ปาฏิหาริย์รัก เทพธิดาจำแลง - ตอนที่ 122 เซียวจิ่งโกรธจัด
ปฏิกิริยาตอบสนองของเซียวจิ่งต่อคำพูดของอาห้าคือพรวดพราดลุกขึ้นในทันที และโยนแฟ้มกระแทกลงบนโต๊ะอย่างแรง เขาจ้องหน้าอาห้าด้วยความตกใจ ขณะถามว่า “เขาไม่ได้นอนมาสิบกว่าวันหรือ เกิดอะไรขึ้นกับเขา”
คนปกติคงไม่สามารถลุกขึ้นเดินไปเดินมาได้อย่างนี้ และสติต้องเลื่อนลอย ถ้าอดนอนสักสามวัน แต่นี่เฉียวเหลียงไม่ได้นอนนานสิบกว่าวัน เขาอยากตายหรือไง
“นายน้อยนอนประมาณวันละสามชั่วโมงทุกวันตอนที่เราอยู่บนเกาะ เพราะเขากังวลเรื่องคุณถังครับ เขาออกค้นหาเธอกับพวกเรา เพราะฉะนั้นบางครั้งเขาก็นอนน้อยกว่าสามชั่วโมง และแค่งีบหลับ…” อาห้าดูท่าทางวิตกกังวลขณะพูด “ที่ลองบีชยิ่งแย่ลงไปอีกครับ เขาไม่ได้นอนเลย เขามีแต่ภาพหลอนตลอดเวลา แม้แต่เวลานอนอยู่บนเตียงเขาก็นอนไม่หลับ…
…เราแอบใส่ยานอนหลับลงไปในน้ำที่เขาดื่ม แต่ยาทำอะไรนายน้อยไม่ได้เลย” อาห้าดูท่าทางเครียดจัดขณะมองหน้าเซียวจิ่ง “นายน้อยไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน แม้แต่ตอนที่เขารับมือกับลู่กวงสยงเมื่อห้าปีที่แล้ว ผมเป็นห่วงจริงๆ ว่าร่างกายเขาอาจพังได้ครับ”
“ร่างกายเขาพังมานานแล้ว!” เซียวจิ่งออกจากห้องทำงานอย่างรวดเร็ว ไม่น่าแปลกใจที่เฉียวเหลียงมาทำงานทันทีหลังจากเดินทางมาบนเครื่องบินทั้งคืน ก็เพราะเขาไม่ยอมหลับยอมนอนนี่เอง ถ้าเขาทำอย่างนี้ต่อไป เขาจะตายทันทีเมื่อร่างกายเขาถึงขีดสุด!
เมื่อคิดเช่นนี้เซียวจิ่งก็เร่งฝีเท้า เขาผลักประตูห้องทำงานเฉียวเหลียงเข้าไป เฉียวเหลียงเงยหน้าขึ้นมองเขา ขมวดคิ้วถามเสียงเรียบ “นายอ่านเอกสารเสร็จแล้วหรือ”
เซียวจิ่งเดินเข้าไปหาเขาพร้อมกับกล่าวขึ้นตรงๆ ด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “ฉันเกรงว่านายอาจตายได้ทุกนาที ก่อนที่ฉันจะอ่านเอกสารเสร็จ!” เฉียวเหลียงไม่พูดอะไร เซียวจิ่งจ้องหน้าเขา แล้วออกคำสั่ง “ไปนอน!”
เฉียวเหลียงไม่สนใจการเร่งเร้า ยังคงอ่านเอกสารต่อไปต่อหน้าเขา “ฉันนอนไม่หลับ”
เซียวจิ่งมองเฉียวเหลียงอย่างพิจารณา ขมวดคิ้วแบบไม่รู้จะทำอย่างไร “นายไม่อยากนอน หรือนอนไม่หลับ”
เฉียวเหลียงวางปากกาแล้วเงยหน้าขึ้นมองเซียวจิ่ง สีหน้าบึ้งตึงเล็กน้อยขณะกล่าวว่า “ฉันไม่อยากนอน และนอนไม่หลับด้วย”
เซียวจิ่งหยุดพูด เมื่อไม่อยากนอนเขาก็ต้องนอนไม่หลับเป็นธรรมดา แม้จะเข้านอนแล้วก็ตาม แต่ทำไมเฉียวเหลียงถึงนอนไม่หลับ เป็นเพราะเขากลัวว่าถังซีจะหายไปเมื่อเขาตื่นขึ้นมาใช่ไหม
เมื่อคิดเช่นนี้เซียวจิ่งก็เริ่มรู้สึกเสียใจกับเฉียวเหลียงขึ้นมาอีก ถ้าถังซีไม่ได้กลายเป็นเซียวโหรว เขาคงได้เข้าร่วมพิธีรำลึกถึงเฉียวเหลียงในอีกไม่กี่วันนี้ใช่ไหม
“เป็นเพราะถังซีหรือ” เซียวจิ่งถาม มองเฉียวเหลียงอย่างพิจารณา “ตอนนี้นายก็รู้แล้วว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ และจะไม่จากไปไหน เพราะฉะนั้นนายก็นอนหลับได้อย่างสบายใจแล้ว”
“แต่นั่นยังไม่ใช่” เฉียวเหลียงมองหน้าเซียวจิ่ง ก่อนจะหยิบกล่องน้ำแข็งกล่องเล็กๆ ออกมาจากลิ้นชัก แล้วกล่าวเสียงแหบห้าว “นี่คือนิ้วของเธอ ถึงแม้เธอจะยังมีชีวิตอยู่ แต่เธอไม่ใช่คนเดิมอย่างที่เคยเป็นอีกต่อไปแล้ว เป็นเพราะฉัน เธอถึงต้องมาเสียชีวิตอย่างน่าเศร้าแบบนี้ เธอเหลือเพียงแค่นิ้วนิ้วเดียว”
“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับนายเลย!” เซียวจิ่งร้องออกมา “ไม่มีใครคาดคิดว่าเธอจะประสบอุบัติเหตุเครื่องบินตก นี่เป็นแค่อุบัติเหตุ!”
“ไม่ใช่อุบัติเหตุ!” เฉียวเหลียงตอบอย่างจริงจัง “นี่ไม่ใช่อุบัติเหตุ มีการวางแผนอย่างรอบคอบ ฉันให้คนของฉันตรวจสอบแล้ว! มีคนแอบเข้าไปทำอะไรบางอย่างกับถังน้ำมันและเครื่องยนต์ของเครื่องบิน ทำให้เครื่องบินขัดข้อง ฉันไม่ได้ดูแลปกป้องซีซีให้ดี ทุกครั้งที่ฉันหลับตาลง ฉันเห็นร่างกายเธอแหลกเป็นเสี่ยงๆ” จากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงคำรามเบาๆ “ฉันจะนอนหลับอย่างเป็นสุขได้ยังไง กับภาพนั้นในใจฉัน!”
เซียวจิ่งตัวแข็ง อึ้งมองเฉียวเหลียงอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวว่า “เธอแค่เปลี่ยนรูปร่างหน้าตาภายนอก นายไม่ต้องกังวลกับเรื่องนี้อีกต่อไปแล้ว ไปนอนเถอะ เมื่อตื่นขึ้นมานายจะพบว่าโลกนี้สวยงามมากแค่ไหน…
…นายมีถังซีอยู่เคียงข้าง และมีพวกเราอยู่เคียงข้างนายด้วย”
เฉียวเหลียงมองหน้าเซียวจิ่งที่กำลงพยายามให้กำลังใจเขาด้วยสายตาลึกล้ำ และยิ้มขณะตอบว่า “นายกลัวว่าฉันจะตายหรือ” แม้ใบหน้าจะยิ้ม แต่รอยยิ้มของเขาดูเศร้ามาก
“ก็ใช่น่ะสิ!” เซียวจิ่งคำราม “ฉันกลัวว่านายจะตาย! ไปเลย ไปนอน!”
“ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันจะไม่ตายเร็วๆ นี้” เฉียวเหลียงก้มศีรษะลงจัดการกับเอกสารต่อไป เซียวจิ่งโมโหมาก เขากระแทกประตูและจากไป เมื่อได้ยินเสียงกระแทกเฉียวเหลียงก็เงยหน้าขึ้นมองประตู ก่อนจะเรียกเลขานุการ พร้อมกับทำงานต่อไป “ขอกาแฟให้ฉันถ้วยหนึ่ง”
เมื่อประตูเปิดออกอีกครั้ง ผู้ที่ปรากฏตัวไม่ใช่เลขานุการ แต่เป็นเซียวจิ่งซึ่งเพิ่งจากไปด้วยความโกรธ เฉียวเหลียงรู้สึกรำคาญใจเล็กน้อย และขมวดคิ้วกล่าวว่า “ไปทำงาน ตอนนี้ฉันยุ่งอยู่”
เซียวจิ่งไม่สนใจคำพูดเขา ตรงเข้ามานั่งตรงกันข้ามเขา เฉียวเหลียงขมวดคิ้ว บรรยากาศรอบตัวตึงเขม็งเมื่อเขากล่าวว่า “ฉันบอกให้ไปทำงาน อย่ารบกวนฉัน!”
บรรยากาศอันตึงเครียดทำให้เลขานุการซึ่งยืนอยู่หน้าประตูพร้อมกับถ้วยกาแฟ ไม่กล้าก้าวเข้าไปในห้อง
เซียวจิ่งนั่งนิ่งอยู่ตรงนั้น พร้อมกับไขว่ห้างจ้องมองเฉียวเหลียงและกล่าวว่า “ถ้านายยอมนั่งเฉยๆ อยู่ตรงนี้ มองมาที่ฉันครึ่งชั่วโมงโดยไม่ทำอะไรเลย ฉันจะกลับไปทำงานทันที”
เฉียวเหลียงมองหน้าเซียวจิ่งอย่างงุนงง ก่อนจะถอนหายใจส่งเสียงดังและกล่าวว่า “ไม่” จากนั้นเขาก็อ่านเอกสารบนโต๊ะต่อไป
เซียวจิ่งเฝ้ามองนาฬิกาปาเต็ก ฟิลิปป์ต่อไปเรื่อยๆ พร้อมกับฮัมเพลงเบาๆ ไม่สนใจสายตาจ้องเขม็งอย่างดุดันของเฉียวเหลียง ในที่สุดเฉียวเหลียงก็ทนไม่ได้อีกต่อไป เขาจึงเรียกอาห้า เมื่ออาห้าเข้ามาเขาก็ชี้ไปที่เซียวจิ่ง กล่าวเสียงเรียบว่า “โยนเขาออกไป”
เซียวจิ่งโกรธจัด “เฉียวเหลียง ฉันทำแบบนี้ก็เพื่อสิ่งที่ดีต่อตัวนายเองนะ นายมันก็แค่คนขี้ขลาดที่ไม่กล้านอนหลับเพียงเพราะผู้หญิงคนเดียว แล้วนายจะทำอะไรได้ในโลกนี้!” เซียวจิ่งดิ้นรนต่อสู้อย่างหนักขณะถูกลากออกไปข้างนอกโดยอาห้า พร้อมกับด่าว่าเฉียวเหลียง “มีใครที่นายกล้าทำกับเขาแบบนี้ นอกจากฉัน นายกล้าทำแบบนี้กับถังซีไหมล่ะ!”
เฉียวเหลียงผลุดลุกขึ้นทันที มองหน้าอาห้าด้วยสายตาเยือกเย็น ฝ่ายหลังตอบรับด้วยการปล่อยตัวเซียวจิ่ง และออกไปจากห้องทำงานทันที เฉียวเหลียงเดินเข้าไปหาเซียวจิ่งทีละก้าว ทั้งคู่สูงร้อยแปดสิบแปดเซนติเมตรเท่ากัน แม้ว่ารังสีอำมหิตที่ปล่อยออกมาจากเฉียวเหลียงจะรุนแรงกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับเซียวจิ่ง แต่ฝ่ายหลังก็ยังจ้องมองเฉียวเหลียงอย่างท้าทาย และกล่าวเสียงดังลั่น “ทำไม นายจะทำอะไรฉัน อยากชกกับฉันหรือไง!”
“เซียวจิ่ง นายควรกลับไปทำงานในขณะที่ฉันยังพูดกับนายด้วยความอดทน” น้ำเสียงเฉียวเหลียงทุ้มต่ำขณะเอ่ยออกมา “แทนที่จะเสียเวลากับเรื่องโง่เง่า อย่างการพยายามทำให้ฉันนอนหลับ นายควรกลับไปนั่งคิดหาวิธีจัดการกับคนพวกนั้นแต่ละคนโดยเร็วที่สุด ฉันไม่อยากเห็นคนพวกนั้นอยู่ในเฉียวอินเตอร์เนชันแนลกรุปอีกต่อไป เข้าใจไหม”
“แล้วนายล่ะ นายทำอะไรอยู่” เซียวจิ่งหัวเราะเยาะ “นายเกือบจะฆ่าตัวตายเพื่อผู้หญิงคนหนึ่ง แม้แต่ตอนนี้นายก็ยังไม่หยุดทรมานตัวเองเพื่อเธอ แล้วนายมาต้องการให้ฉันทำอย่างอื่นเพื่อความยิ่งใหญ่ของนาย นายคิดว่านายยิ่งใหญ่จริงหรือ”
เฉียวเหลียงขมวดคิ้วด้วยความเดือดดาล ขณะโต้ตอบ “พูดอีกครั้งสิ!”
เซียวจิ่งเริ่มกลัวเล็กน้อย ดูเหมือนเขาจะจี้ใจดำเฉียวเหลียงเข้าให้แล้ว… เขามองดูนาฬิกาโดยคิดในใจว่า ถ้ารถไม่ติด เธอควรมาถึงที่นี่ได้แล้วตอนนี้!