ประธานเฟิง ฉันไม่รักนายอีกแล้ว - ตอนที่ 287
เรื่องที่ส้งชิงหรูอยู่ในห้องสำนักงานของประธานครึ่งค่อนวัน ได้ถูกแพร่กระจายไปทั่วบริษัทH.Y.อย่างรวดเร็ว
บริษัทใหญ่ก็มักจะเป็นแบบนี้ ความกดดันในการทำงานสูง มีอะไรนิดอะไรหน่อยก็ไม่สามารถที่จะปกปิด แม้แต่ลมพัดใบไม้ปลิวเรื่องเล็กๆน้อยๆก็สามารถกลายเป็นเรื่องสนทนาในวงอาหารได้ เหมือนกับว่ามีเพียงเช่นนี้ที่จะสามารถทำให้คนที่ทำงานเหน็ดเหนื่อยเหล่านี้มีชีวิตชีวาขึ้น
“ก่อนหน้านั้นศาลได้พิพากษาจำคุกลั่วมั่นสิบสองปีแน่ะ หากไม่ใช่เป็นเพราะตั้งครรภ์ก็คงไม่ได้รอลงอาญา เมื่อลูกคลอดออกมา คงเป็นตระกูลเฟิงที่รับเลี้ยงดู ส่วนสะใภ้คนนี้คงไม่มีทางยอมรับแล้วมั้ง”
“แน่นอน ตอนนี้แม่ของประธานเฟิงยังนอนอยู่ที่โรงพยาบาล คนของตระกูลเฟิงจะมีใครให้การยอมรับเธอได้อีก”
“แล้วเรื่องระหว่างรองประธานส้งกับประธานเฟิงนั้นเป็นจริงเหรอ”
“ฉันว่าอาจเป็นไปได้ รองประธานส้งกับประธานเฟิงของพวกเราเป็นเพื่อนร่วมหาวิทยาลัย เป็นรุ่นน้องของประธานพวกเราเพียงสองปี ได้ยินมาว่าตอนที่มาสัมภาษณ์งานนั้น ประธานเฟิงมาสัมภาษณ์ด้วยตัวเอง จะต้องถูกตาถูกใจกันตั้งแต่ตอนแรกแล้ว…..”
ในห้องรับรองแผนกฝ่ายขายของบริษัทH.Y. มีพนักงานสองสามคนกำลังคุยสนทนากัน
มีคนเหลือบมองที่ประตูโดยบังเอิญ จากนั้นก็ลุกขึ้นจากโซฟาอย่างรีบร้อน “รองประธานส้ง…..”
ส้งชิงหรูสีหน้าปกติ ไม่รู้ว่ายืนอยู่ที่หน้าประตูนานแค่ไหนแล้ว ถือแก้วกาแฟอยู่ในมือ แต่งหน้าประณีตงดงาม ภายใต้ชุดทำงานสีเบจ เผยให้เห็นถึงเรียวขายาว ดูเซ็กซี่สวยงามกว่ายามปกติที่หน้าตาเคร่งขรึมเย็นชา
“ในเวลางาน ไม่ใช่ให้พวกคุณสุมหัวคุยกัน เรื่องซุบซิบนินทา ทางแผนกฝ่ายขายเขาห้าม ไม่รู้กันเหรอ”
ทุกคนต่างตระหนกตกใจ
“ถ้าให้ประธานเฟิงรู้เข้า พวกเธอก็จะต้องเดือดร้อนกันถ้วนหน้า”
คนพวกนั้นต่างหน้าขาวซีด “รองประธานส้ง พวกเราผิดไปแล้ว เรื่องนี้…..”
ส้งชิงหรูกลอกตาอย่างย่ามใจ
“แต่พวกเธอต่างเป็นคนในแผนกของฉัน ฉันย่อมไม่ไปบอกท่านประธานอย่างแน่นอน”
คนพวกนี้ถึงได้ใจชื้นขึ้น พยักหน้าโค้งคำนับขอบคุณกันยกใหญ่ และมีการแอบส่งสายตากัน ซุบซิบนินทาร้อยแปดพันอย่างผ่านการสบตากัน
“…..”
ข่าวซุบซิบนินทาของบริษัทH.Y. ก็ได้ยินไปถึงหูของลั่วมั่น แต่ไม่ใช่แล่อสวี้เป็นคนบอก เธอไม่ได้ว่างขนาดนั้น และแต่ไหนแต่ไรมาเธอก็ไม่สนใจคำนินทากาเลเหล่านี้ แต่เป็นวันเสาร์วันพักผ่อนที่น่าน่ามาทำอาหารที่คอนโดนของลั่วมั่น ได้หลุดปากพูดออกมา
“ไม่รู้ว่าประธานเฟิงคิดอะไรอยู่ พักนี้ไปไหนมาไหนก็มักจะพาส้งชิงหรูไปด้วย ฉันเห็นแล้วหงุดหงิดใจจริงๆ”
หนึ่งประโยค ทำให้คนคิดมโนไปได้ไกล
ลั่วมั่นที่กำลังนั่งปอกแอปเปิลอยู่บนโซฟา ได้ยินดังนั้นก็เงยหน้ามองน่าน่าที่กำลังนั่งเด็ดผักอยู่ที่พรมบนพื้นแวบหนึ่ง “เธอพูดว่าอะไรนะ”
เมื่อน่าน่ารู้ตัวเองว่าเผลอพลั้งปาก ก็ผงะตกใจขึ้น “ฉัน…..ฉันไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้น”
ยิ่งปกปิดยิ่งมีพิรุธ
เล่อสวี้ที่อยู่ข้างๆกลอกตามองบน “คนในบริษัทพวกนั้นแต่ไหนแต่ไรมาวันๆว่างไม่ทำอะไร เอาแต่ซุบซิบนินทาปล่อยข่าวโคมลอย หาสาระไม่ได้”
“เช่นนั้นเป็นข่าวไร้สาระแบบไหนกัน” ลั่วมั่นกลับสนใจขึ้นมา
“ฉันคิดว่าไม่มีอะไร ไม่จำเป็นต้องไปสนใจ” สีหน้าเล่อสวี้เรียบเฉย “คุณหมอบอกว่าอารมณ์เธอไม่ควรแปรปรวน ลูกในครรภ์ต้องการภาวะจิตใจที่สงบ เรื่องที่ไม่เป็นเรื่องแบบนี้มองข้ามไปอย่าได้ไปสนใจ”
“อารมณ์แปรปรวน?” ลั่วมั่นขมวดคิ้ว “เธอคิดว่าเธอพูดแบบนี้แล้ว ฉันจะเห็นด้วยแล้วไม่อยากฟังอีกอย่างนั้นเหรอ ถ้าพวกเธอไม่คิดที่จะบอกฉัน ฉันก็มีวิธีไปสืบหาเองได้ ทางบริษัทนั้นก็ยังมีคนอยู่ ฉันจะโทรหาคนในบริษัท”
น่าน่ากลัวว่าหากโทรไปที่บริษัทแล้ว สิ่งที่เธอได้ยินอาจจะมากเกินความเป็นจริง จึงได้รีบอ้าปากและขัดขวางการกระทำของเธอ
“ฉันพูดๆ ก็คือพักนี้ประธานเฟิงใกล้ชิดกับส้งชิงหรูแผนกฝ่ายขายมากเกินไป ออกไปดูงานสองครั้งก็พาเธอไปด้วยกันสองต่อสอง สองวันก่อนงานเลี้ยงธุรกิจในเมืองเจียงก็พาเธอไปออกงานด้วย ตอนนี้ผู้คนต่างมองส้งชิงหรูอย่างสูงส่ง เธออยู่ที่บริษัทหางสูงจนแทบจะเสียดฟ้าอยู่แล้ว และอ้างตัวเองว่า…..ว่าเป็นแฟนของประธานเฟิง”
“อย่างเธอรึจะคู่ควร” เล่อสวี้พึมพำเบาๆด้วยน้ำเสียงแดกดัน
แต่ด้านข้างนั้น ลั่วมั่นกลับมีสีหน้าที่ตกใจ