ปาฏิหาริย์รัก เทพธิดาจำแลง - ตอนที่ 117
“อาเหลียง อย่าพูดกับฉันแบบนี้สิ” ถังซีกล่าว น้ำตาไหลรินจากดวงตา ทันใดนั้นหัวใจเย็นชาของเฉียวเหลียงก็หวั่นไหวขึ้นมาเพราะน้ำตาของเธอ เขาคว้าไหล่ถังซี ถามด้วยความโมโห “คุณเป็นใครกันแน่ รู้อีเมล์แอดเดรสและรหัสผ่านของซีซีได้ยังไง! ทำไมแกล้งสวมรอยเป็นเธอ ส่งอีเมล์ในชื่อเธอ”
ถังซียิ้มอย่างขมขื่น “ฉันคิดว่าคุณจะจำฉันได้เสมอ ไม่ว่าฉันจะเป็นใคร” เธอกระซิบ ขณะมองหน้าเฉียวเหลียงซึ่งนิ่งแข็งไปทันที “อาเหลียง ฉันคือซีซี”
เฉียวเหลียงรู้สึกราวกับสายฟ้าฟาดลงมากลางใจ เขาจ้องมองลึกลงไปในดวงตาถังซี และกล่าวอย่างเยือกเย็น “อย่าให้ผมต้องถามซ้ำเป็นครั้งที่สาม!”
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม!” ถังซีร้องออกมา เธอกัดริมฝีปากขณะมองหน้าชายหนุ่มผู้ไม่ยอมเชื่อเธอ แล้วกล่าวต่อไป “จู่ๆ เครื่องบินก็สั่นสะเทือนอย่างแรง แล้วฉันก็ร่วงลงไปในทะเล ก่อนจะทันรู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้น ฉันก็เห็นตัวเองระเบิดออกเป็นชิ้นๆ และเมื่อตื่นขึ้นมาอีกทีฉันก็กลายเป็นเซียวโหรว”
“คุณคือซีซีจริงๆ หรือ” ดูเหมือนเฉียวเหลียงจะเริ่มเชื่อเธอแล้ว
ถังซีหยุดไปชั่วครู่ เธอคิดว่าคงเป็นการยากที่จะโน้มน้าวเฉียวเหลียง
ถังซีถลามาข้างหน้าโอบกอดเฉียวเหลียง น้ำตาเธอเปียกเสื้อเขา เธอพยักหน้าอย่างแรงกล่าวว่า “ใช่ ใช่ ใช่ ฉันคือซีซี หลังจากตื่นขึ้นมาไม่นานฉันก็ยอมรับความจริงว่าฉันกลายเป็นเซียวโหรวไปแล้ว ในเมื่อฉันยังมีชีวิตอยู่ อย่างน้อยฉันก็จะสามารถกลับไปหาคุณปู่ อย่างน้อยคนที่ต้องการฆ่าฉันก็ทำไม่สำเร็จ”
“ทำไมคุณไม่เล่าเรื่องนี้ให้ผมฟังตั้งแต่ที่ผมเจอคุณที่โรงพยาบาล” น้ำเสียงเฉียวเหลียงแหบต่ำ เขาจำได้ว่าเธอดูแปลกๆ ตอนเห็นเขาที่โรงพยาบาลในวันนั้น แต่เขาไม่ได้สนใจ เขาเดินห่างออกไปเพื่อไป โทรศัพท์ แล้วเมื่อเดินกลับมาเขาเห็นเธอพูดคุยอยู่กับมารดาเขา
จากนั้นเขาก็ได้ยินเธอพูดว่า ‘คุณป้าเฉียวคะ ลูกชายคุณป้าหล่อมากเลยค่ะ’
“ใช่สิ ก็เพราะตอนนั้นฉันยังโกรธคุณอยู่” ถังซีปล่อยมือเฉียวเหลียง ยิ้มเศร้า “คุณไม่มาหาฉันเลยนี่ตลอดเวลาหลายปี ฉันก็ต้องโกรธสิ แล้วตอนนั้นจู่ๆ ฉันก็กลายเป็นเซียวโหรวไปอีก ถ้าฉันรีบเข้าไปหาคุณ บอกคุณว่าฉันคือถังซี คุณอาจทำให้ฉันถูกจับไปขังในโรงพยาบาลบ้า”
เฉียวเหลียงมองหน้าหญิงสาวที่กำลังเล่าเรื่องด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา และประกายความเจ็บปวดเต็มเปี่ยมในดวงตา ถังซีนั่งลงบนพื้น เงยหน้าขึ้นมองเฉียวเหลียงขณะกล่าวว่า “เพราะพี่จิ่งเล่าให้ฉันฟังว่าเกิดอะไรขึ้นกับคุณบ้างในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ฉันจึงได้รู้ว่าคุณต้องทนทุกข์ทรมานมากแค่ไหน คุณพยายามติดต่อฉันหนักแค่ไหน”
“ไม่มีใครบอกคุณเลยหรือว่าผมอยากพบคุณ” เฉียวเหลียงนิ่วหน้าถาม “ฉินซินหยิ่งไม่ได้บอกคุณหรือ เรื่องที่ผมไปหาคุณที่บ้านไปขอพบคุณ และส่งอีเมล์มากมายถึงคุณ”
หัวใจถังซีวูบลง ทันใดนั้นภาพเหตุการณ์นับไม่ถ้วนก็แทรกผ่านเข้ามาในจิตใจ เธอส่ายศีรษะและยิ้มก่อนจะตอบว่า “ซินหยิ่งรักคุณ แต่พวกเราไม่ได้สังเกต จะเป็นไปได้ยังไงที่เธอจะบอกเรื่องพวกนี้กับฉัน”
เฉียวเหลียงหรี่ตาลง เป็นอย่างที่เขาคาดไว้ ผู้หญิงคนนั้นใช่เล่ห์เพทุบายกับเขาทั้งสองคน!
ถังซีเอื้อมมือไปหาเฉียวเหลียงซึ่งก้าวเข้ามาหาเธอ จับมือเธอ แล้วดึงเธอเข้าไปในอ้อมแขน จากนั้นเขาก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วต่ำ “คุณก็เลยโทรหาผม เมื่อคุณรู้ว่าผมทำอะไรเพื่อคุณบ้าง แต่คุณไม่กล้าพูด คุณก็เลยส่งอีเมล์ถึงผม”
ถังซีพยักหน้า “ฉันกลัวว่าคุณจะไม่เชื่อเรื่องราวที่ไม่น่าเป็นไปได้นี้ แม้แต่ที่คุณถามฉันเมื่อกี้ ฉันก็ยังกลัวว่าคุณจะไม่เชื่อ คุณอาจผลักฉันตกลงไปจากระเบียงนี่ก็ได้”
“ถ้าคุณไม่บอกว่าคุณคือซีซี ผมก็อาจผลักคุณตกลงไปจริงๆ” เฉียวเหลียงกอดถังซีแน่น ราวกับกลัวเธอจะหายตัวไปถ้าเขาปล่อยเธอ “ไม่ว่าคุณจะเป็นใครในตอนนี้ ขอแค่คุณยังมีชีวิตอยู่ก็พอ”
“คุณรู้แล้วว่าฉันคือถังซี ก่อนที่ฉันจะบอกคุณใช่ไหม” ถังซีมองหน้าเฉียวเหลียง ซึ่งไม่ใช่คนที่จะเชื่อคนอื่นง่ายๆ โดยเฉพาะเมื่อพูดถึงเรื่องที่เกี่ยวกับเธอ
เฉียวเหลียงพยักหน้าตอบว่า “ผมเพียงแค่สงสัย แต่เป็นเพราะอาหกสืบหาพื้นที่สัญญาณของคุณพบ ผมจึงเริ่มนึกอะไรบางอย่างออก นึกถึงวิธีที่คุณพูดกับผมที่โรงเรียน และในอีเมล์…” เมื่อถึงตอนนี้สายตาเฉียวเหลียงก็พร่ามัวขณะพูดต่อไป “และผมรู้สึกเหมือนผมเห็นคุณอย่างที่เป็นในปัจจุบัน ตอนอยู่ที่ลองบีช…”
ขณะที่ถังซีกำลังตกตะลึง เฉียวเหลียงก็กล่าวเสริม “ผมตรวจสอบอดีตของเซียวโหรว รวมทั้งตอนที่เธออยู่ที่โรงเรียนมัธยมต้นเหิงซาน ผลการเรียนของเธอไม่ค่อยดีนัก และเธอเป็นคนไม่มั่นใจในตัวเองเลย แต่เซียวโหรวที่เข้าเรียนในโรงเรียนมัธยมปลายตี้อีเหมือนเป็นคนละคน ผลการเรียนของเธอดีมาก เธอมั่นใจในตัวเอง และเข้มแข็ง”
เขาไม่รู้จักเซียวโหรวคนเก่าเลย แต่เขาคุ้นเคยกับเซียวโหรวคนใหม่มาก
ถังซีกอดเฉียวเหลียงแน่น “ขอบคุณนะคะ ขอบคุณที่คุณรักฉันมากขนาดนี้”
…
เมื่อถึงจุดนี้ทั้งเจ็ดคนในห้องพิเศษก็หมดความอดทน เกือบชั่วโมงแล้วที่ทั้งสองออกไปด้วยกัน! เซียวเหยาผลุดลุกขึ้นและเปิดประตูออกไป อาห้าลุกขึ้นมาห้ามเขาทันที พยายามหัวเราะออกมาเบาๆ กล่าวว่า “คุณเซียวครับ กรุณารอซักครู่ เดี๋ยวนายน้อยก็พาน้องสาวของคุณกลับมาครับ ได้โปรดเถอะครับ ช่วยผมหน่อยนะครับ อย่าเพิ่งรบกวนพวกเขาเลย”
เซียวเหยามองหน้าอาห้าอย่างเย็นชา กล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “หลีกไป!”
แทนที่จะถอยกลับ อาห้ากลับมองไปที่เซียวจิ่งด้วยสายตาอ้อนวอน “คุณเซียวจิ่งครับ ได้โปรดบอกคุณเซียวเหยาด้วยเถอะครับ คุณก็รู้อารมณ์นายน้อยดี เขาจะโกรธมากถ้าไม่บรรลุเป้าหมาย และคนที่จะเดือดร้อนคือพวกเรานะครับ!”
เฮ่อหว่านโจวเดินเข้ามาพูดกับอาห้าด้วยความโมโห “เรารู้ดีว่านายน้อยของนายเป็นมนุษย์ประหลาด พวกเราเริ่มคุ้นเคยกับอารมณ์แปลกประหลาดของเขามาหลายปีแล้ว แต่โหรวโหรวเป็นเพียงเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่ง หัวใจนายน้อยของนายไม่เคยอ่อนโยนกับสตรีเพศอยู่แล้ว จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเขาทำร้ายโหรวโหรว”
อาห้ายิ้มแล้วกล่าวว่า “คุณเฮ่อครับ คุณเข้าใจนายน้อยของเราผิดแล้ว เขารู้วิธีปฏิบัติต่อผู้หญิงเป็นอย่างดีครับ”
หนิงเหยี่ยนเลิกคิ้วถาม “นายน้อยของคุณไม่ได้ไปสร้างโรงงานแถวทะเลแปซิฟิกหรอกหรือ ทำไมเขาถึงรีบกลับมากะทันหันอย่างนี้ล่ะ ไม่ใช่เพราะได้ยินข่าวว่าลูกสาวตระกูลเซียวสวยมาก ก็เลยรีบกลับมาจีบเธอใช่ไหม”
คำพูดของเขาทำให้พี่น้องตระกูลเซียวฉุนกึกขึ้นมาทันที เมื่อเห็นว่าตัวเองประสบความสำเร็จในการหว่านเมล็ดพันธุ์แห่งความบาดหมาง หนิงเหยี่ยนก็ยิ้มอย่างมีชัย และไม่พูดอะไรต่อไปอีก
เฮ่อหว่านอีก็ขมวดคิ้วเช่นกัน เธอไม่คิดว่าโหรวโหรวจะสามารถทนต่อความ ‘เกรี้ยวกราด’ ของเฉียวเหลียงได้ แม้เขาจะดูไม่ได้มีอารมณ์โกรธสักเท่าไรตอนออกไปกับเซียวโหรว
แต่ด้วยความเอาแต่ใจตัวเอง เขาอาจหยาบคายกับโหรวโหรว…
ทุกคนกำลังวิตกกังวลอย่างมาก เมื่อถังซีกับเฉียวเหลียงเดินเคียงข้างกันกลับมา แม้ทั้งสองจะไม่พูดอะไร แต่ทุกคนเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าเฉียวเหลียงได้ชัดเจน ในขณะที่ถังซีก็ดูท่าทางมีความสุขไม่แพ้กัน
เมื่อเห็นทุกคนกำลังมองมาที่เขา เฉียวเหลียงก็เดินเข้ามาและส่งสัญญาณให้อาห้าออกไป หลังจาก อาห้าออกไปแล้วเขาก็กล่าวว่า “เมื่อครู่นี้ผมมีบางอย่างจะถามเซียวโหรว ขอโทษที่ผมหยาบคายไปสักหน่อย เดี๋ยวผมจะจ่ายบิลคืนนี้ให้ทั้งหมดเอง”
“มีอะไรสำคัญ ทำให้คุณเฉียวของเราถึงกับต้องมาที่นี่ด้วยตัวเองอย่างนี้หรือ” หนิงเหยี่ยนถามด้วยรอยยิ้มกริ่ม “และยังรีบร้อนขนาดนั้น”
เฉียวเหลียงหันไปมองถังซี แล้วเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม “ผมแค่มาถามเซียวโหรวว่า เธอจะเป็นแฟนผมได้ไหม” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ราวกับกำลังพูดถึงสภาพลมฟ้าอากาศที่ดีในวันนี้