ประธานเฟิง ฉันไม่รักนายอีกแล้ว - ตอนที่ 34
บทที่ 34 ทำตัวไม่เหมาะสม
เห็นหลัวแมนจีประกาศความเป็นเจ้าของแถมยังคล้องแขนสามีของตนเอง ลั่วมั่นรู้สึกเจ็บปวดใจ แต่สีหน้ากลับปรากฎรอยยิ้มด้วยความเคยชิน “ให้คนขับรถไปส่งฉันก็พอ”
เมื่อพูดจบ เธอรีบเปิดประตูรถ ก้มศีรษะซ่อนดวงตาเจื่อนๆ ไว้
การเผชิญหน้ากับคนใจนักเลงยั่วยุผู้หญิงที่แต่งงานแล้วอย่างเธอ เมื่ออยู่ต่อหน้า เธอสามารถสงบสติอารมณ์ให้ใจเย็นได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าเธอจะสามารถอยู่ร่วมกันอย่างสันติได้
เมื่อเห็นรถของลั่วมั่นขับไปไกลแล้ว หลังจากที่เฟิงเฉินเอาแขนของหลัวแมนจีออกจากแขนตัวเองแล้ว ดวงตาของเขากลับมาเย็นชาอีกครั้ง
“วันนี้เธอมีออดิชั่น? ตอนเช้าไหนบอกว่าจะไปช้อปปิ้งไม่ใช่หรือ?”
หลัวแมนจีหน้าซีด พูดอย่างฝืนใจ
“ใช่….เมื่อกี้ เมื่อกี้เพิ่งได้รับแจ้งจากนายหน้า”
เฟิงเฉินยิ้มเยาะ พร้อมกับทิ้งท้ายคำพูดไว้
“อย่าทำเป็นคนฉลาดนักเลย”
จากนั้นก็เข้าไปในโรงรถขับรถออกมา ไม่รอหลัวแมนจีก็ขับรถออกไป
อีกด้าน รถของลั่วมั่นขับออกมาจากชุมชนได้ไม่นาน โทรศัพท์มือถือข้างตัวก็ดังขึ้น
เมื่อดูหน้าจอโทรศัพท์ สีหน้าเธอดูตื่นเต้น รีบรับโทรศัพท์
“คุณแม่? มีเรื่องอะไรค่ะ?”
เสียงปลายสายฟังไม่ออกว่าอยู่ในอารมณ์ไหน “ไม่ได้เจอเธอตั้งหลายวัน คืนนี้พาเฟิงเฉินกลับมากินข้าวบ้านด้วยกันซิ เธอกลับมาช่วยแม่เตรียมอาหาร”
“วันนี้เหรอ?” ลั่วมั่นลังเลเล็กน้อย “ตอนบ่ายได้ไหม?”
ปลายสายลดเสียงต่ำ
“แม่มีเรื่องจะคุยกับเธอ”
เมื่อได้ยิน มือที่ลั่วมั่นกำโทรศัพท์รู้สึกชาเล็กน้อย คิดไตร่ตรองสักครู่
“ทราบแล้วค่ะคุณแม่ หนูจะไปตอนนี้”
ลู่จิ่งจูแม่ของเฟิงเฉินพูดประโยคที่ว่า ‘แม่มีเรื่องจะคุยกับเธอ’ พูดอย่างชัดเจน ไม่ว่าคุณมีเรื่องอะไรก็แล้วแต่ ก็ไม่สำคัญเท่ากับแม่มีเรื่องจะคุยกับลูก ดังนั้นเธอจะมีเพียงแค่ทางเลือกเดียวเท่านั้น
หลังจากวางสาย ลั่วมั่นสั่งให้คนขับรถกลับรถแล้วไปถนนหยีเหอ ระหว่างทางหัวใจก็รู้สึกตุ้มๆ ต่อมๆ ไม่รู้ว่า ลู่จิ่งจู จะคุยกับเธอด้วยเรื่องอะไร
มาถึง ถนนหยีเหอคฤหาสน์เฟิง
คนรับใช้มาเชิญให้ไปที่ห้องดอกไม้
“คุณแม่”
“มาแล้ว”
“ค่ะ” ลั่วมั่นยืนอยู่ที่ประตูหน้าห้องดอกไม้ รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย “คุณแม่หาหนู มีเรื่องอะไรค่ะ?”
ลู่จิ่งจู ไม่ได้หันกลับไป แต่ยังคงรดน้ำต้นไม้ด้วยท่าทางเฉยเมย
“ครั้งที่แล้วให้เฟิงเซิ่งฝากคำพูดไปบอกเธอ ได้รับหรือไม่?”
ลั่วมั่นรู้สึกแน่นในลำคอ อดไม่ได้ที่จะกำสายกระเป๋าจนแน่น “ได้รับแล้วค่ะ”
“ได้รับก็ดีแล้ว เรื่องพวกนี้พวกเราอาวุโสไม่ควรพูดอะไรมาก เธอเองควรคิดให้รอบคอบ เมื่อมีลูกแล้ว เฟิงเฉินก็อาจไปมีข้างนอก ถึงตอนนั้นเธอก็ดูแลเอาใจใส่แต่กับลูก แล้วก็ไม่ต้องคิดยุ่งวุ่นวายเรื่องบริษัท”
เมื่อได้ยิน ลั่วมั่นถึงกับแสดงสีหน้าประหลาดใจ
“คุณแม่ คุณแม่เข้าใจผิดแล้ว ที่ไปทำงานที่บริษัทไม่ใช่ความต้องการของหนูเลย”
“เพ้ง!”
ฝักบัวรดน้ำที่อยู่ในมือลู่จิ่งจู หล่นลงบนแท่นวางดอกไม้ จากนั้นมีเสียงพึมพำ เธอหันกลับมามองลั่วมั่น ด้วยสีหน้าเย็นชา “ไม่ใช่ความต้องการของเธอ แล้วที่เธอไปคุยเรื่องสัญญา จนต้องไปคุยกันถึงสถานีตำรวจล่ะ ถ้าเป็นความต้องการของเธอ เธอคิดจะทำให้บริษัท ล้มละลายใช่ไหม?”
ลั่วมั่นหน้าซีด ขณะนั้นลำคอรู้สึกอัดแน่นจนพูดอะไรไม่ออก
ที่แท้เธอรู้หมดทุกเรื่องแล้ว
“วันแรกที่เธอแต่งงานเข้ามาฉันบอกเธอแล้ว ปกติเธอจะทำอะไรฉันไม่ยุ่งเกี่ยว แต่เรื่องคนในตระกูลและบริษัท ถือว่าสำคัญ ถ้าหากเกิดความผิดพลาดใดๆ ก็ตาม เธอต้องรับผิดชอบ ถ้าไม่มีการช่วยเหลือจากเฟิงเฉินที่ดูแลบริษัท ก็อย่าเข้าไปยุ่งวุ่นวาย อายุก็ไม่น้อยแล้ว ทำไมถึงทำตัวไม่เหมาะสม!”