ประธานเฟิง ฉันไม่รักนายอีกแล้ว - ตอนที่ 61
บทที่ 62 ผู้ชายต้องได้รับการสั่งสอน
หลังจากที่หลัวแมนจีจากไป ลั่วมั่นก็ถูกเฟิงเฉินประคองไปพักอีกด้าน
ไม่รู้ว่าคนของสนามกีฬาปล่อยข่าวนี้ออกไปได้อย่างไร สร้างความตื่นตกใจให้กับผู้ช่วยผู้จัดการของซางจวนต้องวิ่งมาแสดงความรู้สึกเสียใจด้วยตัวเอง ทั้งยังแสดงให้เห็นว่าบันทึกหลัวแมนจีเข้าไปในรายชื่อบัญชีดำของซางจวน คำพูดทั้งหมดนั้นพูดได้จริงใจเป็นอย่างมาก
ลั่วมั่นถูกคนกลุ่มหนึ่งรุมล้อม ไม่สะดวกที่จะขดตัวอยู่ในอ้อมแขนของเฟิงเฉิน จึงดิ้นรนจนหลุดออกมา พูดหลายต่อหลายครั้งว่าไม่เป็นไร ผู้จัดการถึงได้เลิกรา
เฟิงเฉินถลึงตาใส่พวกเขาด้วยความรำคาญอยู่หลายครั้ง ถึงได้จากไปอย่างรู้ความ
สามีภรรยาประธานหูกำลังนั่งปลอบใจอยู่ด้านข้าง สีหน้าลั่วมั่นค่อยๆดีขึ้น
“คุณหญิงหู เมื่อครู่นี้ต้องขอบคุณคุณมากนะคะ”
คล้ายกับว่าคุณหญิงหูก็ยังมีความรู้สึกหวาดผวาอยู่บ้าง แม้ว่าเหตุการณ์นั้นจะผ่านไปแล้ว จึงคิ้วขมวด ตอบกลับว่า “เดี๋ยวนี้ ความกล้าของดาราตัวเล็กๆเหล่านี้มีมากขนาดนี้แล้ว เพื่อที่จะได้ขึ้นสู่อันดับสูงๆ อะไรก็ล้วนกล้าที่จะทำ ไม่รู้จริงๆว่ายืมความกล้าของใครมากัน”
เสียงเพิ่งจะสิ้นสุดลง ประธานหูที่อยู่ด้านข้างก็กระแอมไอ
ยืมความกล้าของใคร ไม่ใช่ว่ามองเห็นได้ชัดเจนหรอกหรือ
คุณหญิงหูกลับไม่สนใจ ดึงมือของเธอแทน และไม่สนใจว่าเฟิงเฉินจะนั่งฟังอยู่อีกด้าน
“ผู้ชายจะเล่นสนุกในบางโอกาสเป็นครั้งคราวตอนอยู่ที่ข้างนอกนั้นไม่เป็นไร ที่สำคัญคือผู้หญิงที่อยู่ข้างนอกเหล่านั้นไม่เข้าใจในความหวังดีของผู้อื่น หนูต้องระมัดระวังสักหน่อย ตอนที่ควรจะสะบัดหน้าหนี ก็ไม่สามารถทำเกินไปได้ ผู้ชายต้องได้รับการสั่งสอน
สั่งสอนหรือ
สีหน้าของลั่วมั่นเปลี่ยนเล็กน้อย คล้ายกับไม่รู้ว่าจะตอบรับคำพูดนี้ต่อไปอย่างไร
คุณหญิงหูก็ไม่กดดัน เบนสายตาไปทางเฟิงเฉิน
“ประธานเฟิง ฉันพูดไม่ถูกต้องหรือ”
ลั่วมั่นก็มองไปทางเขาอย่างลังเล
เห็นเพียงแค่เฟิงเฉินที่เอ่ยออกมาประโยคหนึ่งเนิบๆด้วยสีหน้าสงบนิ่งว่า
“คุณหญิงหูพูดได้ถูกต้อง”
อะไรที่ถูกต้องกัน สั่งสอนหรือ
ท่าทางการสั่งสอนคนรุ่นหลังของผู้อาวุโส รวมไปถึงท่าทางของผู้น้อยที่น้อมรับคำสอนด้วยความเคารพนั้น ทำให้ลั่วมั่นรู้สึกใบหน้าเห่อร้อนแปลกๆ
เมื่อถูกหลัวแมนจีทำให้วุ่นวาย ความสนใจของสามีภรรยาประธานหูก็คล้ายกับว่าจะถูกทำให้ลดลง น่าจะเห็นว่าบรรยากาศจะละเอียดอ่อนขึ้น จึงหาคำแก้ตัวขออำลา
สภาพแวดล้อมของซางจวนนั้นไม่เลว ลั่วมั่นและเฟิงเฉินเดินเล่นบนสนามหญ้าอย่างเอื่อยเฉื่อย
“อ๊ะ ประธานหูจากไปทั้งแบบนี้แล้ว สัญญาของคุณได้ลงนามหรือยังคะ” ลั่วมั่นนึกเรื่องนี้ขึ้นมาได้กะทันหัน
เฟิงเฉินเหลือบมองเธอครั้งหนึ่ง “ถ้าไม่ได้ลงนาม คุณคิดว่าผมจะยอมให้ประธานหูจากไปหรือ”
ผู้หญิงคนนี้ ในบางครั้งก็ฉลาดเป็นอย่างมาก ทำไมในบางครั้งสติปัญญาก็ดูเหมือนจะใช้ไม่ได้กัน
ลั่วมั่นถูกประโยคยั่วเย้าของเขาทำให้เป็นใบ้ เม้มปากเงียบ ไม่พูดอะไรไปชั่วขณะหนึ่ง เดินไปพลาง เตะก้อนหินบนพื้นด้วยรองเท้าออกกำลังกายสีดำคู่ใหม่เอี่ยมอ่องไปพลาง
“ไม่คิดจะถามเรื่องของเล่อสวี้แล้วหรือ”
“หือ” ในที่สุดลั่วมั่นก็เอ่ยพูดอีกครั้ง หันไปมองเฟิงเฉินด้วยความเคร่งเครียด “คุณยอมบอกฉันแล้วหรือคะ”
เดิมก็คิดจะพูด แต่เมื่อเห็นสายตาร้อนรนของเธอแล้ว คำพูดที่หลุดออกมาก็กลายเป็นอีกอย่างหนึ่ง
“กังวลมาทั้งวันแล้วสินะ” เฟิงเฉินเอ่ยเนือยๆ “ให้อยู่ที่นี่อย่างต้องกล้ำกลืนต่อความไม่เป็นธรรม เพื่อไม่ให้กระทบกระเทือนใจกันนั้น ทำให้นางหญิงเฟิงลำบากใจแล้วจริงๆ”
ยังนึกว่าเขาจะยอมพูดด้วยความปรารถนาดี คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีท่าทางประหลาดอีกแล้ว คิดถึงทั้งวันที่ถูกเขากลั่นแกล้ง ทั้งยังเกือบจะได้รับบาดเจ็บ ความอบอุ่นเล็กน้อยอยู่ภายในใจก็อันตรธานหายไปทันที ลั่วมั่นโกรธจนต้องระบายออกมา
“คุณจะพอได้หรือยัง ไม่พูดก็ช่างเถอะ”
เอ่ยจบแล้วก็ก้าวเท้าไปด้านหน้าหลายก้าวอย่างมีโทสะ เพื่อเว้นระยะห่างกับเขา
เธอตัดสินใจว่าต้องหยิ่งในศักดิ์ศรีสักหน่อย อยากจะทำอะไรก็ตามใจคุณเถอะ ฉันไม่ถามแล้ว
“จ้าวหยางเป็นคู่หมั้นของเล่อสวี้”
เสียงเย็นยะเยือกดังขึ้นจากด้านหลัง สุดท้ายแล้วก็กดทับศักดิ์ศรีที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันของลั่วมั่นเอาไว้ได้
เฟิงเฉินเดินตามขึ้นมาอย่างไม่ช้าไม่เร็ว “สองคนนี้เป็นคนรักกันตั้งแต่มหาวิทยาลัย เป็นรุ่นพี่รุ่นน้องที่ต่างกันแค่สองรุ่น ตอนที่เล่อสวี้เข้ามาในฝ่ายเมื่อสองปีก่อน จ้าวหยางยังคงเป็นแค่พนักงานขายคนหนึ่ง