ประธานเฟิง ฉันไม่รักนายอีกแล้ว - ตอนที่ 35
บทที่ 35 ไปคุกเข่าที่โบสถ์
แม่ของเฟิงเฉิน ลู่จิ่งจู สถานะทางครอบครัวเป็นคุณหนูใหญ่ เกิดมาพร้อมเย่อหยิ่งทระนง ตระกูลและเรื่องธุรกิจของบริษัท เป็นเรื่องสำคัญของเธอ ขอเพียงเกี่ยวข้องกับสองเรื่องนี้ คำพูดจะเป็นไปในลักษณะยกตนข่มท่าน
ลั่วมั่นไม่กล้าปฏิเสธ เธอจำใจต้องยอมรับไม่ว่าจะเรื่องที่ทำหรือเรื่องงาน แน่นอนลู่จิ่งจู มีคุณสมบัติที่จะสอนอบรมเธอ ดังนั้นคำขอโทษคือสิ่งที่แสดงความจริงใจ
“เรื่องการเซ็นสัญญาครั้งนี้เป็นความผิดของหนูเอง ไม่ว่าคุณแม่จะลงโทษอย่างไรหนูยอมรับทั้งหมด ต่อไปหนูจะเรียนรู้จากคุณแม่ หวังว่าคุณแม่จะเมตตาอบรมสั่งสอน”
ลู่จิ่งจูคิดไม่ถึงว่าเธอจะว่านอนสอนง่ายขนาดนี้ นิ่งไปสักพักจึงพูดต่อ แต่น้ำเสียงกลับฟังดูอบอุ่นขึ้น
“วันนี้ไม่ต้องกินข้าว ไปคุกเข่าในโบสถ์ จนถึงห้าโมง”
ลั่วมั่นดูเหมือนจะไม่ลังเล ที่จะพยักหน้ารับ
“ค่ะ”
เมื่อทำผิดก็ต้องได้รับโทษ เธอไม่คิดว่ามันไม่ยุติธรรม
ลู่จิ่งจูไม่ตอบกลับเธอ หันกลับไปหยิบฝักบัวรดน้ำแล้วรดน้ำต่อ
“คุณแม่ค่ะ หนูไปโบสถ์ก่อนนะคะ”
“อืม” ตอบแบบเฉยเมยไร้ความรู้สึก
ลั่วมั่นเดินไปถึงประตูห้องดอกไม้ ทันใดนั้นได้ยินเสียงลู่จิ่งจูดังมาจากข้างหลัง
“ในเมื่อสายน้ำไม่อาจหวนคืน ใช้ด้ามจับที่จับอยู่ให้เป็นประโยชน์เป็นครั้งสุดท้าย ถ้าคิดจะแตกหักก็ให้มันถึงที่สุด อย่าถือเอาโชคจนรู้สึกว่าจะกลับหวนคืนมา”
เมื่อหันกลับไปมอง ลู่จิ่งจูยังคงรดน้ำต้นไม้อยู่ เหมือนกับคำพูดที่ได้ยินเมื่อสักครู่ไม่ใช่สิ่งที่เธอพูดออกมา
ลั่วมั่นนิ่งไปสักพัก ก่อนตื่นตัวพยักหน้ารับ
“ขอบคุณค่ะคุณแม่”
ตอนเที่ยงที่สำนักงานประธานบริษัทบริษัทH.Y.
เฟิงเฉินกลับจากการประชุม ขณะกำลังนั่งที่หลังโต๊ะทำงาน จึงถาม
“ทำไมแผนกขายสินค้าถึงไม่เข้าร่วมประชุม ได้ถามไหม?”
ผู้ช่วยส่งโทรศัพท์ของเฟิงเฉิน อธิบายว่า “ถามแล้ว แผนกขายสินค้าคุณ….ประธานลั่วไม่มาทำงาน รองผู้อำนวยการส้งชิงหรู แจ้งว่าไปเจรจาเรื่องสัญญา ไม่อยู่ในบริษัท แค่การประชุมธรรมดา แต่ละแผนกส่งคนมาบันทึกการประชุม ผู้อำนวยการไม่มาก็เป็นเรื่องปกติ”
เฟิงเฉินขมวดคิ้ว เปิดโทรศัพท์มือถือหาหมายเลขเตรียมจะโทรออก
“อ้อ…ตอนที่คุณประชุมอยู่ ภรรยาโทรศัพท์มาหา ตอนแรกจะไปแจ้งกับคุณ แต่ภรรยาบอกว่าคุณประชุมอยู่ไม่ต้องรบกวน ดังนั้นฉันจึงไม่ได้ไปแจ้งคุณให้ทราบ”
การโทรศัพท์ของเฟิงเฉินจึงหยุดลง แน่นอนได้เห็นบันทึกหมายเลขโทรศัพท์ชื่อแรกคือแม่ของตัวเอง หลังจากนิ่งไปก็โทรศัพท์กลับไปหาแม่ก่อน
“แม่ โทรศัพท์มาหาผมเหรอ?”
“อืม จะให้ลูกกลับมากินข้าว นานแล้วที่ลูกไม่ได้กลับมา”
“วันนี้?” เฟิงเฉินขมวดคิ้ว เมื่อคิดถึงเรื่องที่ลั่วมั่นไม่มาทำงานโดยไม่มีเหตุผล จึงปฏิเสธออกไป “วันนี้ผมมีธุระ ไว้วันหลังนะ”
“งานยุ่งเหรอ?”
“อืม” เฟิงเฉินพูดอย่างลวกๆ
“งั้นก็ได้ ลูกไปทำงานเถอะ แม่จะให้ลั่วมั่นเอาอาหารกลับไปให้ มีเวลาว่างแล้วพวกเธอค่อยกลับมา”
ได้ยินเช่นนั้น สีหน้าเฟิงเฉินตื่นเต้น
“มั่นมั่นอยู่กับแม่เหรอ?”
“อืม ตอนเช้าแม่เรียกเธอมาเพื่อจะถามบางเรื่อง”
เฟิงเฉินเงียบไปสักครู่
“เฟิงเฉิน?” ปลายสายถามกลับ
“เรื่องในบริษัทไม่ต้องกังวลมากเกินไป” เฟิงเฉินมีสติกลับมา “แม่ดูเวลาแล้ว จัดการเรียบร้อยแล้วก็กลับมา”
“ครับ ไม่ใช้เวลาเป็นพิเศษ”
………
ลั่วมั่นนั่งคุกเข่าอยู่ในห้องพระส่วนตัวของคฤหาสน์เฟิงทั้งวัน ไม่มีทั้งข้าวและน้ำ พื้นหินอ่อนเย็นคุกเข่าจนเจ็บไปหมด
เธอรู้สึกเสียใจที่วันนี้สวมกระโปรงออกมาจากบ้าน
ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง เธอมองดูเวลา ห้าโมงตรง จึงค่อยๆ พยุงตัวจากมุมโต๊ะลุกขึ้นยืน ขณะนั้นรู้สึกวิงเวียนเล็กน้อย แล้วก็หน้ามืดล้มลง
แขนอันมั่นคงแข็งแรงรีบมารองรับแขนของเธอไว้
“ไม่เป็นไรนะ?”
ลั่วมั่นยืนจนมั่น มีสติมองเห็นอย่างชัดเจนว่าเป็นเฟิงเซิ่งที่อยู่ตรงหน้า