ประธานเฟิง ฉันไม่รักนายอีกแล้ว - ตอนที่ 32
บทที่ 32 มันเกินกว่าการป้องกันตัว
สถานีตำรวจภาคตะวันออกเมืองเจียง
เฟิงเฉินถูกนำตัวไปทำบันทึกประจำวัน ส่วนลั่วมั่นตามไปในฐานะพยาน
“ทำไมถึงต้องทำร้ายร่างกาย?”
“เขาลงมือกับภรรยาของผม” เฟิงเฉินใจเย็น ใบหน้าไม่ได้รู้สึกผิดอะไรที่พูดโกหก
“คุณสามารถทำได้หลังจากที่คุณห้ามเขาแล้ว ทางโรงพยาบาลได้รายงานเกี่ยวกับการบาดเจ็บ ในรายงานแจ้งว่าคุณทำซี่โครงเขาหักสองท่อน แล้วยังทำให้ศีรษะด้านหลังของเขาได้รับบาดเจ็บ เป็นเหตุให้ได้รับความกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง เรียกได้ว่าเกินกว่าป้องกันตัว….”
เมื่อได้ยินว่าซี่โครงหักสองซี่ เฟิงเฉินอดไม่ได้ที่จะหันไปมองลั่วมั่น
ผู้หญิงคนนี้เวลาลงไม้ลงมือไม่ธรรมดาเลย ดังนั้นเวลาปกติเธอมักจะปิดบังซ่อนเร้นอะไรไว้อยู่นะ?
ลั่วมั่นไอแห้งๆ เพื่อละสายตาของเขาที่จ้องมองมา คุยโวโอ้อวดขึ้นมา
“คุณตำรวจ เรื่องนี้คุณลองคิดในแง่มุมคนอื่นดูบ้าง ถ้าเป็นภรรยาของคุณถูกคนอื่นลวนลาม ผมคิดว่าคุณคงไม่มานั่งคิดพิจารณาให้มากความ ว่าระดับไหนถึงจะเรียกว่าป้องกันตัวใช่ไหมครับ?”
“หรือความหมายของคุณตำรวจคือสัมผัสมือก็คือหักแขน สัมผัสขาก็คือหักขา?” ดวงตาของเฟิงเฉินแสดงความเย็นชาออกมา
ปากคุณตำรวจพูดอะไรไม่ออก
ทำไมฉันต้องคิดอย่างนี้? ตอนไหนที่ฉันพูดว่าฉันหมายความแบบนี้? ยังมีความสัมพันธ์ของสามีภรรยามันเกิดอะไรขึ้น? ทำไมมีแบบฉันถึงได้รู้สึกเหมือนนักโทษ!
ห้องโถงสถานีตำรวจ ร่างสูงยาวเดินก้าวเข้ามา หลังจากมองไปรอบๆ เห็นร่างหนึ่งอยู่ตรงมุมถัดจากโต๊ะทำงานจึงร้องเรียกอย่างร้อนรน
“พี่ มั่นมั่น…”
ได้ยินเสียงเฟิงเซิ่ง เฟิงเฉินขมวดคิ้ว หันไปมองลั่วมั่น “เธอเรียกเขามารึเปล่า?”
ลั่วมั่นกลับโบกไม้โบกมือไปทางเฟิงเซิ่ง และพยักหน้าอย่างสงบ
“ฉันคิดว่าคุณคงไม่ต้องการให้คนในบริษัทรู้เรื่องนี้ เขาเป็นน้องชายของคุณ คุณไม่สามารถหาใครมาประกันตัวได้เหมาะสมกว่านี้”
เฟิงเฉินสีหน้าบูดบึ้ง ดูเหมือนต้องทนเก็บเอาไว้
คนในบริษัทไม่มีทางรู้ได้ ไม่ได้หมายความว่าเฟิงเซิ่งสามารถรู้ได้
ขณะกำลังคิด เฟิงเซิ่งก้าวเข้ามาหาพวกเขาแล้ว จ้องมองดูร่างกายภายนอกอย่างละเอียด
“พวกพี่ทั้งสองไม่เป็นไรใช่ไหม? มั่นมั่นบอกทางโทรศัพท์ว่าพี่ไปต่อยตีคนอื่น? บาดเจ็บหรือเปล่า?”
เฟิงเฉินกระแอม “ไม่มี ฉันจะบาดเจ็บได้อย่างไรกัน?”
“แล้วมั่นมั่นล่ะ? บาดเจ็บหรือเปล่า?”
เฟิงเฉินเหลือบมองเธอด้วยท่าทางแปลกๆ
“เธอยิ่งไม่แล้วใหญ่”
เฟิงเซิ่งไม่เข้าใจคำพูดแปลกๆ ของเฟิงเฉิน เมื่อเห็นว่าไม่มีเรื่องอะไร ซึ่งเซ็นชื่อพาทั้งสองออกไป
ด้านนอกท้องฟ้ามืดแล้ว เฟิงเซิ่งมองดูที่ข้อมือ
“ดึกขนาดนี้ ฉันส่งพวกพี่กลับบ้านล่ะกัน”
“ไม่ต้อง”
“ได้”
เสียงของทั้งคู่เกือบจะดังพร้อมกันในเวลาเดียวกัน การจับคู่เสียงนั้นสมบูรณ์แบบ เสียงของทั้งคู่ไม่มีเสียงใครบดบังเสียงใคร แต่ละเสียงมีลักษณะเฉพาะดังอยู่หน้าสถานีตำรวจ
เฟิงเซิ่งตะลึง มองเฟิงเฉินอย่างลังเล “พี่ ฉันกลับบ้านพาพวกพี่ไปด้วยเพราะมันเป็นทางผ่านพอดี วิลล่าจิ่นซิ่วอยู่ห่างจากบ้านพ่อแม่ไม่ไกล ขึ้นรถเถอะ”
“ไม่ต้อง ฉันโทรบอกคนขับรถแล้ว อีกสักครู่ก็มาแล้ว ตอนนี้นายควรกลับบ้านไปได้แล้ว”
น้ำเสียงของเฟิงเฉินค่อนข้างมีความหมายลึกซึ้ง
เรื่องนี้เขาไม่ควรทำให้เป็นเรื่องใหญ่ ทางที่ดีที่สุดไม่ควรให้พ่อแม่รู้ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาอื่นที่อาจจะเกิดขึ้น
เฟิงเซิ่งไม่อาจจะฝืนต่อไปได้ ทำได้แค่มองลั่วมั่น “คืนนี้ฝนตก ลมแรง มั่นมั่นเธอจะกลับกับฉันก่อนไหม?”
ลั่วมั่นตะลึง กำลังจะตอบคำถาม จู่ๆ เกิดอาการชาที่บริเวณข้อพับแขน คิ้วของเธอกระตุกทั้งสองข้าง ทำให้เธอยิ้มอย่างไม่เต็มใจ “ไม่ ไม่ต้อง ฉันกลับกับเฟิงเฉินก็ดีอยู่แล้ว”
เสียงเครื่องยนต์เบาลง เนื่องจากไปไกลแล้ว
ในยามค่ำคืน เฟิงเฉินจ้องมองลั่วมั่น ในสายตาแสดงออกถึงคำเตือนอย่างชัดเจน
“เธอคิดจะทิ้งฉันไว้ใช่ไหม แล้วตัวเองก็ไปกับเฟิงเซิ่งใช่ไหม?”