือโม่ แต่ว่าจุดประสงค์ของการมาร่วมงานเลี้ยงครั้งนี้นอกจากเป็นมารยาทแล้ว เธอยังได้บอกในสิ่งที่เธอคาดเดาเรื่องคดียิงกันครั้งก่อน บางทีอาจจะเป็นเพราะการแข่งขันกันทางธุรกิจ เนื่องด้วยตระกูลเฟิงมีศัตรูไม่น้อย ไม่แปลกถ้าจะถูกคนจับจ้อง ดังนั้นคนคนนี้บางทีอาจจะยืมมือเธอทำอะไรบางอย่าง เธอจึงต้องใช้แผนซ้อนแผน
แต่ถ้ายอมรับความหวังดีของซือโม่ ก็เท่ากับเป็นการยอมรับความสัมพันธ์ที่ครุมเครือกับเขาโดยปริยาย นี่คือความโดดเด่นเหรอ ลั่วมั่นสงสัย จู่ๆหางตาก็เหลือบไปเห็นร่างที่สูงโปร่งในฝูงชนที่อยู่ไกลๆ
เธอเบนสายตาหลีกเลี่ยงจากดวงตาของฝูงชนนั้นแทบจะในทันที มือที่เกาะอยู่บนไหล่ก็ไม่ได้ทำท่าจะสลัดสูททิ้ง
เรื่องที่เฟิงเฉินอยู่ที่นี่ เธอนั้นรู้ตั้งแต่แรก
ร่างไกลๆที่อยู่ในฝูงชนดูตกใจอย่างเห็นได้ชัด และได้กำบีบแก้วที่ถืออยู่ในมือแน่นจนมีเสียง‘เพล้ง’ดังขึ้น พนักงานและแขกเหรื่อต่างร้องอุทานด้วยความตกใจ
“แก้วแตกแล้ว…..”
“รีบไปเก็บกวาดเร็ว”
หลี่สู้จ้องมองเฟิงเฉินโดยไม่รู้จะทำอย่างไรดี ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะบดแก้วด้วยมือเปล่า ตามนิ้วมือมีเลือดแดงสดๆไหลออกมา
“ประธานเฟิงครับ จัดการกับบาดแผลก่อนเถอะ”
เฟิงเฉินกำหมัดแน่นอย่างเงียบๆ หันหลังแล้วก็เดินจากไป