ประธานเฟิง ฉันไม่รักนายอีกแล้ว - ตอนที่ 305
ณ โรงพยาบาล ——
ไฟห้องฉุกเฉินเริ่มเปิดสว่างจนกระทั่งดับลงนั้นใช้เวลาเพียงสั้นๆแค่สิบนาที จากนั้นแพทย์ก็ผลักประตูออกมา แล้วถอดหน้ากากโค้งคำนับ “ต้องขออภัยด้วย ทางเราได้พยายามสุดความสามารถแล้ว”
จนแม่ลั่วยืนไม่ไหว และเป็นลมหมดสติไปอีกครั้ง คนรับใช้ที่ติดตามมาด้วยตลอดทาง ได้เข้ามาพยุงเธอไปพักผ่อนที่ห้องรับรองทันที ที่ระเบียงทางเดินเกิดความโกลาหลวุ่นวาย
ส่วนลั่วมั่นจับเตียงผู้ป่วยที่ถูกเข็นออกมาจากห้องผู้ป่วยฉุกเฉินไว้แน่น แล้วค่อยๆทรุดลงไปกองอยู่กับพื้น ใบหน้าที่ไม่มีเลือดไปหล่อเลี้ยง ดวงตาแดงก่ำ น้ำตาอาบนองหน้า
“ถ้าหากว่าหนูลืมตาขึ้น ถ้าหากว่าหนูลุกขึ้นมาคุยเป็นเพื่อนพ่อ พ่อก็คงจะไม่จากไปใช่ไหม พ่อ…..”
คุณหมอที่เห็นคนเกิดแก่ตายจนชิน จึงถอนหายใจและพูดปลอบขึ้น “คนตายไม่อาจฟื้นขึ้นได้ คุณลั่วต้องดูแลตัวเองด้วยนะครับ คุณยังตั้งครรภ์อยู่”
“พ่อของฉันตายเพราะฉัน” ลั่วมั่นจับมุมผ้าขาวนั้นไว้แน่น น้ำเสียงโศกเศร้าเสียใจ “เป็นเพราะฉัน เป็นเพราะฉันกับลูกในท้องที่เป็น…..มารหัวขน”
เฟิงเฉินรีบเร่งมาด้วยความเร็ว มาทันได้ยิน‘มารหัวขน’สองคำนี้พอดี จึงชะงักเท้าอยู่กับที่
“ลั่วมั่น”
ลั่วมั่นเงยหน้าขึ้นมองอย่างแข็งทื่อ เมื่อเห็นร่างที่คุ้นเคย ก็จับเตียงผู้ป่วยไว้แล้วยันตัวเองให้ลุกขึ้น จากนั้นก็เดินโซซัดโซเซ
เฟิงเฉินยื่นมือเข้าไปเพื่อพยุง แต่กลับถูกเธอสะบัดทิ้ง ใบหน้าที่สิ้นหวัง ร้องไห้จนเสียงแห้งดังสะท้อนอยู่ที่ระเบียงทางเดินของโรงพยาบาล ราวกับถูกปกคลุมด้วยขุมนรกที่ไม่มีเขตที่สิ้นสุด
“เฟิงเฉิน พวกเราจบแล้ว”
บิดาที่ใส่ใจหน้าตาศักดิ์ศรีมาโดยตลอด ถูกพ่อเฟิงมาก่อกวนเมื่อตอนกลางวัน มาดูถูก เหยียดหยาม บังคับให้ลูกสาวเซ็นใบหย่าต่อหน้าตัวเอง จิตใจของเขาในตอนนั้นย่ำแย่แค่ไหน วินาทีที่เขาโดดจากตึกชั้นบนนั้นต้องเด็ดเดี่ยวเพียงใด
“ลั่วมั่น คุณใจเย็นก่อน”
เฟิงเฉินพยายามที่จะเข้าไปกอดเธอ แต่เธอกลับก้าวถอยหลังไปสองก้าว “คุณหมอคะ รบกวนพาคุณพ่อของดิฉันไปที่ห้องเก็บศพก่อน ฉันไม่อยากให้ท่านได้ยินเรื่องแย่ๆเหล่านี้ค่ะ”
เตียงผู้ป่วยถูกเข็นออกไป ลั่วมั่นยื่นกระดาษสองสามแผ่นที่เธอถือไว้เป็นเวลานานให้เฟิงเฉิน “นี่เป็นคำสั่งเสียของพ่อฉัน คุณคิดว่าฉันยังใจเย็นไม่พออีกหรอ”
กระดาษเหล่านั้นมีเพียงหน้าแรกที่เขียนด้วยลายมือของพ่อลั่ว มีใจความว่า “ลั่วมั่น ลูกรักของพ่อ พ่อหวังเพียงว่าต่อไปวันข้างหน้าลูกจงดำเนินชีวิตตามความต้องการของตัวเอง ไม่ต้องให้ใครบังคับอีก ไม่ว่าจะเจอปัญหาหรือความลำบากใด ก็ไม่ต้องไปก้มหัวให้ใครเหมือนอย่างตอนนั้นอีก”
ส่วนกระดาษแผ่นหลังๆนั้นเป็นเอกสารใบหย่าฉบับใหม่
สีหน้าเฟิงเฉินซีดจาง เอกสารใบหย่าแนบติดอยู่ด้านหลังกระดาษคำสั่งเสีย ไม่ต้องบอกก็พอจะเข้าใจว่าต้องการให้ลั่วมั่นทำอะไร
ตอนที่พ่อลั่วกระโดดลงจากตึก ได้ทิ้งกระดาษสองสามแผ่นเหล่านี้ที่ข้างหน้าต่าง คนรับใช้เก็บขึ้นมาแล้วนำมาส่งให้ที่โรงพยาบาล วินาทีที่ลั่วมั่นเห็นเนื้อหาข้างในแล้วก็ร้องไห้เจ็บปวดรวดร้าวไม่หยุด
ถ้าหากย้อนเวลากลับไปได้ เมื่อตอนกลางวันที่บิดาต้องการให้เธอเซ็นใบหย่านั้น เธอจะต้องรับปากอย่างแน่นอน
เฟิงเฉินไม่ต้องการที่จะยอมรับความจริงเช่นนี้ กำกระดาษเหล่านั้นไว้แน่น
“ลั่วมั่น พวกเราเคยตกลงกันแล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็จะเผชิญหน้าไปด้วยกัน บางทีพ่ออาจจะไม่ ได้หมายความเช่นนี้…..”
“อย่างนั้นหมายความว่าอย่างไรล่ะ”
น้ำเสียงลั่วมั่นที่เศร้าเสียใจ ดวงตาแดงก่ำ ตะคอกขึ้น
“บริษัทลั่วซื่อใกล้จะยืนหยัดต่อไปไม่ไหวแล้ว ฉันรู้ว่าตระกูลเฟิงของคุณต้องการจะถอนเงินลงทุน การให้ความช่วยเหลือนั้นคือน้ำใจ ไม่ให้ความช่วยเหลือก็เป็นสิทธิ์ แต่ทำไมพวกคุณต้องมาเหยียดหยามพ่อของฉันถึงที่บ้านด้วย แม่คุณล้มป่วยลง ก็เลยต้องการให้คนในครอบครัวของฉันล้มลงหนึ่งคน พวกคุณถึงจะสาแก่ใจ ถึงจะรู้สึกว่ายุติธรรมใช่ไหม”
“ลั่วมั่น” เฟิงเฉินจับข้อมือของเธอด้วยท่าทางที่แข็งนอกแต่อ่อนใน “คุณรู้ตัวไหมว่าคุณกำลังพูดอะไร”
“คุณปล่อยฉันนะ”
ลั่วมั่นคว้าแผ่นกระดาษเหล่านั้นมา แล้วเซ็นชื่อลงในเอกสารใบหย่าต่อหน้าเฟิงเฉิน จากนั้นตบใส่แรงๆที่หน้าอกของเขา จนเฟิงเฉินถึงกับเซเล็กน้อย
“เฟิงเฉิน ต่อไปเราจบกัน”