ประธานเฟิง ฉันไม่รักนายอีกแล้ว - ตอนที่ 42
บทที่ 42 กลับตัวกลับใจแล้วใช่ไหม
“สมองเป็นสิ่งที่ดี ขนาดจะโทรหาใครยังไม่รู้เลย!”
ใบหน้าของลั่วมั่นแข็งชะงัก โดยไม่รู้เหตุผล แม่บ้านหลีที่อยู่ด้านข้างมองอย่างสื่อความหมาย
จากนั้นเธอก็มั่นใจเล็กน้อยว่าเป็นเฟิงเฉินที่พาเธอกลับมาเมื่อคืน อยู่ๆ เธอก็รู้สึกอบอุ่นใจอย่างน่าประหลาด ก่อนจะพูดว่า
“คือ เมื่อคืนนี้ที่แผนกเลี้ยงมื้อค่ำกัน คงดื่มมากเกินไปเลยโทรเบอร์ผิด ขอบคุณนะคะ”
เฟิงเฉินพูดในลำคอว่า “ที่แผนกเลี้ยงมื้อค่ำ? ตอนนี้คุณดูมีอิสระมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วนะ อย่าลืมดูสถานะตัวเองด้วย ดื่มขนาดนั้น คุณคิดอยากจะให้มีพาดหัวข่าวแล้วพากันขายหน้าใช่ไหม?”
ความอบอุ่นที่หายากในหัวใจของลั่วมั่นหายไปทันที จากน้ำเสียงเย็นชานั้น และก้มศีรษะเพื่อดื่มน้ำเต้าหู้
ทั้งคู่ไม่พูดอะไรอีก
เมื่อเห็นว่าบรรยากาศเย็นลง แม่บ้านหลีก็รีบพูดว่า “แผลที่คอของคุณชายเป็นอย่างไรคะ?”
“คุณได้รับบาดเจ็บเหรอ?” ลั่วมั่นเงยหน้าขึ้นมองอย่างทันที แล้วมองไปที่คอของเฟิงเฉิน
ถึงว่าวันนี้เห็นเขาใส่ผ้าพันคอของ Burberry อยู่ใต้คอเสื้อของเขา โดยไม่กลัวอาการร้อนที่อย่างนี้เลย
“ใช่ค่ะ? แมวที่คุณหญิงพากลับมา คงตื่นกลัว เลยข่วนคุณชายไป หลังจากนี้ถ้าเลี้ยงจนคุ้นเคยแล้ว คงไม่มีปัญหาอะไรแล้วค่ะ”
เฟิงเฉินพูดขึ้น “สัตว์ร้ายก็ยังคงเป็นสัตว์ร้าย จะคาดหวังให้มันเป็นมิตรหรือไง?”
ลั่วมั่นขมวดคิ้ว “คุณเอาผ้าพันคอออกหน่อยค่ะ ฉันจะขอดูแผล”
“มีอะไรน่าดูกัน?” เฟิงเฉินมองไปที่ขอบเสื้อ
“นั่นคือแมวจร ไม่ใช่แมวบ้าน คุณต้องฉีดยาภายใน 48 ชั่วโมง คุณไม่มีความรู้รอบตัวเลยเหรอคะ?”
คิ้วของลั่วมั่นขมวดมากขึ้น รู้สึกอารมณ์ขุ่นมัว พูดเสียงสูงขึ้น จนเฟิงเฉินตกตะลึงในทันที ลั่วมั่นดึงผ้าของเขาออก แล้วเปิดปกเสื้อเพื่อดูอย่างละเอียด ก่อนจะรองวัดอุณหภูมิจากที่ขมับตัวเอง และแก้มของเขา ดูเหมือนจะเท่ากัน อุ่นๆ
“เข้าเนื้อแล้ว ต้องไปฉีดยา”
“……”
“แผลค่อนข้างลึกด้วย”
“……”
ลมหายใจของเฟิงเฉินค่อยๆ ร้อนขึ้น หน้าผากเรียบของเธออยู่ใต้เปลือกตาของเขา ผิวละเอียดจนมองไม่เห็นรูขุมขนบนผิวบอบบางของเธอ เธอแต่งหน้าเบาๆ ดวงตามีสีชมพูอ่อน……
“ฉันโทรนัดกับคุณหมอก่อน ตอนเที่ยงจะพาคุณไปฉีดยา”
ลั่วมั่นเงยหน้าขึ้น สายตาชนเข้ากับสายตาร้อนแรงนั้น
“อืม” เฟิงเฉินหันไปทางอื่น หลีกเลี่ยงสายตาของเธอ
“ฉัน ฉันกินเสร็จแล้ว ไปทำงานก่อนนะคะ” ลั่วมั่นดึงมือกลับมา หยิบกระเป๋าบนเก้าอี้ แล้วเดินไปที่ประตู
หลังจากเดินไปไม่ถึงสองก้าว ก็มีเสียงดังมาจากข้างหลัง
“จะไปด้วยกันไหม ทางผ่านหน่ะ”
ร่างของลั่วมั่นหยุดที่ประตู ชะงักไปครู่หนึ่ง และพยักหน้าเบาๆ “ก็ได้ค่ะ”
ในช่วงเช้าของเวลาทำงาน ห้องชาและห้องสุขาของบริษัทH.Y.นั้น ต่างคึกคัก
ซุบซิบถึงเรื่องประธานและภรรยาของเขา
เหตุผลก็คือลั่วมั่นลงมาจากรถของเฟิงเฉิน และมีคนในบริษัทเจอเข้า
เป็นที่รู้กันดีว่า ตั้งแต่สองสามีภรรยาคู่นี้แต่งงานกัน น้อยครั้งที่พวกเขาจะอยู่ด้วยกัน และอย่าพูดถึงเรื่องนั่งรถมาทำงานด้วยกันเลย คนข้างนอกที่รู้จักเฟิงเฉินและภรรยาของเขามีอยู่มากมาย แต่ในวงธุรกิจนั้น คนที่จดจำนางหญิงเฟิงได้ มีน้อยจนสามารถนับนิ้วได้
นี่คือกลับตัวกลับใจแล้วใช่ไหม?
“อะไรคือกลับตัวกลับใจ? เมื่อวันก่อนผู้สื่อข่าวได้ถ่ายเขากับลั่วมั่นอยู่ด้วยกันไม่ใช่เหรอ? แสดงให้คนอื่นดูหรือไง?”
“ฉันไม่เห็น ก็พูดอยู่ไม่ใช่หรือไง ว่าที่โรงรถเห็นพวกเขาสองคนลงมาด้วยกัน ประธานเฟิงยังช่วยเปิดประตูให้ด้วย เธอเคยเห็นประธานเฟิงทำอย่างนี้กับผู้หญิงคนไหนเหรอ?”
“เฮ้อ ฉันไม่พูดกับเธอแล้ว วันนี้ทุกแผนกจดจ่อกับการประชุม ฉันต้องเข้าไปเสิร์ฟชาแล้ว”
“ฉันไปกับเธอด้วยสิ”
หลังจากเลขานุการหญิงสองคนออกจากห้องน้ำ ก็มีเสียงกดน้ำ ส้งชิงหรูผลักเปิดประตูออกมา ด้วยใบหน้าไม่สู้ดี
เธอประเมินค่าของลั่วมั่นต่ำเกินไปจริงๆ