ประธานเฟิง ฉันไม่รักนายอีกแล้ว - ตอนที่ 65
บทที่ 65 ตอนที่คุณอยู่บนเตียงไม่ได้พูดแบบนี้นินา
เช้าวันรุ่งขึ้น แสงอ่อนๆยามเช้าส่องเข้ามาในห้องนอน
ลั่วมั่นยกแขนขึ้นบังดวงตาของตัวเอง แต่แสงก็ยังลอดผ่านเข้ามาได้อยู่ดี เธอพลิกตัวอย่างรำคาญเล็กน้อย มือลูบถูกบางสิ่งที่เต็มไม้เต็มมือ ความรู้สึกที่ได้จากการสัมผัสผ่านมือนั้นไม่เลวเลย
เธอรู้สึกถึงอะไรบางอย่างได้โดยสัญชาตญาณ จึงไม่กล้าลืมตา เพียงแต่นิ้วมือที่ไล้วนอยู่บนแผงอกของใครบางคนนั้นค่อยๆถอยกลับไปอย่างช้าๆ ถอยกลับไปได้ครึ่งทาง ก็มีเสียงแหบพร่าลอยเข้ามาในหู “อย่าขยับ”
ร่างกายจึงแข็งค้างไปในทันที
เธอหยุดมือ เอ่ยขึ้นอย่างเขินอาย “คุณตื่นแล้วหรือ”
ไหล่ถูกโอบเข้าสู่อ้อมกอดอันอบอุ่น เฟิงเฉินพลิกตัว ขังเธอไว้ในอ้อมแขนของตัวเอง ตอบเสียงต่ำว่า
“อืม ถูกเขาปลุกให้ตื่นน่ะ”
“หือ” ลั่วมั่นเงยหน้าขึ้นมองอย่างไม่เข้าใจ
“ต้องการจะยืนยันสักหน่อยไหม”
เพิ่งจะสิ้นสุดเสียง บริเวณท้องน้อยของลั่วมั่นก็ถูกวัตถุที่มีความร้อนสูงบางอย่างดุนดัน
คาดไม่ถึงเลยว่าจะถูก “เขา” รบกวนจนทำให้ตื่น
ผู้ชายที่อยู่บนเตียงนี่ คำพูดอะไรก็ล้วนพูดออกมาได้หมดจริงๆ
“ไม่……ไม่เอาแล้ว จะไปทำงานสายแล้วนะ” ลั่วมั่นหน้าแดงระเรื่อ ผลักไหล่เขา เอวก็มีความรู้สึกเจ็บแปลบเกิดขึ้นเป็นระลอก
เมื่อคืนถูกเขาทรมานแทบทั้งคืน จนถึงรุ่งสางถึงได้เต็มอิ่ม ยอมให้เธอหลับไป คราวนี้ ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะแสงอาทิตย์แยงตา เธอปรารถนาเป็นอย่างยิ่งที่จะนอนจนมืดฟ้ามัวดิน
สายตาของเฟิงเฉินตกอยู่บนลาดไหล่เนียนลื่น สุดท้ายแล้วก็หยุดอยู่ที่ลำคอขาวเนียนของเธอ แต้มสีแดงของดอกเหมย สะดุดตาเป็นพิเศษ คล้ายกับจะเตือนเขาถึงอารมณ์ที่พลุ่งพล่านเมื่อคืนวานฉากหนึ่งอย่างไรอย่างนั้น ในไม่ช้าช่วงล่างของร่างกายก็มีแรงปรารถนาลุกลามขึ้นมา
เขาหยุดยั้งการกระทำที่จะลุกจากเตียงของลั่วมั่น ทาบทับร่างกายส่งผ่านไอร้อน
ลั่วมั่นเหมือนกับกุ้งแห้งที่ต้มสุกแล้วตัวหนึ่ง ทั้งร่างล้วนเห่อเป็นสีชมพูขึ้นมา ยับยั้งอย่างสุดความสามารถ “ฉันเจ็บเอว ไม่ไหวแล้วจริงๆ คืนนี้ค่อย…….”
ริมฝีปากแดงเข้ม และดวงแก้มเขินอายที่เจิดจรัสราวกับดวงตะวันยอแสง ทอประกายสว่างวาบ กระทบเข้ากับหัวใจของเฟิงเฉิน
เงาร่างพลิกทับลงมาอย่างฉับพลัน ชายหนุ่มขึ้นคร่อมอยู่ด้านบน ก้มมองลงมา พลางเอ่ยว่า
“กลางคืนก็ส่วนกลางคืน ตอนนี้ก็ส่วนตอนนี้”
ลั่วมั่นตะลึง ยังไม่ทันจะได้ต่อต้าน ผ้าห่มที่ห่อตัวเอาไว้ก็ถูกดึงออกเผยร่างเปลือยเปล่า มือคู่หนึ่งแตะไปทั่วเรือนร่างเพื่อจุดไฟแห่งความปรารถนา ในที่สุดแนวป้องกันสุดท้ายก็พังทลายพ่ายแพ้อย่างย่อยยับ
“อ๊า…….”
เธอถูกทับอยู่บนเตียงเพื่อทำกิจกรรมเข้าจังหวะที่นับไม่ถ้วนตั้งแต่เมื่อคืนอีกครั้ง เฟิงเฉินคล้ายกับว่าไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ทุ่มเทพละกำลังบนร่างของเธออย่างสุดความสามารถ เวลาผ่านไปนานเสียจนทำให้เธอรู้สึกว่า ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป ร่างกายเธอจะต้องได้รับบาดเจ็บแน่นอน
ท่ามกลางความพร่าเลือนนั้น มือสองข้างของเธอเกาะอยู่บนบ่าของเขา ขยับขึ้นๆลงๆ มึนงงสับสน เสียงครางยั่วยวนเป็นใจอย่างมาก
ตอนเช้าสายอย่างที่คิดเอาไว้เลยจริงๆ
ภายในลิฟต์โดยสารของลานจอดรถ ลั่วมั่นมองนาฬิกาข้อมือบ่อยครั้ง
เฟิงเฉินเหลือบมองเธอครั้งหนึ่ง กดปุ่มชั้น 10 และชั้น 12 บนแผงลิฟต์โดยสาร เอ่ยอย่างใจกว้างว่า
“ผมบอกแล้วว่าจะให้เวลาคุณสามวัน ไม่นับรวมวันเสาร์อาทิตย์ ไม่ต้องแข่งกับเวลาขนาดนั้น”
ลั่วมั่นคิ้วขมวด เอ่ยอย่างกลัดกลุ้มว่า “เดิมวันนี้ฉันวางแผนจะไปหาเล่อสวี้ นิสัยแบบนั้นของเธอ ถ้าไปหาเธอในวันเสาร์นั้นไม่มีทางหาคนเจอ”
“ความหมายของคุณก็คือ โทษผมหรือ”
คำพูดนี้ชวนให้คนหลงใหลมึนเมา ลั่วมั่นหน้าแดง ทว่ากลับเชิดคอแข็งตอบว่า
“ไม่โทษคุณ แล้วจะโทษใคร”
เฟิงเฉินเลิกคิ้ว ปลายหางตาเต็มไปด้วยแววสัพยอก “ตอนที่อยู่บนเตียงคุณไม่ได้พูดแบบนี้นินา”
อาการเขินอายบนใบหน้าของลั่วมั่นมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม แทบอยากจะหาเทปมาปิดปากของเขาเอาไว้
จะจบได้รึยัง
ตอนที่ทั้งเขินอายทั้งอารมณ์ไม่ดีนั้น จู่ๆเฟิงเฉินก็ยืนมือออกมา
“คุณจะทำอะไรน่ะ” ลั่วมั่นถอยไปด้านหลังก้าวหนึ่ง เหมือนกับว่ากำลังเผชิญหน้ากับศัตรู
ที่นี่เป็นบริษัทนะ