ประธานเฟิง ฉันไม่รักนายอีกแล้ว - ตอนที่ 54
บทที่ 54 สิ่งหนึ่งย่อมข่มอีกสิ่งหนึ่ง
ในการประชุมของเช้าวันรุ่งขึ้น
ลั่วมั่นรายงานแบบแผนโฆษณากิจกรรมช่วงฤดูร้อนอีกครั้ง
ผู้จัดการของแผนกต่างๆ ที่เข้าร่วมการประชุมไม่อาจเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างเฟิงเฉินและลั่วมั่นได้ ไม่มีใครกล้าที่จะแสดงความคิดเห็นออกมา และไม่มีใครรู้ว่าประโยคที่พูดไปนั้น จะมีผลอะไรไหม ดังนั้นภายในห้องประชุมจึงมีไม่มีการพูดอะไร และใช้สายตาสื่อสารกันเท่านั้น
เฟิงเฉินจ้องมองที่สไลด์สุดท้ายบนหน้าจอแสดงผลเป็นเวลานาน และมองกลับไปที่ลั่วมั่น
“นี่เป็นแบบแผนทั้งหมดของคุณเหรอ?”
“นี่เป็นฉบับร่างค่ะ หลังจากนี้อาจมีการแก้ไข”
เฟิงเฉินไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง
“ทีมที่รับผิดชอบเรื่องนี้ในแผนกของคุณคิดว่าฉบับร่างดังนี้มีแนวโน้มที่จะนำไปใช้ไหม?”
ลั่วมั่นยกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
“พวกเขาไม่มีความคิดเห็นอะไรค่ะ”
“ทุกคน?” เฟิงเฉินถามต่อไป
“ก็ไม่ทุกคนค่ะ” ภายในหัวของลั่วมั่นฉายร่างคนคนหนึ่งขึ้น ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และพูดเบาๆ “มีบางคนที่ไม่เห็นด้วย”
ไม่เพียงแค่ไม่เห็นด้วยเท่านั้น แถมยังพูดอย่างเย็นชาว่า “ไม่ได้เรื่อง” สามคำนี้ยังคงสะท้อนอยู่ในใจของเธอ
“ก็นับว่ายังมีคนที่มีสมองบ้าง”
เสียงของเฟิงเฉินดังก้องในห้องประชุม ทำเอาทุกคนกลั้นหายใจ
ประโยคนี้ฟังดูเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญ แต่ประโยคต่อไปของเฟิงเฉินนั้นเกินความคาดหมายของทุกคน
“นำแบบแผนนี้กลับมาทำใหม่ ผมให้เวลาคุณอีกสามวัน ส่วนคนอื่นๆ รายงานต่อได้”
ความตะลึงงันที่ปรากฏในสายตาของทุกคนแพร่กระจายอย่างรวดเร็วในห้องประชุมเหมือนพายุเฮอริเคนที่พัดผ่านบ้านทั้งหมดในทันที นี่เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เฟิงเฉินเข้ามาเป็นประธานของบริษัทH.Y. ที่พวกเขาได้ยินจากเขาว่าเลื่อนการส่งแบบแผนออกไป
ใครบอกว่าความสัมพันธ์ระหว่างประธานกับภรรยาไม่ดี? ในมุมมองของพวกเขานี่ถือเป็นเรื่องที่พิเศษที่สุดแล้ว
หลังการประชุมจบ
ผู้คนต่างออกไปทีละคน ลั่วมั่นรีบเก็บของอย่างรีบเร่ง ทันทีที่เฟิงเฉินลุกจากเก้าอี้ เธอก็โยนทุกอย่างในมือของเธอให้ผู้ช่วย และตามออกไปอย่างรวดเร็ว
“ประธานเฟิง ฉันมีเรื่องจะคุยกับคุณ”
เสียงเรียก ‘ประธานเฟิง’ ที่ฟังแล้วไม่รื่นหูนัก แต่เมื่อลั่วมั่นเป็นฝ่ายมาหาเขาก่อน ถึงแม้จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการทำงาน แต่เขาก็ยังมีความรู้สึกดีใจลึกๆ และถามออกไป
“มีเรื่องอะไร?”
“เรื่องของเล่อสวี้เมื่อคืนนี้คุณยังไม่ได้บอกฉัน”
เมื่อคืนที่ผ่านมา ลั่วมั่นรู้สึกผิดเล็กน้อย ในตอนแรกเธอกินอาหารเพลินจะลืมไป และในตอนหลังก็ถูกหลัวแมนจีรบกวนจิตใจ จนเธอก็ลืมถาม
“จะพูดแค่ไม่กี่ประโยคมันไม่ทำให้เข้าใจหรอกนะ” เฟิงเฉินพูดออกมาโดยไม่ลังเล
ลั่วมั่นรีบพูดขึ้น
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันมีเวลา”
“ผมไม่มี” เฟิงเฉินยกแขนของเขาขึ้น นาฬิกาใต้เสื้อของเขาก็เปล่งประกาย
“ผมมีสัญญาที่จะต้องเซ็นในตอนสิบโมงครึ่ง ถ้าเซ็นสัญญาเสร็จแล้วมีเวลา ค่อยว่ากันอีกที”
หลังจากพูดจบ เขาก็ก้าวออกจากทางเดิน
แผ่นหลังที่ดูเย็นชานั้น เมื่อหันตัวไป ได้ฉายความปลิ้นปล้อนที่ซ่อนอยู่ในดวงตา
ลั่วมั่นไม่มีทางเลือกนอกจากต้องถอนหายใจอย่างเงียบๆ จากนั้นก็กลับไปที่แผนกของตัวเอง
ต่อหน้าเฟิงเฉิน เธอจะเสียเปรียบเสมอ
ความฉลาดใช้ไม่ได้ พลังแรงกายใช้ไม่ได้ อุบายที่ล่อลวงผู้อื่นยิ่งใช้ไม่ได้ ในตอนนั้นที่ได้แต่งงานกับเฟิงเฉิน เพื่อนๆ เคยดูและประเมินเธอ ที่เธอพบเจอกับเฟิงเฉินนั้น ในมุมมองเธอแล้ว ก็เหมือนสิ่งหนึ่งย่อมข่มอีกสิ่งหนึ่ง
ในตอนเช้าทุกคนในแผนกถูกเรียกเพื่อจัดการประชุมโดยไม่คาดคิด ทั้งเจ็ดคนไม่มีความคิดเห็นใดๆ ไม่ว่าลั่วมั่นจะพูดอะไร ก็พยักหน้าและเห็นด้วยกันไปหมด
“ทำไมเล่อสวี้ถึงไม่มาล่ะ?” ลั่วมั่นกวาดมองในห้องประชุมอย่างหงุดหงิด