ปลายจวักครองใจ - ตอนที่ 58 คืนเงิน
ตอนที่ 58 คืนเงิน
สำหรับคนที่รออยู่ตรงบริเวณลานกว้าง รู้สึกว่าลั่วเซิงเข้าไปนานมากแล้ว
คุณหนูลั่วคงจะไม่ตีหมอเทวดาหรอกนะ
ทุกคนคิดแบบเดียวกัน
ส่วนความเป็นไปได้ที่ว่าของที่คุณหนูลั่วนำมาสามารถดึงดูดความสนใจของหมอเทวดาได้ ดังนั้นจึงออกมาช้านั้นไม่มีอยู่เลย
ความไม่สบายใจของลั่วอิงสามพี่น้องยิ่งเพิ่มมากขึ้น
ลั่วเย่ว์กัดฟันมองประตูห้องที่ปิดสนิท “พี่หญิงใหญ่ พี่หญิงรอง ข้าจะเข้าไปดูสักหน่อย! ”
พวกนางจะรอคอยอยู่อย่างนี้ไม่ได้ หากลั่วเซิงตีหมอเทวดาเข้าจริงๆ ดีร้ายก็จะได้มีคนไปรายงานพวกพี่บุญธรรมได้
คิดดูแล้วตอนออกจากเรือน พี่บุญธรรมจะมาส่งพวกนางกลับถูกลั่วเซิงปฏิเสธอย่างชัดเจน ลั่วเย่ว์รู้สึกเสียใจอย่างยิ่ง
ครานี้ ลั่วอิงกับลั่วฉิงไม่ได้รั้งลั่วเย่ว์ ถือว่าเห็นด้วยกับการตัดสินใจของนาง
ลั่วเย่ว์ปลุกความกล้าหาญ เพิ่งจะก้าวออกไปก้าวแรกก็หยุดฝีเท้าลง
ชายชราคนหนึ่งเดินออกมาจากประตูเรือน ลั่วเซิงก็เดินตามหลังมาติดๆ
ผู้คนก็เกิดความโกลาหลชั่วขณะ “ท่านหมอเทวดาออกมาแล้ว! ”
หมอเทวดาหลี่รู้สึกคุ้นชินต่อเหตุการณ์แบบนี้มานานแล้ว เขาเดินไปทางประตูลานกว้างด้วยสีหน้านิ่งเฉย
เด็กสาวที่เดินตามข้างกายเขาก็มีสีหน้านิ่งเฉยเช่นเดียวกัน
ทุกคนอดที่จะมองหน้ากันด้วยความตกตะลึงไม่ได้
นี่…มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย
ลั่วเซิงไม่ได้สนใจจะคลายความสงสัยให้กับคนแปลกหน้าเหล่านี้ ขณะเดินผ่านลั่วอิงสามคนพี่น้องก็เอ่ยขึ้น “กลับบ้านเถอะ”
“กลับบ้านหรือ” ลั่วเย่ว์เอ่ยอย่างเหม่อลอย
หงโต้วอดไม่ได้ที่จะกลอกตาใส่ “คุณหนูสี่ ท่านโง่หรือเปล่า คุณหนูของพวกข้าเรียกท่านกลับบ้าน ไม่เห็นหรือว่าหมอเทวดาก็เดินตามมาด้วยนะเจ้าคะ”
ทุกคนสูดลมหายใจ
นี่มันหมายความว่าอย่างไร หรือว่าคุณหนูลั่วเชิญหมอเทวดาได้แล้ว
ลั่วเย่ว์ดึงลั่วเซิงไว้ “พี่สาม หมอเทวดาตอบรับการรักษาท่านพ่อแล้วหรือ”
ลั่วเซิงมองหมอเทวดาหลี่ที่สีหน้าไม่สู้ดีครู่หนึ่งแล้วตอบอย่างเฉยเมย “ท่านหมอเทวดาตกลงแล้ว แต่หากพวกเจ้าทำให้เสียเวลาอีก ไม่แน่ว่าเขาอาจจะเปลี่ยนใจได้”
“พวกเรากลับจวน!” ลั่วเย่ว์ตื่นเต้นจนขอบตาแดงก่ำ
ลั่วอิงกับลั่วฉิงตื่นเต้นจนเก็บซ่อนไว้ไม่อยู่เช่นกัน เดินไปยังบริเวณหน้าประตูเรือนราวกับเหยียบบนดอกฝ้าย
น้องสามเชิญหมอเทวดากลับไปได้แล้วจริงๆ ราวกับฝันไป
คนที่ตกอยู่ในห้วงความฝันยังมีคนที่อยู่ในลานกว้างเพื่อรอดูเรื่องสนุกด้วย
เมื่อมองเห็นพี่น้องสกุลลั่วทั้งหมดเดินตามหมอเทวดาหลี่ออกจากลานกว้าง จูหานซวงก็ราวกับเพิ่งตื่นจากฝัน ยกชายกระโปรงรีบเดินตามออกไป
“ท่านหมอเทวดาช้าก่อนเจ้าค่ะ!”
หมอเทวดาหลี่ที่เดินออกจากลานกว้างก้าวเท้าช้าลงแล้วจึงหยุด มองหญิงสาวในอาภรณ์ชุดสีฟ้าที่เดินตามมา
จูหานซวงโค้งคำนับหมอเทวดาหลี่ “ท่านหมอเทวดาจะออกไปรักษาคนหรือเจ้าคะ”
“แม่นางน้อยมีเรื่องอะไรหรือ”
จูหานซวงหายใจเข้าเงียบๆ ถามต่อ “ไม่ทราบว่าหมอเทวดาจะไปที่จวนใดเจ้าคะ”
ถึงแม้หมอเทวดาหลี่จะเดินออกมาพร้อมกับลั่วเซิง แต่นางก็ยังคงไม่อยากเชื่อว่า ลั่วเซิงจะเชิญหมอเทวดาได้สำเร็จ
“ไปจวนแม่นางน้อยคนนี้น่ะ” หมอเทวดาหลี่ชี้ไปที่ลั่วเซิง
ดวงตาทั้งสองของจูหานซวงเบิกกว้าง “ท่าน ท่านเคยบอกว่าจะไม่รักษาแม่ทัพลั่วนี่เจ้าคะ…”
หมอเทวดาหลี่รู้สึกรำคาญเล็กน้อย พูดอย่างเย็นชาว่า “คุณหนูลั่วนำของที่ข้าสนใจมา”
แม่นางน้อยคนนี้เพิ่งจะเข้าไป ดูเหมือนจะเป็นคนของจวนอันกั๋วกง ช่างไม่รู้จักกาลเทศะเสียจริงๆ คิดว่าเขายินดีไปจวนลั่วเพื่อรักษาหรือ
เขานั่งอยู่ข้างหลังฉากกั้นอย่างมั่นคง ผลคือถูกนังหนูน้อยลั่วเซิงเอายาบำรุงปราณหลอกล่อออกมาได้ สุดท้ายทำได้เพียงแค่ยอมรับ
คิดว่าเขามองไม่ออกหรือว่าเป็นการหลอกล่อ
เอาเถอะ พอได้ยินชื่อยาบำรุงปราณก็แทบจะไม่ได้สนใจอะไรมาก แต่หลังจากได้สติกลับคืนมาก็ช้าไปเสียแล้ว ถึงหงุดหงิดเช่นนี้อย่างไร แต่แม่นางน้อยผู้นี้ยังจะวิ่งเข้ามาซ้ำเติมเขาอีก!
ภาพจำของหมอเทวดาหลี่ที่มีต่อจูหานซวงย่ำแย่มากในทันที เขาอุทานด้วยความไม่พอใจและสะบัดแขนเสื้อเดินจากไป
จูหานซวงอ้าปาก แต่กลับไม่กล้าระเบิดความโกรธเต็มอกออกมา ทำได้เพียงกัดริมฝีปากอยู่อย่างนั้น และมองหมอเทวดาหลี่เดินไปทางรถม้าที่จอดอยู่ริมทางไม่ไกล
คนที่เฝ้ารอดูเรื่องสนุกอยู่ที่โรงน้ำชากระทั่งเห็นกับตาว่าหมอเทวดาหลี่ขึ้นรถม้าสกุลลั่วออกไปแล้วจึงจะเชื่อว่าคุณหนูลั่วเชิญหมอเทวดาหลี่ได้สำเร็จจริงๆ
ทุกคนถกเถียงกันอย่างคึกคักในทันใด
“ไม่ถูกนะ ท่านหมอเทวดาเคยลั่นวาจาว่าไม่ว่าตระกูลลั่วจะนำของอะไรมาก็จะไม่รักษาให้แม่ทัพใหญ่ลั่วนี่”
“หากเช่นนั้นพูดได้แค่ว่าคุณหนูลั่วคงนำของที่ไม่ธรรมดามา ทำให้ท่านหมอเทวดาไม่อาจตัดใจได้จริงๆ”
“ตกลงแล้วคุณหนูลั่วนำอะไรมากัน หากสามารถเสาะหาสิ่งที่ท่านหมอเทวดาชื่นชอบมาได้ ต่อจากนี้ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องการเชิญหมอเทวดาไปรักษาแล้ว”
“ใครจะรู้ล่ะ นอกจากไปถามคุณหนูลั่ว”
“ถามคุณหนูลั่วรึ เช่นนั้นก็ช่างเถอะ” หาเรื่องด้วยไม่ได้
“ฮู่…ข้าเพิ่งพบว่าคุณหนูลั่วไม่อาจหยั่งถึงได้”
“หมายความว่าอย่างไร”
“พวกเจ้าลืมไปแล้วหรือ เมื่อสักครู่คุณหนูลั่วไปขอป้ายหมายเลขมาจากไคหยางอ๋อง ไคหยางอ๋องไม่ลังเลสักนิดก็ให้นางแล้ว”
คนหนึ่งส่งเสียงกระแอมไอออกมา “ความเป็นไปได้นี้ไม่อาจหยั่งถึงได้ แน่นอนว่าหน้าด้านมาก…”
คนที่พูดก่อนหน้ายิ้มเย็นชา “เช่นนั้นเจ้าใช้ความหน้าด้านของเจ้าไปหาไคหยางอ๋องเพื่อขอป้ายหมายเลขดู ดูซิว่าไคหยางอ๋องจะให้หรือไม่”
แค่นึกถึงท่านอ๋องหนุ่มที่ไม่ยิ้มแย้มผู้นั้น ทุกคนก็ใจสั่นสะท้านแล้ว
คุณหนูลั่วไม่อาจหยั่งถึงจริงๆ ด้วย!
ลั่วเซิงและคนอื่นๆ ออกไปไม่นานก็มีคนนำข่าวมารายงานจวนสกุลลั่วแล้ว
“อะไรนะ คุณหนูสามเชิญหมอเทวดามาได้สำเร็จแล้วจริงหรือ” ผิงลี่ที่นิ่งเฉยมาโดยตลอดแทบจะปล่อยถ้วยน้ำชาหลุดมือ
ฉีซื่อบุตรบุญธรรมคนที่สี่ตกตะลึงยิ่งกว่าผิงลี่เสียอีก “เข้าใจอะไรผิดหรือไม่”
อวิ๋นต้งพูดขึ้น “พี่สี่ คำพูดนี้น่าขันนัก คนขององครักษ์จิ่นหลิน หากแม้เรื่องนี้ยังทำพลาดจะต่างอะไรจากคนไร้ค่าเล่า”
ฉีซื่อหัวเราะเล็กน้อย “คุณหนูสามจู่ๆ ก็หนีจากจินซากลับมาเมืองหลวง น้องห้าเองมิใช่ไม่รู้เรื่องหรอกหรือ”
คำพูดนี้แทงใจดำของอวิ๋นต้งอย่างยิ่ง
ตัวเขานั้นเพื่อพ่อบุญธรรมที่ถูกลอบสังหารจึงรีบกลับมาเมืองหลวง นึกไม่ถึงว่าทางด้านจวนจินหลิงกลับเกิดความผิดพลาดขึ้นจนถึงตอนนี้เพิ่งจะได้รับจดหมายบอกว่าพบศพขององครักษ์จิ่นหลินที่รับผิดชอบดูแลความเคลื่อนไหวของลั่วเฉินแล้ว
“น้องสี่ น้องห้าไม่ต้องพูดแล้ว พวกเราออกไปรอต้อนรับเถอะ” ผิงลี่ลุกนำขึ้นก่อน
พี่น้องทั้งห้าคนยืนรออย่างเงียบๆ อยู่ตรงหน้าประตูใหญ่ ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าใด ในที่สุดก็เห็นรถม้าสองคันขับตามกันมา
รถม้าม่านสีเขียวขับอยู่ด้านหน้าจอดลงก่อน ลั่วเซิงและพี่น้องทยอยลงมาจากรถ
ลั่วเซิงเดินตรงไปยังรถม้าคันหลัง หลังจากรอหมอเทวดาหลี่ออกมาจึงยอบกายเล็กน้อยเอ่ย “ท่านหมอเทวดาเชิญเจ้าค่ะ”
หมอเทวดาหลี่เอียงหน้าพยักหน้าเล็กน้อย ไม่ได้มองผิงลี่และคนอื่นๆ ก็ก้าวเข้าประตูใหญ่ของจวนสกุลลั่วไป
เพราะคุณหนูเชิญหมอเทวดามาทั่วทั้งจวนสกุลลั่วจึงเดือดพล่าน
หากเทียบกันแล้ว จวนสกุลลั่วในขณะนี้อึกทึกครึกโครมมาก ส่วนจวนไคหยางอ๋องกลับเงียบสงบ
เว่ยหานนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ในลานกว้างดื่มน้ำชาไปครึ่งถ้วย ร้องเรียก “สือเยี่ยน”
สือเยี่ยนก็เข้ามาทันที “นายท่านมีเรื่องอะไรให้รับใช้หรือขอรับ”
“ไปหยิบตั๋วเงินสามพันห้าร้อยตำลึงส่งไปที่จวนแม่ทัพลั่ว”
“นายท่าน” สือเยี่ยนเผยสีหน้าประหลาดใจ
“เป็นอะไร” เว่ยหานขมวดคิ้ว ไม่รู้ว่าคำสั่งที่ง่ายดายเช่นนี้เหตุใดถึงทำให้คนประหลาดใจได้
สือเยี่ยนหรี่ตาเล็กน้อย “ความหมายของคุณหนูลั่ว หนี้ที่ท่านติดค้างไว้ชำระด้วยป้ายหมายเลขแล้วมิใช่หรือ”
“เอาไปให้นาง” เว่ยหานเผยสีหน้าแสนเย็นชา
สตรีเปลี่ยนแปลงได้ง่ายเหลือเกิน หากคุณหนูลั่วไม่ยอมรับเสียอย่าง จะทำอย่างไร
เขาเองไม่ขาดแคลนเงิน ไม่จำเป็นต้องถูกเด็กน้อยควบคุม
“ขอรับ” สือเยี่ยนแสดงสีหน้าเจ็บปวดออกมา
“ช้าก่อน”
“นายท่านยังมีอะไรจะสั่งอีกขอรับ”
“ให้น้องชายเจ้าสืออี้ไปแทน เจ้าไปขัดถังอุจจาระซะ”
สือเยี่ยน “…”