ประธานเฟิง ฉันไม่รักนายอีกแล้ว - ตอนที่ 299
“ผมจะมีแผนการร้ายได้อย่างไร”
“ชายหนุ่มดึกๆดื่นๆเดินตามผู้หญิงต้อยๆ ไม่มีแผนการร้านแล้วมีอะไร” เล่อสวี้สีหน้าเย็นชา และแสดงสีหน้าความเป็นรุ่นพี่แล้วพูดขึ้นว่า “ฉันรู้ว่าเด็กฝึกงานรุ่นพวกเธอต้องการอยากเข้าทำงานที่ H.Y. แต่ว่าต้องอาศัยความสามารถ จะมาทำสิ่งที่ไร้สาระแบบนี้มันไม่มีประโยชน์ ทำเรื่องจริงๆจังหน่อยถึงจะมีความหมาย”
“หือ” เจี่ยนป๋ายถึงกับจะยิ้มก็ไม่ได้จะร้องไห้ก็ไม่ได้ “ไม่ใช่…..”
ใครเขาตามตื๊อเธอทุกวันเพื่อหน้าที่การงานเล่า เดิมทีลูกพี่ลูกน้องของเขาจัดให้เขาเข้ามาในบริษัทH.Y. นั้น เขาไม่ได้คิดที่อยากจะอยู่นานเลยสักนิด เป้าหมายของเขาคือต้องการเริ่มธุรกิจของตัวเอง เพราะลูกพี่ลูกน้องบอกว่าต้องเริ่มจากจุดเริ่มต้น ต้องผ่านประสบการณ์งานหนักเจอความยากลำบากก่อน เขาถึงมาหรอก!
ใครจะไปรู้ว่าเมื่อเขาได้พบกับเล่อสวี้ เขาก็ผัดวันประกันพรุ่งและก็ตัดสินใจไม่ไปจากที่นี่แล้ว
“เอาล่ะ เอาอย่างนี้ ฉันจะไปแล้ว และก็ไม่ต้องเดินตามมาอีก”
เมื่อพูดจบ เล่อสวี้ก็ยืนอยู่ข้างทางเรียกรถแท็กซี่มาคันหนึ่ง จากนั้นทิ้งเจี่ยนป๋ายแล้วก็จากไป
เจี่ยนป๋ายจูงจักรยานเมื่อสักครู่คิดอยากจะตามไป แต่จู่ๆกลับมีร่างที่โผล่มาจากความมืดมาขัดขวางไว้
“พี่”
เขาจ้องมองชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าด้วยความประหลาดใจ “ดึกๆดื่นๆทำไมพี่มาอยู่ตรงนี้ มารับผมเหรอ”
กวนเส้าหยู้ที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธ “มารับนายเหรอ มารับบ้านป้านายสิ!”
“พี่เป็นอะไร”
“ตอนนี้ฉันอยากจะต่อยนาย” กวนเส้าหยู้โกรธจนจับที่คอเสื้อของเจี่ยนป๋าย “ฉันให้นายมาที่ H.Y.เพื่อมาตามตื๊อสาวเหรอ ตามตื๊อใครไม่ว่า ดันมาตามตื๊อเธอ”
“พี่หมายถึงอาสวี้เหรอ” เจี่ยนป๋ายขัดขืน “พี่ก็พูดดีๆไม่ต้องลงไม้ลงมือก็ได้ อาสวี้ทำไม ผมรู้สึกอาสวี้ดีมากเลย พี่อย่าบอกผมนะว่าพี่รู้สึกไม่เหมาะสม….”
‘อาสวี้’ กวนเส้าหยู้กัดฟันย้ำซ้ำๆ ด้วยสายตาที่แทบจะกลืนกินคน
ตัวเองนั้นเลี้ยงลูกเสือลูกจระเข้ไว้จริงๆ!
“หนุ่มน้อย นายฟังฉันไว้ให้ดี!” กวนเส้าหยู้จับที่คอเสื้อไว้อย่างแน่น จนเจี่ยนป๋ายแทบจะหายใจไม่ออก “ผู้หญิงคนนั้นเป็นของฉัน เป็นพี่สะใภ้นายในอนาคต ถ้านายคิดไม่ซื่อกับเธอ ฉันจะตอนนายซะ!”
ได้ยินดังนั้น เจี่ยนป๋ายก็เบิกตากว้าง เอามือกุมเป้ากางเกง “พี่…..นี่พี่…..”
จะให้ฉันพูดย้ำอีกครั้งไหม”
“ไม่…..ไม่ต้องแล้ว ก่อนหน้านั้น ก่อนหน้านั้นพี่ไม่เคยบอกผม พี่ปล่อยผม”
เจี่ยนป๋ายดึงคอเสื้อตัวเองกลับเพื่อหายใจ กวนเส้าหยู้จีงคลายมือออกจากเขา แล้วก็สะบัดเขาทิ้ง
เจี่ยนป๋ายจัดระเบียบเสื้อเชิ้ตที่ยับยู่ยี่ แล้วสูดลมหายใจ จากนั้นพูดด้วยความสงสัย
“พี่กับอาสวี้คบกันเหรอ นานแค่ไหนแล้ว”
“เกี่ยวอะไรกับนาย”
“อย่าบอกนะว่าพี่ยังจีบไม่ติด” เจี่ยนป๋ายแอบถามลองเชิง
และก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ สีหน้ากวนเส้าหยู้เปลี่ยนเป็นสีแดง “บอกแล้วว่าไม่เกี่ยวกับนาย ถ้านายยังถามอีก เชื่อไหมว่าฉันจะโทรศัพท์หาคุณลุงเดี๋ยวนี้ ให้เขามาพานายออกไปจากเมืองเจียง”
ปฏิกิริยาเช่นนี้ แค่ดูก็รู้ว่าเขินจนโมโห!
เจี่ยนป๋ายถอยหลังสองก้าว และกระโดดขึ้นจักรยานของตัวเอง แค่พริบตาเดียวก็หนีไปไกล มีเสียงดังสะท้อนกลับมาอย่างย่ามใจ “พี่ เห็นได้ชัดว่าพี่แอบรักข้างเดียว พวกเรามาแข่งขันกันอย่างยุติธรรม ใครจีบติดใครได้!”
กวนเส้าหยู้ยืนอยู่กับที่โกรธจนหน้าดำเหมือนก้นหม้อ “หนุ่มน้อย นายคอยดูแล้วกัน!”
“คุณไม่ต้องเอาของไปมากมายหรอก ที่บ้านมีทุกอย่างแล้ว”
ลั่วมั่นพยุงเอวไว้ มองเฟิงเฉินสั่งคนรับใช้นำกล่องมาใส่หลังรถ จะร้องไห้หรือจะยิ้มก็ไม่ได้ “แม่ฉันบอกจริงๆ ว่าให้คนไปอย่างเดียวก็พอ ไม่ต้องนำสิ่งของไปด้วย”
“ยกกล่องนี้เสร็จก็ไม่มีแล้ว ล้วนเป็นของที่จำเป็น” เฟิงเฉินมองคนรับใช้ยกกล่องขึ้นหลังรถแล้ว ถึงได้พยุงลั่วมั่นขึ้นรถไป
“ลับๆล่อๆ คุณใส่อะไรไว้ในกล่องด้านหลังเหรอ”
“ถึงแล้วคุณก็จะรู้”