ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ - บทที่ 437 ประจำเดือนคลาดเคลื่อนไปแล้ว!
สือมูเฉินเข้าใจความหมายของหมอในทันที แต่ทว่า เมื่อคิดถึงว่าลูกสาวของตนเองนั้นจะพูดไม่ได้เป็นสิบปี คิดอยากจะพูดก็ล้วนแล้วแต่ไม่ได้ ทันใดนั้นเองหัวใจก็เริ่มรู้สึกอากาศขาดห้วง
เขาหันไปเอ่ยกับหมอว่า “สามารถคุยกับแบบเป็นการส่วนตัวสองคนหน่อยได้ไหมครับ?”
แพทย์พยักหน้า ก่อนจะนำสือมูเฉินเข้าไปในห้อง
สือมูเฉินเอ่ยถามว่า “ในตอนแรกก่อนหน้าที่ภรรยาของผมจะตั้งครรภ์ เคยถูกคนบีบบังคับให้ทานยาคุมระยะยาวครับ หลังจากนั้นหนึ่งสัปดาห์เธอก็ตั้งครรภ์แล้ว ดังนั้น ตอนแรกที่ตั้งครรภ์พวกเราก็ลังเลว่าจะเอาเด็กกันดีไหม แต่ทว่าสุดท้ายแล้วก็ตัดใจไม่ได้ บวกเข้ากับไม่มีหลักฐานทางการรักษาไหนเลยที่จะสามารถรับประกันว่ายาคุมนั้นจะส่งผลกระทบและปัญหาต่อครรภ์ ดังนั้นพวกเราก็เลยเลือกที่จะเก็บเด็กเอาไว้ครับ ตอนนี้เสียงของเธอมีปัญหาแบบนี้แล้ว เป็นเพราะว่าเรื่องก่อนหน้านี้ที่มีความเกี่ยวข้องกันด้วยหรือเปล่าครับ?”
แพทย์ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้า “สถานการณ์เช่นนี้ก่อนหน้านี้ก็เคยเห็นในบันทึกมาก่อน แต่ทว่า ก็ไม่สามารถลบเหตุผลอย่างอื่นไปด้วยนะครับ ดังนั้นแล้ว ไม่สามารถที่จะตัดสินใจได้โดยทันทีหรอกนะครับ”
สือมูเฉินพยักหน้า “ครับผม ขอบคุณนะครับ ถ้าอย่างนั้นแล้ว วันนี้พวกเราควรที่จะทำอย่างไรหรือครับ?”
หมอเอ่ยว่า “เป็นเพราะว่าเด็กไม่สามารถพูดได้ ถ้าหากว่าในอนาคตอยู่ร่วมกันกับเด็กคนอื่น ๆ อาจจะเกิดสถานการณ์ที่จะรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจหรือว่าจะปิดกั้นตนเองประมาณนั้นได้ครับ ดังนั้นผู้ใหญ่จึงจำเป็นต้องใช้เวลาอยู่เป็นเพื่อนกับเธอให้มาก ๆ ช่วยให้เธอเป็นไม้ที่เชื่อมั่นในตนเอง แล้วก็บอกกับเธอด้วยว่า เธอก็เพียงแค่ไม่สามารถพูดคุยได้ชั่วคราวก็เท่านั้น”
ตั้งแต่ที่ออกมาจากโรงพยาบาล หัวใจของทุกคนล้วนแล้วแต่หนักอึ้งกันเล็กน้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลานเสี่ยวถาง สบตามองเจ้าตัวน้อยในอ้อมแขน รู้สึกว่าหัวใจรวดร้าวในทันที
ทางด้านข้าง สือมูเฉินบีบมือของเธอเอาไว้พลางเอ่ยว่า “เสี่ยวถาง อย่าเศร้าเสียใจไปเลยนะครับ หมอเองก็บอกแล้ว หลังจากที่อายุสิบสามแล้ว ก็สามารถเข้าทำการผ่าตัดได้ เมื่อถึงตอนนั้นแล้ว หวันหว่านก็จะสามารถพูดคุยได้เหมือนเด็กคนอื่น ๆ แล้วนะครับ แล้วก็จะสามารถเรียกพวกเราว่าปะป๊ามะม๊าได้อีกด้วย”
“แต่ว่า ถ้าอย่างนั้นแล้วตั้งแต่ตอนนี้จนไปถึงอายุสิบสามปี อีกทั้งตอนช่วงอายุยี่สิบปี……”หลานเสี่ยวถางคิดมาจนถึงตรงนี้ จู่ ๆ หัวใจก็บีบรัดตัวในทันที
“หมอบอกว่า พวกเราจะต้องใช้เวลากับเธอมากขึ้น เจ้าตัวน้อยจะรู้สึกได้ถึงความรักและการคอยอยู่เคียงข้างของผู้ใหญ่ สามารถช่วยทำให้เธอนั้นมีความเชื่อมั่นที่เป็นดั่งต้นไม้ได้อย่างชัดเจน” สือมูเฉินยื่นปลายนิ้วไปสัมผัสเข้าที่ใบหน้าของหวันหว่านอย่างแผ่วเบา “เธอจะต้องเติบโตมาเป็นเด็กที่เฉลียวฉลาดรู้เรื่องคนหนึ่งอย่างแน่นอนครับ!”
ทางที่นั่งด้านหน้า โอหยางจวิ้นเอ่ยปากขึ้นมาว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ผมกลับมีความคิดเห็นหนึ่งนะ”
หลานเสี่ยวถางช้อนสายตาขึ้น “อะไรคะ?”
โอหยางจวิ้นเอ่ย “ในกองทัพ มักจะสามารถทำให้คนนั้นรักตนเองและมีความรับผิดชอบต่อตนเองได้มากขึ้น ดังนั้นแล้ว ผมแนะนำให้หลังจากที่หวันหว่านอายุเจ็ดขวบไปแล้ว ใช้เวลากับผมหรือไม่ก็พวกน้า ๆ ของพวกเธอมากขึ้นหน่อย รับรู้ถึงชีวิตในกองทัพ ให้เธอได้เชื่อมั่นในตนเองเล็กน้อย พวกคุณคิดว่าไงครับ?”
หลานเสี่ยวถางลังเลอยู่เล็กน้อย อดไม่ได้ที่จะหันศีรษะไปมองสือมูเฉิน
สือมูเฉินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้า “ครับ ขอเพียงแค่เพื่อเธอก็พอแล้ว พวกเราสามารถทำอะไรก็ได้ครับ”
ตอนกลางคืน หวันหว่านเล่นเหนื่อยจนหลับไปแล้ว หลานเสี่ยวถางกลับนอนพลิกตัวไปมานอนไม่หลับอยู่บนเตียง
เดิมสือมูเฉินวันนี้จะต้องไปที่บริษัทเทคโนโลยีรายย่อย ผลสุดท้ายเป็นเพราะว่าเรื่องของหวันหว่าน ดังนั้นก็เลยอยู่เป็นเพื่อนสองแม่ลูกอีกสองสามวัน
เขารู้สึกได้ว่าหลานเสี่ยวถางยังไม่หลับ ดังนั้นแล้ว จึงหันไปเอ่ยกับเธอว่า “เสี่ยวถางครับ ถ้าไม่อย่างนั้นแล้วพวกเราไปเดินเล่นกันที่ชั้นล่างหน่อยไหมครับ?”
หลานเสี่ยวถางพยักหน้า “ค่ะ”
ภายใต้แสงจันทร์ ทั้งสองคนเดินอยู่ที่ข้างทะเลสาบ ท้ายที่สุดแล้วหลานเสี่ยวถางก็ควบคุมอารมณ์เอาไว้ไม่อยู่จนน้ำตาไหลลงมาแล้ว “มูเฉินคะ ทำไมพระเจ้าถึงไม่ยุติธรรมเลยละคะ ทำไมต้องให้เด็กหญิงตัวเล็กอย่างหวันหว่านต้องรับอะไรมากขนาดนั้นด้วยละคะ?”
“ความทุกข์ทรมานของมนุษย์ ไม่มีทางที่จะไม่มีครับ บางทีนะ มีความทุกข์ก็เพื่อที่จะให้คนคนนั้นสามารถรักษาของทั้งหมดที่มีอยู่ก็ได้นะครับ” สือมูเฉินพูดไป หยุดฝีเท้าลง เขาสบตามองหยาดน้ำตาบนใบหน้าและแก้มของหลานเสี่ยวถาง ก่อนจะเช็ดเบา ๆ เอ่ยว่า “เสี่ยวถาง อันที่จริงแล้วมีเรื่องอยู่เรื่องหนึ่งครับ ที่ผมไม่ได้บอกคุณ”
“เรื่องอะไรคะ?” ลมหายใจของหลานเสี่ยวถางบีบรัดตัวแน่น
“แม่ของผม อันที่จริงแล้วหลังจากที่หวันหว่านคลอดออกมาได้ไม่กี่วัน ก็จากไปแล้วละครับ” สือมูเฉินเอ่ย
“คะ?” หลานเสี่ยวถางรู้สึกตกตะลึงเล็กน้อย
อันที่จริงแล้ว เรื่องของโจวเหวินซิ่ว โดยปกติแล้วพวกเขามักจะหลบเลี่ยงอย่างถึงที่สุด
เป็นเพราะว่า โจวเหวินซิ่วในความทรงจำของหลานเสี่ยวถางนั้น กลับเป็นความทรงจำที่ไม่ได้งดงามมากขนาดนั้นเลยจริง ๆ
เธอมีใจคิดอยากที่จะทำให้พวกเขาแยกจากกัน ทำเรื่องราวสร้างความทุกข์ให้กับคนมากมาย อีกทั้งยังให้เธอทานยาคุมระยะยาวอีกด้วย……
จู่ ๆ นัยน์ตาของหลานเสี่ยวถางก็หดเกร็งตัวลงทันที หรือว่า เสียงของหวันหว่านที่เป็นปัญหา จะเป็นเพราะว่า——
สือมูเฉินเห็นสีหน้าของเธอแล้ว โดยส่วนมากก็คาดเดาได้แล้ว
เขาเอ่ยปากขึ้นมาว่า “เสี่ยวถางครับ อาจจะมีส่วนจริง ๆ ว่าที่หวันหว่านป่วยเป็นโรคนั้นจะเป็นเพราะเธอ เพียงแต่ไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์มารองรับได้โดยตรงครับ แต่ว่านะครับ ในตอนแรกเธอทำเรื่องเหล่านั้นกับคุณ อาจจะไม่สามารถระงับความโกรธได้จริง ๆ นั่นแหละ”
เขาพูดไป จู่ ๆ ก็หันไปก้มศีรษะเอ่ยขอโทษหลานเสี่ยวถาง “เสี่ยวถาง ขอโทษนะครับ”
จู่ ๆ หลานเสี่ยวถางก็ถูกการกระทำของสือมูเฉินจนทำให้ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง เธอรีบพยุงเขาขึ้นมาทันที ก่อนจะส่ายหน้า “มูเฉิน นี่ไม่ใช่ความผิดของคุณนะคะ! ทุกคนไม่สามารถเลือกที่จะเกิดได้หรอก ไม่สามารถเลือกพ่อแม่ของตัวเองได้ ดังนั้นแล้ว คุณอย่าโทษตัวเองเลยค่ะ แล้วก็ยิ่งไม่ต้องเป็นเพราะว่าการกระทำของเธอแล้วให้ตนเองมารับผิดชอบแทนหรอกนะคะ……”
“แต่ว่าวันเหล่านั้น ล้วนแล้วแต่สร้างความลำบากให้คุณแล้วจริง ๆ” สือมูเฉินเอ่ยขึ้นอย่างเจ็บปวดว่า “อีกทั้งยังทำร้ายหวันหว่านด้วย……”
“มูเฉินคะ ฉันรู้ค่ะ เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมาแล้ว คุณนั้นจะรู้สึกทุกข์มากกว่าฉันอีก” หลานเสี่ยวถางบีบมือของสือมูเฉินแน่น “ฉันก็เพียงแค่รู้สึกแย่แทนหวันหว่านก็เท่านั้นเองค่ะ ส่วนคุณ ไม่เพียงแค่เป็นห่วงหวันหว่าน อีกทั้งยังโทษตัวเองอีกด้วย”
เธอดึงมือของเขามานั่งลงที่ข้างทะเลสาบ “บางทีคุณอาจจะพูดถูกก็ได้นะคะ เรื่องราวเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นประสบการณ์ที่ทำให้คนได้เติบโต มันก็เหมือนกับฉันที่พลัดพรากกับพ่อแม่แท้ ๆ มาตั้งแต่เด็ก ๆ มันก็เหมือนกับการที่คุณพ่อคุณแม่แยกจากกันไปหลายปีค่ะ พวกเราเป็นมนุษย์ ไม่สามารถราบรื่นไปได้ตลอดรอดฝั่งหรอกนะคะ แต่ทว่า ในเมื่อหมอบอกว่าแล้วหวันหว่านในอนาคตนั้นเข้ารับการผ่าตัดก็จะหายแล้ว ถ้าอย่างนั้นแล้ว พวกเราก็มารอให้ถึงวันนั้นกันเถอะค่ะ!”
สือมูเฉินยื่นแขนออกไป ก่อนจะสวมกอดหลานเสี่ยวถางเข้ามาในอ้อมแขน “ครับ พวกเราจะอยู่เป็นเพื่อนหวันหว่านด้วยกัน แล้วรอจนถึงวันที่เธอจะสามารถพูดได้! อันที่จริงแล้วเวลาวันผ่านไปเร็วมากเลยนะครับ สิบปี บางทีเวลาก็ผ่านไปแล้ว”
“ถ้าอย่างนั้นแม่ของคุณ——” หลานเสี่ยวถางชะงักเล็กน้อย “หลังจากนี้คุณได้ไปเยี่ยมเธอไหมคะ?”
สือมูเฉินเอ่ย “ในวันเกิดของเธอ เคยไปครั้งหนึ่งครับ” เขาพูดไป ก่อนจะเล่าเรื่องราวของหลานเล่อซินในตอนแรกออกมาครั้งหนึ่ง หลังจากนั้นก็เอ่ยว่า “นึกไม่ถึงเลยครับ เธอกับหลานเล่อซินจะจากกันไปพร้อมกันแล้ว”
“แม้กระทั่งหลานเล่อซินเองก็ไม่อยู่แล้วหรือคะ……” จู่ ๆ หลานเสี่ยวถางก็รู้สึกเศร้าโศกเล็กน้อย เมื่อคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในตระกูลหลานตอนนั้น อีกทั้งยังมีคุณนายหลานก่อนหน้าที่จะจากไปแล้วจับมือของเธอเอาไว้ กำชับกับเธอ เธอเอ่ยขึ้นอย่างอ่อนแรงว่า “อันที่จริงแล้ว ฉันนั้นหวังว่าพวกเขานั้นจะสามารถเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีกันได้ทั้งหมด แต่ทว่ากลับนึกไม่ถึงเลยว่า……”
“เสี่ยวถางครับ คุณสามารถทำเพื่อพวกเขาได้นะ ตอนนี้ก็ทำไปเรียบร้อยแล้วด้วย” สือมูเฉินเอ่ย “ไม่ต้องรู้สึกแย่ข้างในหัวใจอะไรแล้วครับ คุณต้องเข้าใจนะ เรื่องที่คุณทำทั้งหมดนั้น มันล้วนแล้วแต่ไม่ต้องรู้สึกแย่แล้ว”
หลานเสี่ยวถางพิงเข้าที่ไหล่ของเขา “ใช่ค่ะ ฉันไม่รู้สึกทุกข์แล้ว”
สายลมเบา ๆ พัดมา มันพัดเส้นผมของหลานเสี่ยวถางไปเข้าใบหน้าของสือมูเฉิน เขาสูดดมมันเข้าปอด ก่อนจะโอบกอดเธอเอาไว้แน่นขึ้นไปอีก
ทันใดนั้นเอง ทั้งสองคนกลับไม่ได้พูดคุยอะไรกันต่อแล้ว
ส่วนหลานเสี่ยวถาง กำลังคำนวณว่ายังจะต้องอยู่ที่เพอร์เซลล์ทางด้านนี้ไปอีกนานแค่ไหน จู่ ๆ ก็มีความคิดหนึ่งเข้ามาในสมองแล้ว!
เธอ ควรที่จะมีประจำเดือนได้แล้ว แต่ทว่า ครั้งนี้มันช้าไปสามวันแล้ว!
ในสถานการณ์ปกติ ประจำเดือนของเธอนั้นล้วนมาตรงเวลาเป็นอย่างมาก ส่วนครั้งนี้ ไม่เพียงแค่มาช้า อีกทั้งไม่มีกระทั่งความรู้สึกว่าประจำเดือนจะมานั่นก็ล้วนแล้วแต่ไม่มีด้วย!
สือมูเฉินสัมผัสได้ว่าอารมณ์ของหลานเสี่ยวถางไม่ถูกต้อง อดไม่ได้ที่จะก้มหน้าลงไปเอ่ยถามเธอ ริมฝีปากประทับลงบนหน้าผากใส “เสี่ยวถาง เป็นอะไรไปครับ?”
“มูเฉิน——” หลานเสี่ยวถางกระวนกระวายใจ “ประจำเดือนของฉันไม่มาค่ะ ไม่รู้ว่าจะมีแล้วหรือเปล่า……”
หัวใจของสือมูเฉินแข็งค้างในทันที “ช้ามากี่วันแล้วครับ?”
หลานเสี่ยวถางเอ่ย “สามวันค่ะ……ฉันคำนวณดูแล้ว วันนั้นพวกเรากลับหนิงเฉิงกัน ก็ถือว่าทำกันในช่วงปลอดภัยนะคะ หรือว่าจะ……”
“ตอนนี้เกรงว่าหมอคงจะนอนกันหมดแล้ว พรุ่งนี้พวกเราค่อยตรวจดูแล้วกันนะครับ” สือมูเฉินเอ่ย
หลานเสี่ยวถางพยักหน้า “โดยปกติแล้วต้องรอให้หนึ่งสัปดาห์ผ่านไปก่อนถึงจะโอเค แต่ว่าพรุ่งนี้ก็สามารถลองดูก่อนได้ค่ะ”
เธอมีความกังวลเล็กน้อย “มูเฉินคะ คุณว่าถ้าหากว่ามีแล้วจริง ๆ มันจะถือว่าเป็นเรื่องดีหรือว่าไม่ดีคะ?”
“เสี่ยวถางครับ อันที่จริงมีแล้วก็ดีมากนะครับ” สือมูเฉินเอ่ย “เรื่องของหวันหว่าน กลับกันตอนนี้พวกเราก็ยังไม่สามารถตัดสินอะไรได้ กลับกันถ้าหากว่ามีเจ้าตัวน้อยอีกคนหนึ่งแล้ว เป็นเด็กผู้หญิง ก็จะสามารถเป็นเพื่อนกับหวันหว่านด้วยกันได้ ให้เธอมีเพื่อนสักคน ถ้าหากเป็นผู้ชาย ก็จะสามารถที่จะสอนให้เขาปกป้องพี่สาว แบบนี้เมื่อคิดขึ้นมาแล้ว ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องดีทั้งนั้นครับ”
หลานเสี่ยวถางคิดได้ดังนั้นแล้ว ทันใดนั้นหัวใจก็คลายตัวลงมากขึ้นหลายส่วน “ใช่ค่ะ ในเมื่อผู้ใหญ่อย่างพวกเรานั้นสามารถที่จะกำหนดให้เด็ก ๆ ได้ แต่ทว่าไม่สามารถเอาช่วงเวลาพูดคุยและคบหากันของเด็ก ๆ ของพวกเขามาได้นี่เนอะ”
“ครับ” สือมูเฉินพยักหน้า ก่อนจะคว้าจับเข้าที่หัวไหล่ของหลานเสี่ยวถาง อุณหภูมิอบอุ่นของมือใหญ่ค่อย ๆ ทาบทับลงเบา ๆ ที่หน้าท้องของหลานเสี่ยวถาง “ขอเพียงแค่ถ้าหากเป็นแบบนี้แล้ว ถ้าอย่างนั้นก็ต้องลำบากคุณจริง ๆ แล้วนะครับ”
“อันที่จริงยังได้อยู่นะคะ ไม่ถือว่าลำบากมากหรอกค่ะ” หลานเสี่ยวถางเอ่ย
“ครั้งที่แล้วที่คุณคลอดเจ้าตัวน้อย ผมไม่ได้อยู่เป็นเพื่อนเคียงข้างคุณ มักรู้สึกเสียดายมาโดยตลอดเลยครับ” สือมูเฉินเอ่ยขึ้นอย่างจริงจัง “เสี่ยวถางครับ ถ้าหากว่ามีแล้วจริง ๆ ผมจะต้องคอยอยู่เป็นเพื่อนคุณอย่างแน่นอน”
วันที่สอง หลานเสี่ยวถางให้แพทย์ของตระกูลเพอร์เซลล์มาเจาะเลือดของตนเองไปตรวจ เป็นดังคาด เปอร์เซ็นต์ตั้งครรภ์สูงมาก สองวันหลังจากนั้น เธอตรวจดูอีกครั้ง ก็ยืนยันแล้วว่าตั้งครรภ์จริง ๆ
เมื่อมีข่าวออกไป สีหน้าของโอหยางจวิ้นนั้นซับซ้อนจนถึงขีดสุด เนิ่นนานราวกับครึ่งวัน ถึงเอ่ยบ่นพึมพำออกมาว่า “ถ้าอย่างนั้นแล้วมีลูกอีกก็อย่าลืมหวันหว่านนะครับ”
“ย่อมไม่ลืมแน่นอนครับ” สือมูเฉินจุ๊บแก้มของหวันหว่านไปมา “หวันหว่านจะเป็นเจ้าหญิงตัวน้อยที่ผมกับเสี่ยวถางจะรักใคร่ตลอดไปครับ”
เป็นเพราะว่าหลานเสี่ยวถางตั้งครรภ์ ช่วงสามเดือนจึงยังไม่คงที่ดีนัก ไม่เหมาะสำหรับการนั่งเครื่องบินระยะยาว ดังนั้นแล้ว หลังจากที่สือมูเฉินกับเธอหารือกันไปครู่หนึ่งแล้ว ก็ตัดสินใจว่าจะรอเดือนที่สี่แล้วค่อยกับหนิงเฉิงอีกครั้ง
แบบนี้ กลับไปเจ้าตัวน้อยก็จะคลอดที่หนิงเฉิง ในขณะเดียวกัน ทางฝั่งตระกูลเพอร์เซลล์เองก็ยินยอมหลังจากที่เจ้าตัวน้อยของหลานเสี่ยวถางหย่านมแล้ว ค่อยให้เธอพาหวันหว่านไปเพอร์เซลล์
หลังจากนั้นสองสามวัน สือมูเฉินคอยอยู่เป็นเพื่อนหลานเสี่ยวถาง ทั้งสองคนเห็นท่าทางสนุกสนานสดใสในทุก ๆ วันของหวันหว่าน ก็ค่อย ๆ เริ่มวางใจลงแล้ว
ในเมื่อ มันคือช่วงเวลาของความเป็นไปได้ในอนาคต มันถือว่าเป็นเรื่องราวที่ดีกว่าครอบครัวที่ไม่มีความหวังเลยแม้แต่น้อยเยอะมาก
ดีที่หลานเสี่ยวถางตั้งครรภ์ก่อนแล้วแต่อาการแพ้กลับไม่ปรากฏเยอะมากนัก ทางเรื่องของฝั่งบริษัทเทคโนโลยีรายย่อยก็บีบเข้ามาแล้ว ดังนั้น สือมูเฉินนั้นแทบจะวิ่งไปมาสองที่เลยทีเดียว
ส่วนหลานเสี่ยวถาง นอกจากตอนช่วงกลางวันจะใช้เวลาเป็นส่วนมากไปกับหวันหว่านแล้ว จะไม่ให้ตนเองนั้นเหนื่อย เพียงแค่ถ้าหากมีเวลาเหลือ เธอเองก็จะศึกษาโปรแกรมที่มั่วหลิงชวนส่งมาให้อันนั้นด้วย
ทันใดนั้นเอง ผ่านไปไม่รู้ตัวก็ผ่านไปกว่าสามเดือนแล้ว หลานเสี่ยวถางและสือมูเฉินเองก็กำลังเตรียมตัวกลับจีนแล้ว
ทางด้านนั้น ซูสือจิ่นเองก็ตั้งครรภ์แล้ว เป็นเพราะว่าพวกเขานั้นซื้อบ้านจำเป็นที่จะต้องตกแต่ง ดังนั้นแล้ว จึงพักอยู่ที่บ้านของสือมูเฉินชั่วคราว
ในคฤหาสน์ มีหนึ่งคุณแม่ที่กำลังให้นมลูก สองคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์บวกเข้ากับเจ้าตัวน้อยสามคน ทันใดนั้นเอง บรรยากาศกลับครึกครื้นขึ้นมาเสียนี่