ปลายจวักครองใจ - ตอนที่ 7 ดอกซิ่งฮวาบานสะพรั่ง
ตอนที่ 7 ดอกซิ่งฮวาบานสะพรั่ง
ลั่วเซิงที่แทบถูกปกคลุมไปด้วยดอกไม้และต้นไม้ ยืนอยู่ในความมืดและมองตามเสียงที่ดังขึ้น
พวกเขาคือพวกคุณชายทั้งสี่
ลั่วเซิงได้กลิ่นสุราจางๆ
ก่อนหน้านี้พบกับคนทั้งสี่โดยบังเอิญ พวกเขาหวาดกลัวจนไม่กล้ากลับบ้านกินข้าว เห็นทีคงออกไปเที่ยวเตร่ข้างนอก
คุณชายสามเซิ่งเดินโซเซ และเหล่าพี่น้องกำลังพยุงไปยังทิศทางของเรือนลั่วเซิง
คุณชายรองเซิ่งเอ่ยด้วยน้ำเสียงเจ็บใจ “น้องสาม ทำไมเจ้าถึงต้องหมดอาลัยตายอยากกับสตรีที่ไม่มีใจให้เจ้าเล่า”
คุณชายสามเซิ่งเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย เผยให้เห็นดวงตาแดงก่ำภายใต้แสงจันทรา
“ใครหมดอาลัยกัน พี่รองอย่าพูดจาเหลวไหล”
“พูดจาเหลวไหลงั้นหรือ” คุณชายรองเซิ่งพับพัดตบไหล่ของคุณชายสามเซิ่งแล้วเอ่ยด้วยความโมโหว่า “แล้วใครดื่มจนเมาหัวราน้ำเช่นนี้เล่า มิใช่ดื่มสุราย้อมใจหรอกหรือ”
คุณชายใหญ่เซิ่งที่อยู่ด้านข้างห้ามทัพ “น้องรอง น้องสามเขาทุกข์ใจอยู่ พูดให้มันน้อยหน่อยเถิด”
คุณชายรองเซิ่งยิ้มเยาะ “ข้าแค่ทนดูไม่ไหวน่ะ แม่นางเฉียนแขวนคอตายเพราะไม่อาจแต่งงานกับซูเย่า น้องสามทำตัวเช่นนี้นับว่าเป็นอะไรกัน”
แขวนคอตายอย่างนั้นหรือ
ดวงตาของลั่วเซิงกะพริบเล็กน้อย
ดวงตาของนางราวกับทะเลสาบที่ปรากฏเงาสะท้อนของกิ่งดอกไม้จนทำให้เกิดระลอกคลื่นที่ประเดี๋ยวมืด ประเดี๋ยวสว่าง
ใบหน้าของคุณชายสามเซิ่งเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ เขาไม่รู้ว่าเขาดื่มมากเกินไปหรือรู้สึกอับอายกันแน่จึงตะโกนด้วยความโมโห “ใครเอะอะโวยวาย วันนี้สุราแรง ข้าดื่มเพิ่มสองอึกไม่ได้เลยหรือ”
คุณชายสี่เซิ่งดึงชายเสื้อของคุณชายสามเซิ่งอย่างแรง “พี่สาม หยุดพูดเถอะ…”
คุณชายสามเซิ่งที่มือขนาดใหญ่เท่าพัดลูบศีรษะน้องชาย “หลบข้างๆ ไป เด็กน้อยอย่างเจ้าก็อยากจะบ่นด้วยหรือไร”
คนเป็นพี่พูดมากก็มากพอแล้ว คนเป็นน้องยังจะอยากสั่งสอนเขาอีกหรือ
ใบหน้าเล็กของคุณชายสี่เซิ่งเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ เอ่ยตะกุกตะกักอย่างลนลาน “ไม่ใช่อย่างนั้น พี่ พี่สาวหลานนอกอยู่ตรงนั้น!”
อีกสามคนหยุดชะงักอย่างพร้อมเพรียงกันและเห็นลั่วเซิงยืนอยู่ข้างดอกไม้ใบหญ้าตรงหน้า แล้วใบหน้าหลากสีก็ปรากฏขึ้นมาทันที
ลั่วเซิงพยักหน้าให้พวกเขาทั้งสี่ด้วยสีหน้าไม่สะทกสะท้าน กล่าวทักทายและเดินมุ่งไปข้างหน้าพร้อมกับหงโต้ว
สายลมแรงที่โบกพัดดอกไม้ร่วงหล่นในยามค่ำคืนราวกับความเย็นเยือกในใจของพวกเขาทั้งสี่
คุณชายสามเซิ่งถูใบหน้าหน้าและเอ่ยถามอย่างงุนงง “น้องสาวหลานนอกจะได้ยินสิ่งที่เราพูดหรือไม่นะ”
คุณชายรองเซิ่งหัวเราะแหะๆ “ได้ยินเสียงของคนอื่นหรือไม่นั้น ค่อนข้างพูดยาก แต่เสียงตะโกนดังสามบ้านเจ็ดบ้านของน้องสาม คงได้ยินแน่นอน”
คุณชายสามเซิ่ง “…”
ลั่วเชิงกลับมาที่เรือน อาบน้ำแต่งตัว สวมชุดคลุมชั้นในสีขาวและเอนตัวลงบนเตียง
หงโต้วยกเก้าอี้เล็กมานั่งข้างกายนายหญิง พลางเอ่ยถามอย่างสงสัย “คุณหนู เหตุใดท่านถึงพูดว่าการเดินละเมอกลางดึกคือโรคที่ไม่อยากให้ใครรู้ล่ะเจ้าคะ”
ลั่วเซิงมองไปยังเงาต้นกล้วยบนหน้าต่างโปร่งสีเขียวและตอบเสียงราบเรียบ “ให้อีกฝ่ายรู้สึกปลอดภัย”
สาวใช้ตัวน้อยส่ายศีรษะ “บ่าวไม่เข้าใจเจ้าค่ะ”
ลั่วเซิงมองไปที่สาวใช้ตัวน้อยที่สับสนและยิ้มน้อยๆ “เจ้าไม่จำเป็นต้องเข้าใจ แค่ทำตามคำแนะนำของข้า ถึงจะล่องูออกจากถ้ำได้ง่าย”
สาวใช้ส่ายศีรษะ “บ่าวไม่เข้าใจเจ้าค่ะ”
ลั่วเซิงมองใบหน้าอันงุนงงของสาวใช้ รอยยิ้มที่ไม่ได้พบบ่อยก็ปรากฏขึ้น “เจ้าไม่จำเป็นต้องเข้าใจ ทำตามคำสั่งข้าก็พอแล้ว”
นางชอบสาวน้อยที่ไม่ฉลาดคนนี้
นางไม่มีความทรงจำของคุณหนูลั่วอยู่เลย โชคดีที่มาจวนสกุลเซิ่งไม่นานจึงไม่ต้องกังวลว่าจะเผยไต๋ต่อหน้าคนเหล่านี้
และหากสาวใช้ประจำกายฉลาดหลักแหลมเกินไป คงสร้างปัญหาให้กับนางอย่างแน่นอน
หากต้องฆ่าคนปิดปาก นางก็หักใจไม่ได้อยู่บ้าง
“ไปเรียกสาวใช้สองคนนั่นเข้ามา”
หงโต้วขานรับ หลังจากนั้นไม่นาน นางก็พาสาวใช้สองคนเดินเข้ามา
สองสาวใช้อายุสิบสามสิบสี่ ปกติรับผิดชอบงานยิบย่อย เวลาว่างไม่ได้อนุญาตให้เข้ามาในห้อง
“คุณหนู” สาวใช้ทั้งสองคนเกรงกลัวต่อความน่าเกรงขามของลั่วเซิงจึงโค้งคำนับอย่างระมัดระวัง
ลั่วเซิงพยักหน้าเล็กน้อยและเอ่ยกับหงโต้วว่า “เอาเงินมาสี่ตำลึง แบ่งให้คนละสองตำลึง”
หงโต้วน่ะเคยเห็นคุณหนูของตนใช้เงินเป็นจำนวนมากเช่นนี้มาก่อนแล้วจึงหยิบเงินยัดใส่อกของสาวใช้อย่างฉับไว ทำให้สาวใช้ทั้งสองตกใจกลัวจนคุกเข่าถามอย่างพร้อมเพรียงกัน “คุณ คุณหนูมีคำสั่งอันใดหรือเจ้าคะ”
ไม่ใช่ว่าคุณหนูหลานนอกขาดคนจึงให้พวกนางไปฉุดบุรุษตระกูลใดตระกูลหนึ่งกลางตลาดหรอกนะ
แม้เงินจะดี แต่พวกนางทำเรื่องแบบนี้ไม่ได้
ลั่วเซิงสั่งเสียงราบเรียบ “พรุ่งนี้พวกเจ้าไปตลาด…”
หนึ่งในสาวใช้ขยับร่างกาย หมอบกับพื้นเสียงดัง “คุณหนู ให้ไปฉุดผู้ชาย บ่าวทำเรื่องแบบนี้ไม่ได้จริงๆ เจ้าค่ะ!”
ลั่วเซิงนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ
หงโต้วโกรธจนกระทืบเท้าและด่าทอเสียงดัง “ถุย นังเด็กเมื่อวานซืนจะฝันหวานเกินไปแล้ว หน้าที่ฉุดบุรุษจะตกมาถึงมือเจ้าหรือ”
มีหงโต้วอยู่ข้างกาย คุณหนูจะปล่อยให้คนอื่นทำได้อย่างไร
มันจะดูถูกสาวใช้อันดับหนึ่งกับลูกมือชั้นเยี่ยมเกินไปเสียแล้ว!
ดวงตาของสาวใช้ทั้งสองเบิกกว้างทันทีที่ได้ยินถึงตรงนี้
ลั่วเซิงน้ำเสียบราบเรียบ ไม่สะทกสะท้านต่อปฏิกิริยาโต้ตอบของสาวใช้ทั้งสามและสั่งต่อว่า “พรุ่งนี้เช้า พวกเจ้าลองไปตลาดสืบดูหน่อยว่ามีแม่นางสกุลเฉียนแขวนคอตายหรือไม่ ยิ่งละเอียดยิ่งดี แต่หากคิดว่าตนไปสืบหาข้อมูลเองไม่สะดวกก็ไหว้วานญาติมิตรให้ทำได้ เงินสองตำลึงนี้ถือเป็นค่าเสียเวลา หากสืบจนได้ความ จะตบรางวัลให้เพิ่มอีกสองตำลึง”
สาวใช้ทั้งสองรู้สึกโล่งใจเมื่อได้ยินว่าให้พวกนางไปสืบหาข้อมูลจึงเอ่ยอย่างพร้อมเพรียงกัน “คุณหนูสบายใจได้เจ้าค่ะ พวกเราจะออกไปสืบหาข้อมูลกันตั้งแต่รุ่งสาง”
หลังจากทั้งสองพูดจบก็จ้องอีกฝ่ายด้วยแววตาระมัดระวัง
คุณหนูบอกว่าหากพรุ่งนี้สืบข้อมูลได้มากพอจะเพิ่มเงินให้สองตำลึง จะปล่อยให้อีกฝ่ายได้ไปไม่ได้
สาวใช้ทั้งสองเดินออกจากห้องอย่างมีความสุข หงโต้วจึงถามขึ้นมาว่า คุณหนู ท่านให้พวกนางไปสืบเรื่องนี้ทำไมหรือเจ้าคะ”
“อยากรู้อยากเห็นน่ะ” ลั่วเซิงนอนตะแคงและดึงผ้าห่มคลุมกาย
กลิ่นหอมของผ้าห่มผืนนี้ทั้งคุ้นเคยและแปลกหน้า พริบตาเดียวก็เข้าสู่วันใหม่
ลั่วเซิงลืมตาตั้งนานแล้ว
ต้นกล้วยโบกสะบัดไปมาอยู่นอกหน้าต่างโปร่งสีเขียว เสียงนกกระเต็นดังก้องเข้ามา
หงโต้วนอนอยู่บนพื้นของเตียงนอน ขณะนี้ยังคับนอนหลับฝันหวานอยู่
ลั่วเซิงไอเสียงเบาและตะโกนรียก “หงโต้ว”
แม้เสียงของนางจะไม่ได้ดังมาก แต่หงโต้วก็รีบลุกขึ้น ขยี้ตาแล้วเอ่ยถามด้วยความงัวเงีย “คุณหนู ท่านทำไมถึงตื่นเช้าเช่นนี้ล่ะเจ้าคะ”
ลั่วเซิงยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย “ไม่เช้าแล้ว ถึงเวลาต้องไปน้อมทักทายท่านยายแล้ว”
ทันใดนั้น หงโต้วก็ตื่นอย่างสมบูรณ์และเอ่ยด้วยความเหลือเชื่อ “ท่านไม่เคยไปน้อมทักทายมาก่อนเลยนะเจ้าคะ”
แม้ครั้นอาศัยอยู่ที่เมืองหลวง คุณหนูยังนอนถึงช่วงสายๆ ถึงจะยอมตื่น กินอิ่มก็พาเหล่าสาวใช้และบ่าวทั้งหลายไปเดินเล่นที่ตลาด
น้อมทักทายคืออะไรหรือ
ลั่วเซิงเหลือบมองหงโต้วและเอ่ยเสียงราบเรียบ “เมื่อก่อนข้าไม่เคยไปเดินเล่นที่ประตูนรก บัดนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว”
ฉากตรงหน้าทำให้หงโต้วตกตะลึง แต่กลับอธิบายเหตุผลไม่ถูก และรีบไปช่วยลั่วเซิงแต่งองค์ทรงเครื่อง
สองนายบ่าวเดินออกจากเรือน มุ่งหน้าไปยังเรือนฝูหนิงอย่างเชื่องช้า
จวนสกุลเซิ่งตกแต่งตามแบบฉบับของความเป็นเจียงหนาน ดูละมุนละไมแต่แฝงไว้ด้วยความหมายและสง่างาม โดยเห็นดอกไม้บานสะพรั่งอยู่ทุกแห่งหน
หงโต้วสูดอากาศบริสุทธิ์และยิ้มกริ่มเอ่ย “นึกไม่ถึงว่าแม้จวนสกุลเซิ่งจะดูเล็ก แต่สวนดอกในยามเช้ากลับดูงดงามไม่น้อยเลยเจ้าค่ะ”
ลั่วเซิงก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างเชื่องช้า โดยไม่แสดงความเห็น
หงโต้วหยุดเดินกะทันหัน “คุณหนู ท่านรอก่อน”
ลั่วเซิงหยุดเดิน มองเห็นสาวใช้ยกกระโปรงวิ่งไปที่ต้นซิ่งฮวา ยืนเขย่งปลายเท้าและเด็ดดอกซิ่งฮวาวิ่งกลับมา
“คุณหนู ดอกซิ่งฮวานี้บานงดงามมาก ข้าเด็ดมาปักผมให้ท่านดีหรือไม่เจ้าคะ”
สายตาของลั่วเซิงเลื่อนจากใบหน้าแดงก่ำของสาวใช้ไปยังดอกไม้ที่บานสะพรั่งดอกนั้นแล้วพยักหน้าเล็กน้อย “ได้”
หงโต้วปักดอกซิ่งฮวาไว้รอบมวยผมของลั่วเซิง พลางกระซิบทันทีว่า “คุณหนู คุณหนูลูกพี่ลูกน้องทั้งสองของท่านกำลังเดินมาเจ้าค่ะ”