ประธานเฟิง ฉันไม่รักนายอีกแล้ว - ตอนที่ 71
บทที่ 71 อยากได้รางวัลอะไร
หลังจากเล่อสวี้ได้รับโครงการโรงแรมHYมาทำ ตอนบ่ายก็ออกแผนงานมาใหม่ทั้งแผน เกือบจะมีความแตกต่างกับแผนงานที่ตัวลั่วมั่นเคยเสนอออกมาก่อนหน้านี้เหมือนฟ้ากับดิน ลั่วมั่นยังดูไม่ถึงสองหน้าก็เห็นความต่างแล้ว
ช่องว่างระหว่างผู้มีพรสวรรค์กับบุคคลธรรมดา
“แผนงานนี้คุณคิดออกมาได้อย่างไรกัน” ลั่วมั่นยับยั้งความรู้สึกตื่นเต้นเอาไว้อย่างยากลำบาก
“แค่ลองคิดดู” เล่อสวี้สีหน้าเรียบเฉย “เป็นแค่แผนร่างที่เขียนเอาไว้คร่าวๆ ในภายหลังฉันจะปรับแก้เพิ่มเติม และมอบแผนงานที่มีความคืบหน้าอีกก้าวให้คุณ รวมถึงแผนงานงบประมาณด้วยค่ะ”
สามวันหลังจากนั้น
แผนงานกลยุทธ์ของฝ่ายขายกลุ่มที่ 1 ก็ผ่านการประชุมลงมติ โดยได้รับคะแนนเสียงเป็นเอกฉันท์ ตอนแรกมีข่าวลือออกมาว่าลั่วมั่นให้ความสำคัญกับเล่อสวี้ แต่ไม่ค่อยมีคนเชื่อว่าคนที่ใช้การไม่ได้ไปสองปีจะยังก่อให้เกิดคลื่นยักษ์อะไรได้ แต่ในการประชุม เล่อสวี้ปรากฏตัวขึ้นในฐานะรองผู้อำนวยการฝ่ายขายกลุ่มที่ 1 ทุกคนจึงเริ่มที่จะเชื่อว่านี่คือความจริง
หลังจากผู้ช่วยประธานบริษัทหลี่สู้ประกาศจบการประชุมแล้ว ทุกคนก็ทยอยออกไปจากสถานที่ประชุม
ลั่วมั่นถูกเฟิงเฉินใช้เหตุผลเรื่องการแนะนำในการแก้ไขปรับปรุงแผนกลยุทธ์ เรียกไปที่ห้องทำงานของประธานบริษัท
ผู้ช่วยปิดประตูออกไปอย่างรู้ความ ภายในห้องทำงานจึงเหลือลั่วมั่นกับเฟิงเฉินสองคน
“ยินดีด้วย” เสียงดังมีพลังของเฟิงเฉินลอยมาจากด้านหลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่
ความจริงจังบนใบหน้าของลั่วมั่นลดลงไปหลายส่วน รู้สึกเขินอายเล็กน้อย “ขอบคุณ”
“พูดมาเถอะ ต้องการรางวัลอะไร”
ลั่วมั่นชะงักเล็กน้อย มองเฟิงเฉินด้วยความประหลาดใจ “ยังมี……รางวัลด้วยหรือ”
“ระบบการมอบรางวัลของบริษัทได้รวมโครงการนี้ไว้ด้วย ในการประชุมไม่ได้พูด แต่นี่ก็เป็นกฎระเบียบบริษัทเช่นกัน”
ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง
ลั่วมั่นลังเลอยู่ครู่หนึ่ง “ปกติรางวัลของคนอื่นๆคืออะไร”
“รถ บ้าน เงินสด………”
“สิ่งเหล่านี้ ฉันล้วนไม่ต้องการเท่าไร”
“อย่างนั้นก็ตามใจคุณ ไม่ต้องการก็ช่างมันเถอะ”
ทว่าลั่วมั่นกลับลังเลอยู่อีกครู่หนึ่ง เอ่ยอย่างระมัดระวังว่า “เป็นสิ่งอื่นได้หรือไม่”
เฟิงเฉินหันไปมองเธอด้วยสายตาที่ค้นหา
“ตอนบ่ายวันเสาร์นี้ ฉันต้องไปรับเมียวจื่อที่ร้านสัตว์เลี้ยง ถ้าคุณมีเวลาว่างล่ะก็ ไปเป็นเพื่อนฉันได้ไหม”
เมียวจื่อ เป็นชื่อที่ลั่วมั่นตั้งให้กับแมวจรจัดตัวนั้น วันที่พากลับมานั้นก็ถูกส่งไปตรวจที่ร้านสัตว์เลี้ยงในทันที นัดเอาไว้ว่าจะรับกลับมาในวันเสาร์นี้
“แค่รับแมวหรือ” เฟิงเฉินคิ้วกระตุก
ลั่วมั่นอึกๆอักๆ
“ตอนเย็น ถ้าตอนเย็นมีเวลาว่างล่ะก็ ไปทานข้าวข้างนอกด้วยกันสักมื้อเถอะ”
วันเสาร์นี้เป็นวันเกิดเธอ เธอไม่ได้หวังว่าเฟิงเฉินจะจำได้ ถ้าหากว่าเขาสามารถหาเวลาออกมาทานข้าวเป็นเพื่อนเธอได้สักมื้อ ก็น่าพอใจมากแล้ว
เฟิงเฉินจ้องเธอที่มีท่าทางครุ่นคิดอยู่หลายวินาที ริมฝีปากเอ่ยออกมาสองคำอย่างเรียบง่าย
“ได้”
ลั่วมั่นนัยน์ตาเป็นประกาย น้ำเสียงก็สูงขึ้นอย่างอธิบายไม่ได้
“ดี อย่างนั้นฉันจองร้านอาหารเสร็จแล้วจะบอกคุณ”
นี่เป็นครั้งแรกที่เฟิงเฉินรับปากเธอว่าจะไปทานข้าวข้างนอกด้วยกันในช่วงเวลาที่แต่งงานกันมาสามปี
เข้าสู่ยามราตรี โรงแรมโจวจี้เมืองเจียง
หญิงสาวที่อยู่หน้าบานหน้าต่างท่าทางสง่างาม สวมเพียงแค่ชุดนอนกระโปรงผ้าแพรสีชมพูชุดหนึ่ง เอ่ยกับโทรศัพท์เสียงเบาว่า “เสี่ยวอ้าย ถึงตอนนั้นคุณไปก่อนก็ได้ ฉันจะหาเวลาไปรับเฮ่าเฮ่าที่สนามบิน”
ไม่รู้ว่าอีกฟากหนึ่งของทางสายโทรศัพท์พูดว่าอะไร หญิงสาวถึงคิ้วขมวดเป็นปม “ไม่ต้องปลุกเขา ให้เขานอนเร็วหน่อย ถึงเวลาก็สวมชุดที่ดูมีชีวิตชีวาหน่อย อย่าแต่งตัวเลอะเทอะ ดูแล้วไม่สะอาดสะอ้าน จนทำให้คนไม่ชอบ เฟิงเฉินรักความสะอาดมาก”
หลังจากกำชับสั้นๆไปสองสามประโยคแล้ว ก็ตัดสายโทรศัพท์ไป
เหม่อมองวิวทิวทัศน์ที่พลุกพล่านในเมืองเจียงนอกบานหน้าต่าง นัยน์ตาของหญิงสาวก็ทอประกายแห่งความปรารถนาและการรอคอยคาดหวังออกมา ตอนแรกเพราะเหตุการณ์ไม่คาดฝันบางอย่าง ทำให้สูญเสียบางสิ่งไป เธอจะอาศัยมือคู่นี้ของตัวเองในการเอาสิ่งนั้นคืนกลับมาทีละเล็กทีละน้อย
คราวนี้ ใครก็หยุดเธอไม่ได้แล้ว